กรมป่าไม้
นายสุนทร มีจำนงค์ เกษตรกรวัย 70 ปี จังหวัดอุบลราชธานี มีแนวคิดริเริ่ม “ฝากเงินไว้กับต้นไม้” ภายใต้แนวคิดว่า “ต้นไม้” คือ “สินทรัพย์” ประเภทหนึ่ง การปลูกต้นไม้ ช่วยสร้างรายได้และเงินออมระยะยาว ทั้งเป็นบำเหน็จบำนาญยามสูงวัย และเป็นมรดกแก่ลูกหลานได้ ลงทุนทำสวนป่าไม้โตเร็ว ภายใต้แนวคิด “ขายแล้วซื้อใหม่” นายสุนทรใช้เงิน 640,000 บาท ลงทุนปลูกยูคาลิปตัสบนเนื้อที่ 300 ไร่ ในพื้นที่อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อต้นไม้โตจึงขายที่ดินพร้อมต้นยูคาลิปตัส ในราคา 9 ล้านบาท จากนั้นย้ายถิ่นฐานไปซื้อที่ดินแห่งใหม่ในพื้นที่อำเภอเดชอุดม เพื่อปลูกสวนป่าแบบวนเกษตร ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยปลูกผสมผสานทั้งไม้ป่า พืชเกษตรและทำปศุสัตว์ นายสุนทรแบ่งพื้นที่ปลูกไม้โตเร็วคือ ไม้ยูคาลิปตัส พร้อมปลูกไม้โตช้า เช่น สัก ประดู่ พะยูง ยางนา ฯลฯ เพื่อเป็นการออมเงินกับต้นไม้ เมื่อไม้เติบโตได้ขนาดที่เหมาะสมสามารถขายสร้างรายได้แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการปลูกพืชเกษตรที่ราคาไม่แน่นอนอีกด้วย หลักการดูแลจัดการสวนป่า นายสุนทรแบ่งพื้นที่ สร้างสวนป่าเพื่อการอนุรักษ์ และสวนป่าเพื่อเศรษฐกิจ โดยลงทุนปลูกยูคาลิปตัส
กรมป่าไม้แก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของประเทศ จะต้องดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ดินตามมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อให้การใช้ที่ดินเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด มาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำที่ใช้ดำเนินการในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการชะล้างพังทลายของดิน ลดการเกิดภัยพิบัติ ไม่ทำให้ดินเสื่อมโทรม สามารถจัดการน้ำในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมตามภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่ กรมป่าไม้ได้กำหนดมาตรการอนุรักษ์ดินและน้ำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ดำเนินการเพื่อประชาชนได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ดังกล่าวได้อย่างยั่งยืน ดังนี้ 1. ขอความร่วมมือกับประชาชนงดเว้นการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชหรือลดการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช โดยวางเป้าหมา
พฤกษา โฮลดิ้ง รับโล่รางวัล ประจำปี 2567 ในพิธีวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 128 ปี จากกรมป่าไม้ ในฐานะองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือราชการด้านการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ ผ่านโครงการ “ร่วมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ” ที่ฟื้นฟูพื้นที่ป่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์สังคม “อยู่ดี มีสุข” ภายใต้แนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) นำโดยนายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดยพฤกษาได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงานจิตอาสากว่า 600 คน ในการปลูกต้นไม้กว่า 100,000 ต้น พร้อมบำรุง และอนุรักษ์ป่า บนพื้นที่ 370 ไร่ ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งจะดูแลและติดตามผลตลอดระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยโครงการนี้นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ส่งเสริมแนวคิด ESG ของพฤกษา โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กรที่เน้น ‘Impact for Good ใช้ใจ ทำดี เพื่อผลลัพธ์ที่ดี’ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภา
“แรกๆ ใครก็หาว่าบ้า มีที่ดินดีๆ เอามาปลูกสวนป่า ปลูกไปเมื่อไรจะโต เชื่อสิยังไงก็ไปไม่รอด” คำพูดเหล่านี้ “คุณธวัลรัตน์ คำกลาง” หญิงแกร่งคนนี้ ไม่เคยลืม แต่ ณ ปัจจุบัน คำพูดสบประมาทเหล่านี้ ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง หากคนเรามุ่งมั่นและมีแบบแผน อย่างไรแล้วความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล คุณธวัลรัตน์ คำกลาง เกษตรกรดีเด่น ปี 2561 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 91/1 หมู่ที่ 6 ตำบลวังกะทะ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เล่าถึงจุดเริ่มต้นของกิจการสวนป่าแห่งนี้ว่า เดิมที พ่อกับแม่ของเธออพยพมาจากอำเภอสูงเนิน แล้วมาได้งานเฝ้าสวนที่ตำบลวังกะทะ ต่อมาเจ้าของที่ต้องการย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นจึงเอ่ยปากขายที่ให้กับพ่อแม่ของเธอ พ่อแม่ของคุณธวัลรัตน์ตัดสินใจซื้อที่ดินเนื้อที่ 100 ไร่แบบผ่อน โดยนำมาแบ่งสันปันส่วนที่ดินให้คุณธวัลรัตน์และพี่น้องอีก 6 คน ทุกคนช่วยกันผ่อน คุณธวัลรัตน์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินมา 24 ไร่ เพื่อนำมาปลูกป่าที่ตนเองรัก คุณธวัลรัตน์เริ่มปลูกสวนป่าเพราะความชอบ ไม่ได้คิดอะไร เพราะเธอเป็นคนชอบป่า ชอบสีเขียว ชอบความสงบของป่าตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อมีพื้นที่เป็นของตัวเองจึงไม่ลังเลที่จะปลูกพืชอะไรก็ได้ที่เป็น
5 ตุลาคม 2566, กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย : ปัจจุบันกรมป่าไม้ปรับกลยุทธ์การอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่า โดยใช้แพลตฟอร์ม eTree สนับสนุนปลูกป่าเศรษฐกิจและการค้าไม้ที่ถูกกฎหมาย พร้อมช่วยเกษตรกรจัดการป่าปลูกได้ครบวงจร สนับสนุนให้เกิดการค้าไม้อย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเพิ่มการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม่น้อยกว่า 40% ในปี 2580 นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวร้อยละ 15 ของพื้นที่ประเทศ ภายในปี 2580 ขณะที่สถานการณ์ในปัจจุบันประเทศไทย มีพื้นที่ป่าอยู่ที่ร้อยละ 31.68 เท่านั้น การเพิ่มพื้นที่ป่าอีกร้อยละ 9 หรือ 27 ล้านไร่ จึงเป็นความท้าทายของหน่วยงานรัฐว่าจะวางยุทธศาสตร์ในการดำเนินการอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายในการรักษาพื้นที่ป่าจากการบุกรุกทำลาย ทั้งการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และการนำพื้นที่ป่าไปใช้ประโยชน์ในการเกษตรกรรม และแม้จะมีความพยายามในการเพิ่มพื้นที่ป่าอย่า
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดมาเครือเจริญโภคภัณฑ์ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติทั้งการร่วมขับเคลื่อนพัฒนาระบบเศรษฐกิจ ควบคู่กับการมุ่งดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน โดยด้านสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และมุ่งสู่การลดขยะเป็นศูนย์ ภายในปี 2030 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 จากปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือที่เผชิญกับความท้าทายเรื่องการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ และปัญหาหมอกควันไฟป่าในฤดูร้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่พบจุดความร้อน (Hotspot) และหมอกควันมากที่สุด ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่า เพื่อลดหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้น เครือซีพี จึงได้เข้าไปขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืน ตั
พฤกษา โฮลดิ้ง เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยร่วมมือกับ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้าร่วมโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชนและชุมชน เพื่อสร้างป่าที่สมบูรณ์ควบคู่กับการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้ชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มพฤกษาที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ประกาศตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และพร้อมมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 การเข้าร่วมโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้กลุ่มพฤกษาได้มีส่วนร่วมในการรักษาทรัพยากรควบคู่ไปกับการช่วยเหลือสังคม โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ที่สั่งสมประสบการณ์เกือบ 40 ปีมาขยายผลเพื่อร่วมส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนในป่า พร้อมกับร่วมแก้ปัญหาสภาพแวดล้อมของไทยและของโลกไปในคราวเดียวกัน โดยในปี 2566 นี้ โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนใน 77 ป่าชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ 143,496 ไร่ ในจังห
เมื่อเร็วๆ นี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี และนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมมอบหนังสืออนุญาต ให้แก่ประชาชนในเขตพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1,2 ตามมติคณะรัฐมนตรี ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เนื้อที่รวมประมาณ 356,814 ไร่ เพื่อแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และช่วยทำให้เกษตรกรและชุมชนสามารถอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอย่างถูกต้องและเหมาะสมตามกฎหมาย มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ มีการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทำให้ชุมชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่ร่วมกันกับป่าได้อย่างยั่งยืน ความสำเร็จในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและชุมชน อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ จังหวัดเชียงใหม่ มูลนิธิไทยรักษ์ป่า มูลนิธิฮักเมืองแจ่ม สถาบันอ้อผะหญา (องค์กรสาธารณประโยชน์) ศูนย์สารสนเทศเพื่อการจัดการทรัพยาก
เครือซีพี – มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และมูลนิธิพุทธรักษา มอบวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือป้องกัน–ดับไฟป่า หนุนภารกิจเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าภาคเหนือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ และผู้บริหารสูงสุดสายงานด้านบริหารกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้แทนมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท พร้อมด้วยมูลนิธิพุทธรักษา สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือดับไฟป่า รวมมูลค่า 1,000,000 บาท ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่า ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ ศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่า (ส่วนหน้า) ภาคเหนือ กรมป่าไม้ และศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าภาคเหนือ สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมี นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้รับมอบ ณ กรมป่าไม้ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ นายจอมกิตติ ศิริกุล ในฐานะกรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนา
กรมป่าไม้ ร่วมกับ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เชิญชวนป่าชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมประกวดรางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2566 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 200,000 บาท เปิดรับสมัครป่าชุมชนเข้าร่วมกิจกรรมแล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566 ป่าชุมชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ เว็บไซต์กรมป่าไม้ www.forest.go.th และเว็บไซต์ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) www.ratch.co.th หรือติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ “สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทั่วประเทศ” และสำนักจัดการป่าชุมชน โทร. 02-561-4292 ต่อ 5654 รางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2566 ดำเนินการโดยบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และกรมป่าไม้ ภายใต้โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประกอบด้วยรางวัลรวม 16 รางวัล มูลค่าเงินรางวัลรวม 1.4 ล้านบาท ได้แก่ 1. รางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ชนะเลิศระดับประเทศ จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ป้ายประกาศเกียรติคุณ และเงินกองทุนอนุรักษ์ป่าชุมชน 200,000 บาท 2. รางวัลคนร