ปูม้า
บริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน เดินหน้าภารกิจขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางอาหารขององค์กร โครงการ “ปูม้ายั่งยืน คู่ทะเลไทย” ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 13 โดยผนึกกำลังกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี, กรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต 3 (สุราษฎร์ธานี), บริษัท วิยะเครป โปรดักส์ จำกัด, กลุ่มอนุรักษ์พันธุ์ปูม้า(ธนาคารปู), ชาวประมงพื้นบ้าน และชาวบ้านพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรมปล่อยลูกพันธุ์ปูม้าระยะ Young Crab สู่ท้องทะเลไทย ปัจจุบันสะสมกว่า 1.6 ล้านตัว เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ ความสมดุลระบบนิเวศทางทะเล รวมถึงเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และเป็นกลไกสำคัญในการเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยั่งยืน ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างเพียงพอ ไม่ขาดแคลน สะท้อนความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจาก นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกียรติเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ นายธีรุตม์เปิดเผยว่า “ปัจจุบันทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สร้างความร่วมมือที่ดีกับบริษัท ซีพีแ
วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมโดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ พร้อมด้วย คณะผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมผลสำเร็จของการดำเนินงาน โครงการวิจัย เรื่อง “การประยุกต์ใช้ธนาคารปูม้าเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่งและยกระดับรายได้ให้กับชาวประมงในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี”ที่ วช.ให้การสนับสนุนทุนวิจัยโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร. อมรศักดิ์ สวัสดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯและนายคนอง อินทรัตน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัง นายภานุวัฒน์ อินสุวรรณ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัง นายชัยชนะ ทิพย์มณี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลวัง นายปิยะ แซ่เอีย ประธานธนาคารปูม้าบ้านหาดสมบูรณ์ และชาวบ้านในพื้นที่ ให้การต้อนรับ ณ ตำบลวัง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ปูม้าเป็นทรัพยากรทางทะเลที่มีค่าทางเศรษฐกิจของไทย แต่ด้วยปัจจัยผลกระทบหลายอย่าง ส่งผลให้ปูม้าลดจำนวนลงเรื่อย ๆ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายให้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดำเนินการขยายผลธนาคารปูม้า เพื่อ “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ไปสู่ชุมชนชายฝั่ง จำนวน 500 ชุมชน ภายในเวลา 2 ปี เพื่อขยายผลเพิ่มทรัพยากรปูม้า ขับเคลื่อนและบูรณาการความร่วมมือด้านการตลาดและพาณิชย์ รวมถึงความร่วมมือในการใช้ทรัพยากรทางทะเล เช่น การฟื้นฟู การอนุรักษ์ โดยการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้นั้น หลังจากที่ได้มีการดำเนินการดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง และมหาวิทยาลัยเครือข่ายในพื้นที่ชายฝั่ง พบว่า ชาวประมงจับปูม้าได้เพิ่มมากขึ้น และพบลูกปูม้าวัยอ่อนบริเวณชายหาด และป่าชายเลนเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ก่อให้เกิดการทำอาชีพปูม้าอย่างยั่งยืน ลดปัญหาการว่างงาน เกิดการเพิ่มรายได้ ชุมชนมีความเข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากความสำเร็จดังกล่าว วช. จึงได้จัดงานตลาดนัด “ปูม้า…บุกกรุง ขึ้น ระหว่าง วันที่ 16-19 มกราคม 2563 ณ บริเวณลานสุขสยาม ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมด้านการตลาดให้กับปูม้าและสินค้าประมงแปรรูป รวมถึงการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของชาวประมงพื้นบ้านใ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เตรียมจัดงาน ตลาดนัดปูม้าบุกกรุง ในระหว่าง วันที่ 16 – 19 มกราคม 2563 ที่เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G ภายในงานมีการขนทัพสินค้าผลิตภัณฑ์ปูม้าจากเกษตรกรเจ้าของผลิตภัณฑ์กว่า 15 ร้าน มาให้คุณได้เลือกชมชิมช็อปกันอย่างจุใจ ภายในงานพบกับนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยววงจรชีวิตของปูม้า ธนาคารปูม้าและพบกับโมเดลปูม้าขนาดใหญ่ การจำหน่ายสินค้าจากวัตถุ ดิบ ผลิตภัณฑ์จากปูม้าสดๆ จากเจ้าของผลิตภัณฑ์โดยตรง นอกจากผู้เข้าร่วมงานจะได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และปูม้าสดๆ ภายในงานแล้วนั้น ในวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงานนั้น ตั้งแต่เวลา 18.00 น. นอกจากจะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เข้าร่วมชมงานยังจะได้พบกับนักแสดงหนุ่มตัวแทนด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อเล็กซ์ เรนเดลล์ ที่จะมาร่วมพูดคุยภายในงาน และมินิคอนเสิร์ตจาก หญิง ธิติกานต์ ที่จะมาร่วมสร้างสีสันภายในงาน สำหรับผู้ที่ สนใจสามารถเข้าร่วมงาน ตลาดนัดปูม้าบุกกรุง มากินปูม้าสดโดยไม่ต้องไปไกลถึงแพ ได้ที่ เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G ตั้งแต่ วันที่ 16-19 มกราคม 2563 เวลา 10.00 – 22.00 น. เป็นต้นไป
ปูม้า และผลิตภัณฑ์จากปูม้า เป็นที่นิยมบริโภค สามารถทำรายได้ให้กับประเทศเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อปี แต่เนื่องจากมีการทำประมงในปริมาณที่เกินกำลังผลิตของธรรมชาติ จึงทำให้ประชากรของปูม้าในธรรมชาติลดลง การฟื้นฟูทรัพยากรปูม้าจากการทำธนาคารปูม้า เกิดจากการประยุกต์องค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นและการวิจัย ที่หลายหน่วยงานเข้ามามีบทบาทในการช่วยฟื้นฟูทรัพยากรปูม้า และพัฒนา แก้ไขความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในท้องทะเล ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อ วันที่ 6 มีนาคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เสนอขยายผลธนาคารปูม้า เพื่อ “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ไปสู่ชุมชนบริเวณชายฝั่ง และได้มอบหมายให้เป็นหน่วยงานบูรณาการหลักร่วมกับหลายหน่วยงานในการดำเนินการนำองค์ความรู้จากผลการวิจัยและนวัตกรรมเดิมมาต่อยอดหรือวิจัยเพิ่มอัตราการรอดของลูกปูม้าก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล และขยายผลสำเร็จของธนาคารปูม้าที่มีไปสู่ชุมชนอื่น ๆอย่างเหมาะสม ตลอดจนการสนับสนุนการตลาดในทุกรู
ปูม้า และผลิตภัณฑ์จากปูม้า เป็นที่นิยมบริโภค สามารถทำรายได้ให้กับประเทศเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อปี แต่เนื่องจากมีการทำประมงในปริมาณที่เกินกำลังผลิตของธรรมชาติ จึงทำให้ประชากรของปูม้า ในธรรมชาติลดลง การฟื้นฟูทรัพยากรปูม้าจากการทำธนาคารปูม้า เกิดจากการประยุกต์องค์ความรู้และ ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการวิจัย ที่หลายหน่วยงานเข้ามามีบทบาทในการช่วยฟื้นฟูทรัพยากรปูม้า และพัฒนา แก้ไขความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในท้องทะเล ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เสนอขยายผลธนาคารปูม้า เพื่อ “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” ไปสู่ชุมชนบริเวณชายฝั่ง และได้มอบหมายให้เป็นหน่วยงานบูรณาการหลักร่วมกับหลายหน่วยงานในการดำเนินการนำองค์ความรู้จากผลการวิจัยและนวัตกรรมเดิมมาต่อยอดหรือวิจัยเพิ่มอัตราการรอดของลูกปูม้าก่อนปล่อยคืนสู่ทะเล และขยายผลสำเร็จของธนาคารปูม้าที่มีไปสู่ชุมชนอื่นๆ อย่างเหมาะสม ตลอดจนการสนับสนุนการตลาดในทุกร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดภูเก็ตว่า ที่ป่าชายเลน บ้านท่าฉัตรไชย อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายกองโท อดุลย์ ชูทอง นายอำเภอถลาง นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจังหวัดภูเก็ต นายทวี หอมหวล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต นางศิรวี วาเล๊าะ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายพิชิฏฏ์ ชิด ไพฑูรย์ ท้องถิ่น จังหวัดภูเก็ต นางบุษยา ใจเปี่ยม ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต นายเก้า แซ่ลิ้ม ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านบ้านท่าฉัตรไชย เครือข่ายประมงพื้นบ้านและประชาชน พร้อมด้วยประชาชนและสื่อมวลชน ร่วมปล่อยปูม้า ภายใต้กิจกรรม “คืนปูม้าสู่ทะเลไทย” โดยมีสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งกลุ่มประมงพื้นบ้านและแปรรูปสัตว์น้ำบ้านท่าฉัตรไชย กลุ่มประมงพื้นบ้านแหลมทราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่จัดทำธนาคารปูม้าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเพิ่มปริมาณปูม้าและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งทะเลอันดามัน ด้าน นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติ วันที่ 6 มีนาคม 2561 เห็นชอบการขยายผลธนาคารปูม้า
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2561 เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เสนอขยายผลธนาคารปูม้า เพื่อคืนปูม้าสู่ทะเลไทย ไปสู่ชุมชนชายฝั่ง จำนวน 500 ชุมชน ในระยะ 2 ปี จากปัจจุบันที่ 191 แห่ง บริเวณ 21 จังหวัดชายทะเล โดยให้ วช. บูรณาการหน่วยงานหลัก เข้ามาดำเนินงานร่วมกัน คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 2.5 พันล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ สั่งการให้ธนาคารออมสินให้การสนับสนุนสินเชื่อให้ชุมชนละ 1.5-2 แสนบาท โดย วช. ต้องนำองค์ความรู้ด้านการวิจัย เพื่อเพิ่มอัตรารอดของลูกปู ส่วนกรมประมง มามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ต้องไปออกมาตรการกำหนดพื้นที่อนุรักษ์ ฟื้นฟู บริษัทประชารัฐสามัคคี และกระทรวงพาณิชย์ เข้ามาช่วยเหลือด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์ สนับสนุนหาช่องทางตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทั้งปกติและออนไลน์ และบริษัท ไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยในการส่งสินค้าให้กับชุมชน ที่มา ข่าวสด
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่แหลมผักเบี้ยที่เพชรบุรี และเยี่ยมประชุมกับกลุ่มชุมชนธนาคารปูม้า ชุมชนนี้เริ่มทำกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนฐานเรียนรู้..มีโฮมสเตย์หลายหลัง..มีผู้มาเยือนดูงานเป็นรถบัสบ่อยๆ มีทั้งชาวไทย ชาวจีน และจากประเทศเพื่อนบ้าน แม่บ้านในชุมชนนี้รวมกันทำระบบธนาคารปูม้าที่น่าชื่นชมมาก โดยศึกษาว่าปูม้านั้นหากจับกินแบบไม่สร้างการคืนปูรุ่นลูกให้ธรรมชาติ ปูม้าจะหมดไปได้ ซึ่งเคยมีการขาดแคลนหายากจนเป็นปัญหามาแล้ว “ชาวบ้านจึงใช้ผลการศึกษาดูงานจากที่อื่นมาพัฒนาให้มีถังไว้เก็บแม่ปูที่มีไข่แล้ว..ซึ่งดูง่ายๆว่าถ้าที่ท้องมีไข่สีออกเหลืองๆเป็นพวง..แปลว่าอีก 7 วันไข่จะกลายเป็นลูกปู ถ้าเป็นสีคล้ำลงจนดำ แปลว่าใน24ชม.จะเป็นลูกปู ซึ่งลูกปูจะอ่อนแอมาก ดังนั้นธนาคารปูม้าจึงเอาแม่ปูมีไข่มาหย่อนไว้ในถังที่มีฟองเพิ่มออกซิเจน เพื่อทำให้แม่ปูอยู่ได้ดีไม่มีการรบกวนจนไข่เป็นลูกปู คราวละกว่าแสนตัว จากนั้นก็ให้นักท่องเที่ยวเอาถังใบเล็กมาตักไปเทปล่อยที่ทะเลช่วงน้ำลง เพื่อให้น้ำทะเลพาลูกปูออกสู่ชายฝั่งป่าโกงกาง จะได้มีโอกาสรอดและเติบโต” รัฐมนตรีว่ากา
กฎเหล็ก IUU ทำประมงอ่วม วัตถุดิบต้นน้ำขาด ราคาพุ่ง เผยปูม้าเป็นสุดฮิต เมืองไทยไม่พอจากน้ำท่วมภาคใต้ ต้องนำเข้ากัมพูชา ตราดเตรียมยกระดับปูม้าติดคิวอาร์โค้ดระบุที่มาเพิ่มมูลค่า ขณะที่ซัพพลายเชนโตพรึ่บ แม่ค้าออนไลน์แห่ขายปูไข่ดอง อู้ฟู่รายได้วันละแสนบาท นายประเสริฐ ศิริ เจ้าของเรือประมงและกิจการท่าเทียบเรือกัลปังหา บ้านคลองสน อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กล่าวว่า พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 10/2558 เรื่องการแก้ไขปัญหาทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU ที่มีผลการบังคับใช้ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เรือประมงในจังหวัดตราดมีการปรับตัวขนานใหญ่ ซึ่งต้นทุนการทำประมงที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแรงงานชาวกัมพูชา และโทษปรับสูง ทำให้ปริมาณเรือประมงที่จดทะเบียนถูกต้องลดลง หรือเลิกอาชีพไป เห็นได้ชัดจากเรือประมงที่ใช้ท่าเทียบเรือกัลปังหาลดลงถึง 60% และปริมาณสัตว์น้ำลดลง 50% ทั้งนี้จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ระยะหลังเรือประมงไทยจำนวนหนึ่งปรับไปทำประมงในกัมพูชา และขายให้พ่อค้าในกัมพูชา เนื่องจากกฎระเบียบไม่เข้มงวด อีกทั้งศักยภาพด้านประมงกัมพูชายังด้อยกว่าไทย โดยเฉพาะเมืองสีหนุวิลล์ที่เป็นเมือง