ท่องเที่ยวเชิงเกษตร
สาวโคราชปรับที่ดินแปลงไร่ข้าวโพด 11 ไร่ บริเวณบ้านโป่งแมลงวัน หมู่ที่ 5 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ที่เคยแห้งแล้ง ทำเป็นสวนเกษตรผสมผสาน และตกแต่งพื้นที่บริเวณโดยรอบให้มีวิวสวยงาม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของ จ.นครราชสีมา ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แห่มาถ่ายรูปเซลฟี่ เช็คอินกันอย่างคึกคัก โดยแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้ มีชื่อว่า “วิมาน บ้านโคก” ซึ่งมี น.ส.อานาตา เลาสูงเนิน ดูบัว อายุ 35 ปี เป็นเจ้าของ เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ภายในสวนแบ่งเป็น 3 โซน คือ 1.โซนทุ่งนา ซึ่งจะมีทุ่งนาอยู่ประมาณ 5 ไร่ โดยมีสะพานไม้ทอดยาวผ่ากลางทุ่งนา และล้อมรอบทุ่งนาเป็น 4 เหลี่ยม มีต้นทานตะวัน และดอกไม้ชนิดต่างๆ อยู่ 2 ข้างสะพาน อีกทั้งยังมีการจัดทำซุ้มสวยๆ ไว้ตามจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อน และมีถนนดอกหญ้าที่สุดโรแมนติก ให้ถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างจุใจ 2.โซนร้านอาหาร ซึ่งจะมีร้านอาหาร และร้านกาแฟไว้บริการนักท่องเที่ยว โดยจัดทำเป็นกระท่อมเล็กๆ อยู่ชายทุ่งนา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศสุดชิล ซึ่งโซนนี้ร้านอาหารและร้านกาแฟยังสร้างไม่เสร็จ คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมให้บริการ
ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีบ้านเกาะเสม็ด อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นหมู่บ้านเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดชุมพรที่สมาชิกส่วนใหญ่ของชุมชนต่างยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต สาเหตุที่ชื่อ “บ้านเกาะเสม็ด” คงเป็นเพราะมีต้นเสม็ด รายล้อมอยู่รอบๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านในชุมชนประกอบอาชีพทำสวน ทำนา และปลูกข้าว “พันธุ์เหลืองปะทิว” หลังจากพายุไต้ฝุ่นเกย์ขึ้นฝั่งที่ชุมพรเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ทำให้ผลผลิตข้าวได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ชาวบ้านเกาะเสม็ดจึงหันมาทำสวนปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงมีนาข้าวที่รอดพ้นจากพายุไต้ฝุ่นเกย์หลงเหลืออยู่บ้าง ปราชญ์ของชุมชนบ้านเกาะเสม็ดจึงมีการนำข้าวพันธุ์เหลืองปะทิวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพราะต้องการรักษาพันธุ์ข้าวนี้ไว้ให้ลูกหลานสืบไป จนกลายเป็นที่มาของ “ข้าวเหลืองปะทิว” ที่มีโปรตีนสูงกว่าข้าวชนิดอื่น ชาวบ้านจึงหันมาปลูกข้าวเหลืองปะทิวและแปรรูปเป็นขนมจีนเส้นสด ขนมทองม้วน ข้าวแปรรูปส่งขาย ทำให้ชุมชนมีรายได้เสริมจากการทำนาทำสวน เมื่อชาวบ้านเก็บเกี่ยวข้าวเ
ใกล้สิ้นปีแบบนี้ หลายท่านคงมองหาที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวไว้พักผ่อนหย่อนใจจากงานที่ทำมาตลอดทั้งปี แต่คงจะดีไม่ใช่น้อยหากได้ท่องเที่ยวและพักผ่อนในสถานที่เที่ยวแบบธรรมชาติ โอบล้อมด้วยธรรมชาติที่แสนงดงาม คงจะช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยล้าจากงานที่สะสมมาตลอดทั้งปี นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านฉบับนี้ขอนำเสนอรายงานพิเศษในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร อย่าง “สุดทางรัก” ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี สถานที่ท่องเที่ยวฟีลธรรมชาติ ฮีลแรงกายและแรงใจจากวันที่เราเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี สุดทางรักมวกเหล็ก ที่พักราคาดี ฟีลธรรมชาติ สุดทางรักมวกเหล็ก ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ถูกสร้างและเนรมิตที่ดินผืนนี้ให้มีมูลค่า ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครต่างต้องเช็กอินทุกครั้งที่ได้มาเยือนอำเภอมวกเหล็ก ผ่านการสร้างสรรค์และออกแบบโดยสองสามีภรรยาที่ชื่อว่า คุณนิค และ คุณเชอรี่ หากถามถึงจุดเริ่มต้นของสุดทางรักมวกเหล็ก คุณนิค เล่าให้เราฟังว่า จากการมองหาที่ดินเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ สู่การได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนๆ จนนำมาสู่การต่อยอดและพัฒนาที่พักสไตล์มินิมอล ราคาสบายกระเป๋า บรรยากาศดี ได้ฟีลเที่
ผืนแผ่นดินขึ้นชื่อว่าเป็นทรัพย์หล่อเลี้ยงชีวิต เพราะไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่ถูกสรรค์สร้างมาอย่างสวยงาม แต่ยังก่อเกิดผลผลิตพรรณไม้นานาพันธุ์ ช่วยหล่อเลี้ยงการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบกลมๆ นี้ได้อย่างสมดุล ซึ่งสังคมเกษตรกรรมที่อยู่ในประเทศไทยถือว่ามีความสำคัญ ไม่เพียงแต่ผลิตสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศเท่านั้น ในภาคครัวเรือนเองก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของสังคมเกษตรนี้เช่นกัน จึงทำให้ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ประจักษ์ชัดแล้วว่าการมีอาหารหรือการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ไว้ในครัวเรือน ส่งผลให้แม้ไม่ต้องออกไปนอกบ้าน ก็ยังสามารถมีอาหารที่ช่วยดำรงชีวิตอยู่ได้ ผืนแผ่นดินจึงเป็นสิ่งที่ควรหวงแหน และรักษาให้เป็นมรดกส่งต่อไปถึงรุ่นสู่รุ่น ดร.ตฤณธวัช ธุระวร หรือ ดร.ชิ ผู้ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียง 7 กระบุงโมเดล ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 10 บ้านห้วยขม ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าของแผ่นดินที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษ มาสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ที่ไม่เพียงแต่ศึกษาศาสตร์ของพระราชาเท่านั้น ผู้สนใจยังสามารถเข้ามาพักค้างแรมเพื่อเรียนรู้วิธีการทำเกษตร และศึกษาวิถีความเป็นอยู
เข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูแห่งการท่องเที่ยวมาเยือน สำหรับท่านใดที่เบื่อแสงสี อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง นิตยสารเทคโนโลยีฉบับนี้ตอบโจทย์ทุกท่านแน่นอน โดยในฉบับนี้ผู้เขียนมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ภูมิใจนำเสนอมากๆ และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ทุกท่านก็จะได้พบกับธรรมชาติสีเขียวขึ้นเต็มสองข้างทาง ที่นั่นก็คือ “วังน้ำเขียว” แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก นั่นเอง โดยสถานที่ที่ผู้เขียนภูมิใจนำเสนอก็คือ “สวนแม่หม่อน” ตั้งอยู่ที่ 201 หมู่ที่ 5 ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ตัวผู้เขียนเองเคยได้มีโอกาสไปแวะเยี่ยมเยือนสวนมาแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน ก็ยังจำความรู้สึกอบอุ่นได้ไม่รู้ลืม จนมาถึงวันนี้ สวนแม่หม่อนได้มีการพัฒนาสำเร็จไปอีกขั้น จากที่เคยเป็นเพียงสวนมัลเบอร์รี่เล็กๆ ตอนนี้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีไฮไลต์เด็ดอยู่ที่แปลงวานิลลา ที่ปลูกสำเร็จเป็นที่แรกๆ ของอำเภอวังน้ำเขียว รับรองได้ว่ามาที่นี้แล้วทุกท่านจะสำลักความสุขกลับไปแน่นอน คุณนันทวัน โตอินทร์ หรือ ครูไก่ เจ้าของสวนแม่หม่อน อดีตแม่พิมพ์ของชาติ ลาออกจากรา
วันที่ 26 สิงหาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ ผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. ประกอบด้วย รศ.ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ นายประลอง ดำรงไทย นายสมบูรณ์ วงค์กาด รศ.ดร.บดินทร์ รัศมีเทศ นายธานินทร์ ผะเอม และ ดร.สุพจน์ อาวาส พร้อมด้วย นางสาวสุภาพรรณ โทขัน ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก วช. นำคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อเยี่ยมชมผลสำเร็จของการดำเนินงาน โครงการวิจัย เรื่อง “โครงการพัฒนาต้นแบบเกษตรผสมผสานตามหลักทฤษฎีใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรตามวิถีชุมชนของบ้านปิยะมิตร 3 อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ภายใต้โครงการวิจัยเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้” ที่ วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัย โดย ดร.กัลยรัตน์ พินิจจันทร์ หัวหน้าโครงการวิจัย จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา และคณะ นายหว่างหลาย แซ่หลิน เจ้าของสวนต้นแบบเกษตรแบบผสมผสาน ให้การต้อนรับ ณ หมู่บ้านปิยะมิตร 3 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. กล่าวว่า อยากให้เน้นในเรื่องของการเพิ่มศักย
“ไผ่” ได้ชื่อว่าพืชมหัศจรรย์ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำจากลำต้นที่ผลิตออกเป็นน้ำดื่มบริสุทธิ์จากภูมิปัญญาที่มากด้วยสรรพคุณ โดยศูนย์เรียนรู้บ้านท่าไม้ยาว หมู่ที่ 6 ตำบลด่านมะขามเตี้ย อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ที่มี ครูธเนศ หรือ อาจารย์ธเนศ เมฆนาคา ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านท่าแย้ เป็นประธานศูนย์ฯ และเจ้าของผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาเป็นผู้ริเริ่มผลิตน้ำดื่มบริสุทธิ์จากต้นไผ่ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษผ่านกรรมวิธีง่ายๆ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์เด่นของศูนย์ในเวลานี้ “การจะได้น้ำไผ่ต้องมาเอาตอนกลางคืนเท่านั้นเพราะธรรมชาติของต้นไผ่กลางคืนเขาจะคายน้ำส่วนเกินออกมา ส่วนกลางวันจะอมน้ำ ไผ่ทุกกอทุกต้นมีน้ำ และการให้น้ำแบบนี้เป็นการระบายน้ำส่วนที่เกินของเขาและเก็บน้ำไว้เท่าที่จำเป็น ถึงเราไม่เจาะรู ไผ่ก็จะคายน้ำออกทางราก” อาจารย์ธเนศ เมฆนาคา เจ้าของผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาน้ำดื่มบริสุทธิ์จากต้นไผ่เผยที่มาน้ำดื่มจากไผ่ และอธิบายถึงขั้นตอนการทำ โดยระบุว่าเริ่มจากการเลือกลำต้นไผ่ต้องไม่อ่อนเกินไปหรือมีอายุ 3 ปีขึ้นไป สังเกตจากสีของต้นจะต้องไม่สีเขียวสดและไม่มีเปลือกไผ่ห่อหุ้ม นั่นบ่
ช่วงนี้ปิดเทอม หลายครอบครัวกำลังมองหาทริปใกล้ๆ สั้นๆ แบบไป-กลับวันเดียว เลยขอนำเสนอสถานที่น่าเที่ยวแห่งหนึ่งของชัยนาทคือ ตลาดเก่าสรรพยา เป็นตลาดริมแม่น้ำเจ้าพระยาลักษณะเรือนไม้เก่าแก่ย้อนยุค มีจุดเด่นเรื่องอาหารคาวหวานแบบโบราณที่หาทานยาก ทั้งยังสามารถเดินชมโรงพักเก่าสรรพยาที่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุนับร้อยปี และวัดสรรพยาวัฒนารามโบราณสถานอาคารก่ออิฐถือปูน สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 25 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณไม่ไกลได้ด้วย คุณอภิชัย อภิวันทนา กรรมการชมรมฟื้นฟูตลาดเก่าสรรพยา เล่าว่า ในอดีตชุมชนสรรพยาประกอบอาชีพค้าขาย เป็นท้องถิ่นที่มีความเจริญมั่งคั่ง มีความสำคัญทางด้านการขนถ่ายสินค้าทางเรือไปยังสถานที่หลายแห่ง ก่อนที่ความเจริญทางถนนหนทางจะเข้ามาในปัจจุบัน ส่งผลให้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนริมแม่น้ำเงียบเหงาลง ชาวสรรพยาจึงต้องหันมาฟื้นฟูสภาพทางสังคม ตลอดถึงวิถีความเป็นอยู่และวัฒนธรรมดั้งเดิมให้กลับมาอีกครั้งด้วยการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวขึ้นในชื่อ “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเมืองสาปยา ชัยนาท” แล้วยกระดับตลาดเก่าสรรพยาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชูจุดสนใจอย่าง สถาน
อ.ส.ค.จัดพิธีทำบุญตักบาตรและกิจกรรมธรรมะในฟาร์ม เนื่องในโอกาสครบรอบ 61 ปี ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ก่อตั้งฟาร์มโคนมแห่งแรกของประเทศไทยและอาชีพโคนมพระราชทานให้เกษตรกรไทยมีอาชีพ รายได้มั่นคง ยั่งยืน เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ณ บริเวณอาคาร 1962 องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็นประธานในพิธีทำบุญวันเกิดฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค และกิจกรรมธรรมะในฟาร์ม เนื่องในโอกาสครบรอบ 61 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 16 มกราคม 2566 โดยมีพิธีทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 9 รูป และการแสดงพระธรรมเทศนา โดยพระครูมนัสสุภนิมิต (หลวงพ่ออุ่นใจ จิรสุโภ) วัดถนนอโค้ง ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เจริญพุทธมนต์ ประกอบพิธีสงฆ์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และความเป็นสิริมงคลกับองค์กร ผู้บริหาร พนักงานและลูกจ้าง อ.ส.ค. ในการร่วมพิธีครั้งนี้ นายสมพร ศรีเมือง ผู้อำนวยการ อ.ส.ค. กล่าวว่า ฟาร์มโคนมไทย–เดนมาร์คได้เปิดอย่างเ
กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น เพื่อเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นประจำทุกปี โดยมอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ ดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ให้สาธารณชนทั่วไปได้รู้จักและยึดถือเป็นแบบอย่าง ปี 2564 คุณวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง เห็นถึงความสำคัญของโครงการและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ แก่เกษตรกร จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น ในบทความนี้เรามาทำความรู้จักกับเกษตรกรที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ประจำปี 2564 ของสำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจให้เกษตรกรทุกคน ร.ต.ท. ธีรวุฒิ คุ้มพานิช อดีตข้าราชการตำรวจ ที่หันเหชีวิตมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว ตามความใฝ่ฝันในวัยเด็ก “ผมเป็นลูกชาวนา เติบโตมาในครอบครัวชาวนา หาปลา ปลูกผัก ปลูกหญ้า พอได้กิน เหลือก็แบ่งปัน อยู่กับธรรมชาติ” ทำตามความฝัน