กุ้ง
นักวิชาการ ชู “กุ้ง” สัตว์น้ำเศรษฐกิจสำคัญของไทย มีโปรตีนสูง ไขมันน้อย มีโอเมก้า-3 ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู รสชาติอร่อย อีกหนึ่งทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะกับเทศกาลท่องเที่ยวสังสรรค์ ผศ.ดร.จุฑา มุกดาสนิท ภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ช่วงนี้เข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวและเทศกาลเฉลิมฉลอง มีกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวและงานรื่นเริงสังสรรค์จัดเลี้ยงหลากหลาย ทำให้มีการบริโภคในหลายรูปแบบและรับประทานอาหารกันคึกคัก หนึ่งในวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมนำมาทำเป็นเมนูในช่วงเทศกาลปาร์ตี้ หรือต้อนรับแขกคนสำคัญคือ “กุ้ง” เพราะรับประทานง่าย รสชาติหวานอร่อย จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั่วโลก ที่สำคัญประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ของโลก ทำให้กุ้งมีเพียงพอต่อความต้องการไม่ขาดแคลน “กุ้ง” เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี มีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ แคลเซียม (Calcium) ฟอสฟอรัส (Phosphorus) แมกนีเซียม (Magnesium) และซีลีเนียม (Selenium) ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง และมีกรดอะมิโนที่จำเป็น เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย มีไขมันน
คุณปฎิพัทธ์ เมืองสุวรรณ์ เกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดพัทลุง ซึ่งเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน เปิดเผยว่า เดิมตนเองเป็นนักกีฬา Head เทนนิสทีม และเป็นอาจารย์พิเศษด้านการกีฬา ที่กรุงเทพฯ แต่ด้วยความรักอาชีพการเกษตร จึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน เพื่อมาทำการเกษตรในผืนดินที่ได้รับจากบรรพบุรุษ เพื่อสานฝันของตัวเองให้เป็นจริง โดยครั้งแรกที่กลับมาอยู่บ้านได้ปลูกข้าว ปลูกดอกดาวเรือง ปรากฏว่าได้ผลคุ้มค่า แต่ต่อมาชาวบ้านสนใจปลูกดาวเรืองมากขึ้น ทำให้ตลาดขาดเสถียรภาพ จึงเปลี่ยนแนวคิดหันมาเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสานตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ และได้เข้าร่วมโครงการยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Young Smart Farmer) กับสำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง เพื่อรับความรู้ และแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสมาชิกด้วยกัน คุณปฎิพัทธ์ กล่าวว่า การเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน จะเน้นเลี้ยงกุ้งในนาข้าว โดยใช้พื้นที่นา 2.5 ไร่ ขุดคูรอบแปลงนาทั้ง 4 ด้าน ขนาด กว้าง 3 เมตร ลึก 2 เมตร พร้อมทำคันยกสูง 50 เซนติเมตร กักเก็บน้ำ จากนั้นสูบน้ำเข้าแปลงนา ใส่ปูนขาวเพื่อปรับค่า pH (พีเอช) ของดิน ทิ้งไว้ 10 วัน จากนั้นใส่เชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์ เพื่อให้เกิดแพลงก์ตอนเป็นอาหาร
แยกให้ออก “กุ้ง” กับ “เคย” รูปร่างอาจจะคล้ายกัน แต่!! ยังมีลักษณะของลำตัวที่แยกให้ออกได้ ซึ่งวันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านได้หาข้อมูลมาให้ทุกคนแล้ว ไปแยกให้ออกจะได้ไม่ตอบผิดกันนะ และที่สำคัญ “กุ้งก็คือกุ้ง” และ “เคยก็คือเคย” กุ้งมีกรี แต่เคยไม่มีกรี จำกันไว้นะจะได้ไม่สับสน และสุดท้ายนี้คือวัตถุดิบชั้นดีในการทำ “กะปิ” อีกด้วย เคย เป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกุ้ง ในกลุ่มกุ้ง กั้ง ปู ซึ่งเป็นสัตว์สำคัญ โดยเฉพาะของแพลงก์ตอน (สิ่งมีชีวิต ทั้งพืช และสัตว์ที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ ไม่สามารถว่ายน้ำไปยังทิศทางที่ต้องการอย่างอิสระ) ที่เป็นอาหารของปลากระเบนราหูน้ำเค็ม ฉลามวาฬ และแมวน้ำกินปู รวมทั้งนกทะเลชนิดที่กินเคยแต่เพียงอย่างเดียว ลักษณะสำคัญ คือ ตัวสีขาวใส มีตาสีดำ มีเปลือกบางและนิ่ม มีเปลือกหุ้มตัว ลำตัวเป็นปล้อง โดยมีระยางค์ยื่นออกมาเป็นคู่ เช่น หนวด ขากรรไกร ขาเดิน และขาว่ายน้ำ เมื่อเจริญเติบโตจะสลัดเปลือกเดิมแล้วสร้างเปลือกใหม่ รูปร่างคล้ายกุ้ง แต่ตัวเล็กกว่า และไม่มีกรีแหลมๆ ที่บริเวณหัวเหมือนกุ้ง มักอาศัยอยู่ตามบริเวณรากไม้ตามป่าชายเลน เช่น ต้นโกงกาง แสม ลำพู ชาวบ้านมักจะออกช้อนตัวเคยกันในเวลาเช้า
รู้หรือไม่ กุ้งที่เรากินๆ กันอยู่ มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันยังไง แล้วถ้าให้เลือกกินอย่างถูกต้อง กุ้งแต่ละประเภทเหมาะกับนำมาทำเมนูอะไรกันแน่ เพราะบางชนิดมีความคล้ายกันมากจนทำให้ใครหลายคนเข้าใจผิด วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านมีทริคสังเกตกุ้งแต่ละชนิดว่ามีจุดที่เหมือนหรือแตกต่างกันยังไงมาฝาก กุ้งกุลาดำ (กุ้งลายเสือ) ลักษณะทั่วไป เป็นกุ้งธรรมชาติที่อาศัยอยู่ได้ในน้ำกร่อยและน้ำทะเล ลำตัวสีแดงอมน้ำตาลถึงน้ำตาลเข้ม มีลายพาดขวางที่หลังประมาณ 9 ลายและสีออกน้ำตาล เข้มข้างแถบสีขาว ด้านบนของกรีมีฟัน 7-8 ซี่ ด้านล่างมี 3 ซี่ หนวดยาวไม่มีลายชัดเจน ขนาดความยาวประมาณ 18-25 เซนติเมตร เนื้ออร่อย กรอบ แน่น เด้งสู้ฟัน เหมาะกับเมนูที่เน้นรสชาติของกุ้งเป็นหลัก เช่น กุ้งเผา กุ้งอบเกลือ กุ้งก้ามกราม/กุ้งก้ามคราม/กุ้งแม่น้ำ กุ้งก้ามกราม เป็นกุ้งน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีเปลือกสีเขียวอมสีฟ้าหรือม่วง ก้ามยาวมีสีครามหรือม่วงเข้ม ตลอดทั้งก้ามมีปุ่มตะปุ่มตะป่ำ กุ้งก้ามกรามมีความยาวประมาณ 13 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 1 ฟุต น้ำหนักราว 1 กิโลกรัม เป็นกุ้งที่ถูกใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ เผา หรือทอด เป็นต้น เพราะ
นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แนะนำบริโภคกุ้ง เนื้อสัตว์โปรตีนสูง มีกรดไขมันดีโอเมก้า-3 และกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วนในปริมาณสูง ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหลอดเลือดหัวใจ ผศ.ดร.จุฑา มุกดาสนิท หัวหน้าภาควิชาผลิตภัณฑ์ประมง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า “กุ้ง” เป็นอาหารยอดนิยมของคนทั้งโลก เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพ เมื่อเทียบกับเนื้อปลา กุ้งมีกรดอะมิโน 4 ตัวหลักที่ทำให้เกิดรสชาติหวานและอร่อย เช่น ไลซีน อะลานีน และกลูตามิก ในปริมาณที่มากกว่าจึงทำให้กุ้งมีรสชาติเข้มและอร่อยกว่า ด้วยทั้งกลิ่นรสที่ดึงดูดน่ารับประทาน และมีเนื้อสัมผัสแตกต่างจากเนื้อปลาและสัตว์บกชนิดอื่นๆ จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นอาหารในช่วงเทศกาล ปาร์ตี้ หรือ ต้อนรับแขกคนสำคัญ กุ้งยังเป็นแหล่งของแร่ธาตุสำคัญ เช่น 1. เหล็ก (Iron) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบิน ที่พาออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ 2. สังกะสี (Zinc) ซึ่งช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงทำให้การทำงานของระบบประสาทและสมองอยู่ในสภาพปกติ 3. ทองแดง (Copper) เป็นแร่ธาตุไมโครนิวเทรียนท์ที่ร่างก
ในอดีต ชาวปากพนังส่วนใหญ่นิยมทำนากุ้ง เพราะให้ผลตอบแทนสูง มองไปทางไหนก็จะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากบ่อกุ้ง แต่ไม่นานกิจการนากุ้งก็มีอันล่มสลายจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง ทำให้นากุ้งนับแสนไร่กลายเป็นนากุ้งร้าง กศน.อำเภอปากพนัง เข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านพลิกฟื้นนากุ้งร้างให้หันมาทำเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันนี้ นากุ้งร้างเหล่านี้ ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง ในรูปแบบ “บ่อเลี้ยงปลาน้ำจืด” ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานประมงอำเภอปากพนัง กศน.อำเภอปากพนัง ศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาเรื่องพันธุ์ปลา และความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาเป็นอย่างดี” ปลานิล เป็นปลาที่มีเนื้อมากและมีรสชาติดี สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ทำเป็นปลาเค็มตากแห้งแบบปลาสลิด ปลากรอบ ปลาร้า ปลาเจ่า ปลาจ่อมหรือปลาส้ม และทำน้ำยาขนมจีน ซึ่งเป็นอาหารที่นิยมของคนปักษ์ใต้ได้ดีเท่ากับเนื้อปลาช่อน นอกจากนี้ ปลานิลยังเลี้ยงง่าย หาพันธุ์ได้ง่าย เจริญเติบโต
ไม่ว่าใครก็อยากทำ อยากยึดอาชีพกับสิ่งที่ตนรักหรือชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การดำเนินชีวิต หรือการท่องเที่ยว ผู้คนก็อยากไปหรือทำในสิ่งที่ชอบและอยากทำ แต่มีอีกหลายคนที่ความชอบ กับความจริงที่ต้องเผชิญยังมีความต่างกันมาก หรือกระทั่งบางคนยังหาไม่พบในสิ่งที่อยากทำก็มี การได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ แถมยังสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง อย่าง คุณไพรรัตน์ ดวงดา หรือ ช่างเอ วัย 45 ปี ที่มีความสุขและรายได้อย่างคาดไม่ถึงจากงานอดิเรก ที่ลงทุนเพียงเพราะความชอบ จนสามารถสร้างรายได้มากกว่าทำงานอาชีพหลักเสียด้วย มีร้านพริ้นเตอร์ เป็นธุรกิจ เลี้ยงกุ้งเครย์ฟิช เพราะชอบ คุณไพรรัตน์ ดวงดา หรือ ช่างเอ ผู้เลี้ยง-เล่นกุ้ง สวยงามชั้นแนวหน้าในเมืองไทย ทั้งเป็นประธานกลุ่ม ประมูลกุ้งเครย์ฟิชทุกสายพันธุ์ และเป็นเจ้าของศูนย์การเรียนรู้ CA Crayfish Signature เล่าว่า เริ่มเลี้ยงกุ้งมาตั้งแต่ปี 2013 และ “ช่างเอ” เป็นชื่อฉายาที่คนในวงการกุ้งเขาเรียกกัน ซึ่งก่อนที่จะมาเลี้ยงกุ้ง แต่เดิมผมเป็นคนจังหวัดอุทัยธานี เรียนจบมัธยมปลาย ก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำมาหลากหลายอาชีพ ทั้งคนเดินเอกสาร รั
นายเอกพจน์ ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย พร้อมด้วยผู้แทนอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตลอดสายห่วงโซ่การผลิต เข้าพบ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมหารือแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อความยั่งยืนของประเทศ ร่วมด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯและสหกรณ์ นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รักษาราชการอธิบดีกรมประมง และ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเอกพจน์ ยอดพินิจ เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งของอุตสาหกรรมกุ้งไทย ที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เล็งเห็นความสำคัญของสินค้ากุ้ง รับปาก ยืนยันช่วยผลักดันเต็มที่เพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตกุ้งให้ได้ปีละ 400,000 ตันภายใน 2 ปี สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรฯ ที่สำคัญพร้อมทวงคืน 500,000 ล้านบาท ที่เสียหาย/เสียโอกาสไปอันเนื่องจากการระบาดของโรค พลิกฟื้นอุตกุ้งฯ ให้กลับมาเป็นสินค้าสำคัญของประเทศ เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยที่ผ่านมา ปี 2553 เคยผลิตได้สูงสุดถึง 640,000 ตัน เป็นผู้น
คุณพนิดา ภูทองหล่อ ก็เป็นเกษตรกรรายหนึ่งของตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด ซึ่งยึดอาชีพเลี้ยงกุ้งมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเลี้ยงกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ซึ่งคุณพนิดามาสานอาชีพนี้ต่อ และยังได้รับเลือกเป็นเกษตรกรต้นแบบการเลี้ยงสัตว์น้ำ ปี 2561 โครงการ Smart Farmer จังหวัดกาฬสินธุ์ ของกรมประมง คุณพนิดา ภูทองหล่อ สานอาชีพต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ตัวคุณพนิดาเองนั้น หลังจบ ม.6 ก็ไปทำงานในโรงงานที่กรุงเทพฯ กระทั่งพ่อแม่เสียชีวิตจึงกลับมาบ้านเกิด เริ่มเลี้ยงกุ้ง เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ 9 ไร่ จำนวน 2 แปลง และเช่าพี่สาวทำนากุ้งอีก 5 ไร่ ซึ่งแต่ละปีคุณพนิดาสามารถเลี้ยงกุ้งได้ 2 รอบ รอบละ 5 เดือน หักลบค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว รอบหนึ่งๆ มีกำไรหลายหมื่นบาท ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น พูดได้ว่าเข้าขั้นเศรษฐินีเลยก็ว่าได้ ในการเลี้ยงกุ้งเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและได้ราคานั้น คุณพนิดา แจกแจงว่า ต้องเริ่มจากการเตรียมบ่อให้ดี กรณีบ่อมีเลนมาก ให้ปาดเลนออกก่อน ต่อมาหว่านปูนขาว 80-100 กิโลกรัม ต่อไร่ ทั่วพื้นบ่อเพื่อปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ตากบ่อประมาณ 1 สัปดาห์ ให้เปลี่ยนจากสีดำให้เป็นสีเทา เพื่อจะย่อยสลายขี้กุ้ง จากนั้น
“โควิด” ทำให้ทุกอาชีพเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เว้นแม้แต่ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวไม่น้อยเช่นกัน ความโด่งดังของกุ้งก้ามกราม ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รับการยอมรับว่า เป็นแหล่งกุ้งคุณภาพดีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกษตรกรมีความเข้มแข็งรวมเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ มีพื้นที่เพาะเลี้ยงรวมกว่า 8,000 ไร่หรือกว่า 5,000 บ่อ ผลผลิต 1,200 ตันต่อปี ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมือง อำเภอยางตลาด และอำเภอห้วยเม็ก ซึ่งเป็นพื้นที่อาศัยน้ำจากเขื่อนลำปาว นางคำปัน คำมีแสง หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง เล่าว่า “จากสถานการณ์ของโควิด ทำให้คนกาฬสินธุ์ที่เคยไปหางานทำอยู่กรุงเทพฯ กลับมาบ้านเรากันเยอะขึ้น เป็นคนรุ่นลูกรุ่นหลาน พอกลับบ้านก็ไม่มีอะไรทำ ก็มาเลี้ยงกุ้ง มาช่วยพ่อแม่ที่เป็นลูกบ่อ เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของเราที่มีอยู่ราว 100 ราย มีพื้นที่ในการเลี้ยงกุ้งราว 1,000 ไร่ ทุกวันนี้ก็มีลูกหลานมาช่วยทำแล้วประมาณ 30%” หากเป็นสถานการณ์ปกติ นี่คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยที่ลูกหลานกลับมาทำมาหากินที่บ้านเกิดอยู่กันพร้อมหน้า แต่ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเช่นนี้ ผลผลิตกุ้งที่สมาชิกในครอบค