ในยุคที่เกษตรกรเริ่มหันมาปลูกพืชแบบปลอดสารพิษมากขึ้น สมุนไพรพื้นบ้าน กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดการใช้สารเคมี หนึ่งในสมุนไพรที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ “หนอนตายหยาก” ซึ่งมีสรรพคุณโดดเด่นในการ ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช โดยเฉพาะหนอนและแมลงต่างๆ ได้ผลดีแถมปลอดภัยกับคนและสิ่งแวดล้อม

รู้จักกับ “หนอนตายหยาก”
หนอนตายหยาก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Derris elliptica) เป็นไม้เลื้อยที่พบได้ทั่วไปในป่าเบญจพรรณของไทย มีชื่อเรียกในแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกัน เช่น “กำลังช้างเผือก”, “เครือเขาหนัง”, หรือ “บงตายหยาก” นิยมใช้รากและเถ้าเป็นส่วนผสมหลักในการทำยากำจัดแมลง
จุดเด่นอยู่ที่สาร โรติโนน (Rotenone) ที่มีอยู่ในรากและเปลือกลำต้น ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ออกฤทธิ์ในการทำลายระบบประสาทของแมลง ทำให้แมลงหยุดกิน หยุดเคลื่อนไหว และตายในที่สุด

สรรพคุณในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
โดยไม่ทำอันตรายต่อพืชหรือผู้บริโภค จึงเหมาะกับเกษตรอินทรีย์หรือผู้ที่ต้องการลดการใช้สารเคมีในสวนของตน หนอนตายหยากสามารถใช้ไล่และฆ่าแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น
- หนอนใยผัก
- หนอนกระทู้
- เพลี้ยอ่อน
- แมลงวันทอง
- ด้วงและแมลงปากกัดปากดูดหลายชนิด
วิธีการทำน้ำหมักสมุนไพรหนอนตายหยาก
ส่วนผสม
- รากหรือเถาหนอนตายหยากสด 1 กิโลกรัม (หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ)
- น้ำสะอาด 10 ลิตร
- เหล้าขาวหรือน้ำส้มสายชู 1 แก้ว (ช่วยดึงสารออกฤทธิ์)
- กากน้ำตาล 1 แก้ว (ช่วยเร่งการหมัก)
วิธีทำ
- หั่นรากหรือเถาหนอนตายหยากใส่ลงในถังพลาสติก
- เติมน้ำ กากน้ำตาล และเหล้าขาวลงไป
- ปิดฝาหลวมๆ หมักไว้ในที่ร่ม 7–15 วัน
- กรองเอาแต่น้ำเก็บไว้ใช้
วิธีใช้
เจือจางน้ำหมัก 100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่พืชในช่วงเย็น หรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดทำลายสารออกฤทธิ์
ข้อควรระวังในการใช้
- ควรฉีดพ่นในช่วงที่ไม่มีฝน เพราะฝนอาจชะล้างสารออกไป
- หลีกเลี่ยงการฉีดบ่อยเกินไป อาจกระทบแมลงที่มีประโยชน์
- ไม่ควรใช้กับแหล่งน้ำหรือใกล้บ่อเลี้ยงปลา เพราะโรติโนนมีผลต่อสัตว์น้ำ
“หนอนตายหยาก” ไม่ใช่แค่ชื่อแปลก แต่เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ทรงคุณค่า เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการดูแลพืชแบบปลอดภัย หลีกเลี่ยงสารเคมี และต้องการแนวทางที่ยั่งยืน การนำมาใช้ในรูปแบบน้ำหมักสมุนไพร ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนในระบบเกษตรได้อย่างแท้จริง