ผึ้ง
ภิรมย์ รักเพชร คนเลี้ยงผึ้ง-ผึ้งเลี้ยงคน ณ บ้านนาสาร บ้านนาสาร ใครๆ ก็ปลูกเงาะกันทั้งนั้น แต่ คุณภิรมย์ รักเพชร นอกจากปลูกเงาะแล้ว ยังเลี้ยงผึ้งอีกด้วย เขารักและชอบผึ้ง จึงเลี้ยงผึ้ง จากนั้นผึ้งกลับมาเลี้ยงเขา ผลพลอยได้อย่างหนึ่ง หากคุณภิรมย์นำผึ้งไปปล่อยสวนเงาะของใคร เงาะสวนนั้นจะดกที่สุด ก่อนที่จะรู้เรื่องการเลี้ยงผึ้งของคุณภิรมย์ มาทำความรู้จักผึ้งกันก่อนดีไหมคะ “ผึ้ง” เป็นแมลงที่มีปากกัดแบบกัดเลีย หนวดสั้นเป็นเส้นด้าย มีปีกแบบเยื่อบาง 2 คู่ เป็นสัตว์สังคม โดยจะสร้างรังอยู่รวมกันหลายพันตัว ผึ้งสามารถแบ่งวรรณะออกได้ดังนี้ 1. ผึ้งแม่รัง หรือ นางพญา (Queen) จะมีเพียงตัวเดียวภายในรังทำหน้าที่วางไข่ มีส่วนท้องขยายยาวสำหรับอวัยวะสืบพันธุ์ที่อยู่ภายใน ผึ้งนางพญามีเหล็กใน ลักษณะคล้ายเข็มทำให้สามารถต่อยได้หลายครั้ง 2. ผึ้งตัวผู้ (Drone) มีหน้าที่ผสมพันธุ์กับผึ้งแม่รัง และหลังจากผสมพันธุ์อวัยวะสืบพันธุ์จะหลุดติดไปกับผึ้งแม่รัง ทำให้ผึ้งตัวผู้ตายหลังจากการผสมพันธุ์ ลักษณะทั่วไปผึ้งตัวผู้จะมีตารวมชิดติดกัน ไม่มีเหล็กใน อีกทั้งยังมีขนาดที่ใหญ่กว่าผึ้งงานเล็กน้อย 3. ผึ้งงาน (Worker) เป็นผึ้งเพศเม
ในรอบปีฤดูกาลที่นิยมเก็บเกี่ยวผลผลิตน้ำผึ้งจากผึ้งและชันโรง จะดำเนินการในช่วงที่มีดอกไม้บานคือตั้งแต่ปลายปีไปจนเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในเดือนเมษายน ซึ่งจะได้น้ำผึ้งจากดอกไม้และผลไม้ที่ออกดอกในเดือนที่แตกต่างกัน เกิดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งหลากหลายชนิด ได้แก่ น้ำผึ้งจากดอกไม้ป่าหรือดอกสาบเสือ น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งดอกลำไย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของประชากรผึ้งและชันโรงที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อพัฒนาของดักแด้จนไปถึงตัวเต็มวัยไม่แข็งแรงได้ ทำให้ประชากรภายในรังน้อยลง เกิดการล่มสลายของรังผึ้งและชันโรงได้ ดังนั้น ในช่วงมกราคม-มีนาคม เป็นช่วงที่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น เกษตรกรจึงควรติดตามตรวจสอบสภาพอากาศ คาดการณ์การเกิดภัยในพื้นที่วางรังผึ้ง และบันทึกน้ำหนักรัง เพื่อวางแผนการตั้งรัง สถานที่ตั้ง การเคลื่อนย้ายรัง การดูแล และเก็บเกี่ยวน้ำผึ้งให้ได้ประสิทธิภาพ วิธีการดูแลผึ้งและชันโรงในช่วงฤดูแล้ง จะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลักสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ปัจจัยด้านก
หากใครอยากเลี้ยงชันโรงเป็นอาชีพเสริม สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ปลูกพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้ที่ปลูกดูแลแบบเกษตรอินทรีย์ หรืออยู่ใกล้ป่าธรรมชาติ ที่มีต้นไม้นานาชนิดให้เป็นแหล่งอาหารของชันโรง ทั้งนี้ จากการศึกษาของศูนย์วิจัยฯ พบว่า พืชอาหารที่ถูกใจชันโรง ถือเป็นอาหารเกรด เอ ที่มีคุณค่าทางยามากที่สุดคือ “ดอกดาวกระจาย” เพราะมีสรรพคุณทางยาสูง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบสูงถึง 97-98 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ “ดอกเสี้ยวป่า” ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ให้สารต้านการอักเสบสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ นอกจากพืชอาหารจะมีความสำคัญต่อคุณภาพน้ำผึ้งชันโรงแล้ว เรื่องการเก็บผลผลิตและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ก่อนเก็บน้ำผึ้งควรปล่อยให้จุลินทรีย์และเอนไซม์ทำงานเต็มที่ เพราะน้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูงจะต้องมีความชื้นเหลืออยู่ที่ 22-21 เปอร์เซ็นต์ หลังชันโรงเก็บน้ำหวานจากดอกไม้ที่มีคุณสมบัติทางยา เมื่อเป็นน้ำผึ้งจะเข้มข้นขึ้น ตั้งแต่ 10-100 เท่า เมื่อผสานกับนวัตกรรมการบ่มน้ำผึ้งที่ให้จุลินทรีย์และเอนไซม์ของศูนย์วิจัยฯ ยิ่งทำให้น้ำผึ้งมีความเป็นยามากขึ้น #เทคโนโลยีชาวบ้าน #technologychaoban #ชันโรง #ผึ้
อย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำผึ้ง คือของดีมีประโยชน์ จะนำมาประกอบอาหาร หรือทำเป็นยาคุณค่าก็สูงทั้งนั้น แต่น้ำผึ้งแท้ๆ ไม่มีส่วนผสมอื่นเจือปนในปัจจุบันหากินยากขึ้นทุกที สาเหตุหลักคือ ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติลดน้อยลง ประกอบกับมีผู้รู้วิธีการเลี้ยงและดูแลผึ้งโพรงป่าที่ถูกต้องมีจำนวนน้อย ดังนั้น ตอนนี้หากใครกำลังมองหาอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก การเลี้ยงผึ้งโพรงป่า ถือว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อย วิธีการเลี้ยงดูแลไม่ยาก ลงทุนน้อยเปรียบเสมือนคนเลี้ยงเป็นเจ้าของบริษัท ตื่นเช้ามาลูกน้องตื่นออกไปทำงาน ไม่ต้องมีโบนัส สวัสดิการ เพียงดูแลเอาใจใส่เรื่องความสะอาด ผลตอบแทนที่ได้คุ้ม คุณสยาม สกุณนา หรือ อาจารย์สยาม ผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงผึ้งโพรงป่า เล่าว่า กว่าจะเป็นมืออาชีพอย่างทุกวันนี้ได้ ตนลองผิดลองถูกมานานกว่า 4 ปี เมื่อก่อนเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาเกษตรกรรมอยู่ที่ กศน. จังหวัดพะเยา ต่อมาได้ลาออกไปทำงานบริษัทปุ๋ย หลังจากนั้นลาออกจากบริษัทปุ๋ยอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าเบื่องานประจำ เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนรักอิสระ ไม่ชอบเป็นลูกน้องใคร จึงกลับมาอยู่บ้านที่อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา เช่าที่ทำนาจำนวนกว่าร้อยไร่ แรกๆ
อย่าว่าแต่มนุษย์มีปัญหาเรื่องเหยียดสีผิว ตอนนี้มันลามไปที่ผึ้งของเกษตรกรเลี้ยงผึ้งที่ออสเตรียแล้วนะ ออสเตรียเป็นประเทศเล็กๆ ในยุโรป ชื่อคล้ายออสเตรเลียแต่ห่างกันคนละซีกโลก อย่าไปจำผิดนะ ในรัฐคารินเทียของออสเตรีย ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้งมาต่อเนื่องหลายชั่วอายุคน มีผึ้งพันธุ์คาร์นิโอลันที่เลี้ยงสืบเนื่องกันมายาวนาน เป็นผึ้งที่กฎหมายระบุว่าเป็นผึ้งท้องถิ่นมีลักษณะพิเศษคือมีสีอ่อน ตอนนี้เกษตรกรเลี้ยงผึ้งหลายคนเจอปัญหาว่า พอเจ้าหน้าที่มาตรวจ จะจี้ไชว่าผึ้งที่ตัวเองเลี้ยงนั้น สีเข้มเกินไป ควรจะอ่อนลงกว่านี้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องทำลาย เพื่อป้องกันการปะปนของผึ้งต่างถิ่น เกษตรกรก็งงงวยว่า ผึ้งคาร์นิโอลันที่พวกตัวเองเลี้ยงกันมาแต่เก่าก่อน ทำไมตอนนี้มันกลายเป็นจะไม่ใช่ไปเสียได้ ผึ้งคาร์นิโอลัน มีชื่อเสียงว่าเป็นผึ้งขยันขันแข็ง สุขภาพดี และเชื่องมากจนไม่จำเป็นต้องสวมชุดหรือผ้าคลุมหน้าเพื่อป้องกันผึ้งต่อย เจ้าหน้าที่ของรัฐจะแวะเวียนมาตรวจสุขภาพและคุณภาพการเลี้ยงผึ้งต่อเนื่อง เพื่อควบคุมคุณภาพผลผลิตน้ำผึ้งที่จะไปถึงผู้บริโภคทั้งในและนอกประเทศ แต่พักหลังนี่ผู้ตรวจสอบไม่ค่อยสนใจพฤติกรรมของผ
จากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทางภาคใต้ ฝนตกยาว น้ำท่วมส่งผลต่อแหล่งอาหารผึ้งโพรงไทย ผึ้งโพรงไม่สามารถแยกรังสร้างนางพญาได้ จังหวัดพัทลุง แหล่งผลิตรายใหญ่น้ำผึ้งโพรง เหลือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ หาย 70 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงพีกประมาณ 12 ตันต่อปี กลุ่มเลี้ยงผึ้งพัทลุงจึงจำเป็นต้องหนีสภาพภูมิอากาศฝนตก อพยพปักหลักฝั่งอันดามัน จังหวัดกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี ส่งสัญญาณการเลี้ยงผึ้ง สภาพดินฟ้าอากาศ และสารเคมี ปัจจัยอุปสรรคต่อการเลี้ยงผึ้งโพรง โดยมีทางออกต้องสำรองแหล่งอาหาร พืชล้มลุก โดยเฉพาะข้าวโพด หากหมดโอกาสจริงคือผลของกล้วยสุกจะเป็นแหล่งอาหาร เพื่อความอยู่รอดของผึ้งโพรง คุณวีระพล ห้วนแจ่ม ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงตำบลปันแต ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัดแปลงใหญ่ผึ้งโพรงปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บอกว่า การเลี้ยงผึ้งโพรงไทยปี 2565 ที่ผ่านมานี้ได้มีผลผลิตที่น้อยมาก เหลืออยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งเทียบจากช่วงที่พีกนั้นสามารถเก็บผลผลิตได้กว่า 10 ตัน ซึ่งมีสาเหตุจากฝนตกยาวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบจากการที่ผึ้งโพรงไม่สามารถจะแยกรังสร้างนางพญาได้ ประชากรผึ้งโพรงจึงไม่ขย
ในฐานะประธานภูมิภาคเอเชีย (Regional President of Asia) คนล่าสุดของสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งนานาชาติ (International Federation of Beekeepers’ Association: Apimondia) สมาคมด้านผึ้งที่มีบทบาทสำคัญของโลก ประกอบด้วยตัวแทนจากสมาคมผู้เลี้ยงผึ้งและผู้จำหน่ายน้ำผึ้งกว่า 120 สมาคม ทั่วโลก รศ.ดร.อรวรรณ ดวงภักดี กล่าวว่า ประเทศไทยมีสภาพพื้นที่และอากาศเหมาะกับการทำเลี้ยงผึ้ง และผลิตน้ำผึ้งสูงเป็นลำดับ 36 ของโลก กลับมีรายได้จากการส่งออกน้ำผึ้งเพียงปีละประมาณ 600 ล้านบาท (ข้อมูลกรมส่งเสริมการเกษตร, 2563) ขณะที่มูลค่าตลาดน้ำผึ้งโลก 5 หมื่นล้านบาทต่อปีนั้น มีข้อจำกัดของน้ำผึ้งไทย 2 เรื่องสำคัญคือ “มาตรฐานน้ำผึ้งสากล” และ “การสื่อสารเรื่องคุณค่าทางโภชนาการ” “เนื่องจากมาตรฐานน้ำผึ้งในระดับสากลที่ใช้กันในปัจจุบัน (Codex standard for honey) เกิดจากการผลักดันของกลุ่มอุตสาหกรรมเลี้ยงผึ้งและผลิตน้ำผึ้งของประเทศผู้ผลิตและส่งออกในยุโรปและแอฟริกา ที่เป็นน้ำผึ้งจากการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ (ผึ้งฝรั่ง) ขณะที่การเลี้ยงผึ้งของคนเอเชียรวมถึงในบ้านเรา มีปัจจัยหลายอย่างต่างออกไป ที่นอกจากจะมีความหลากหลายของชนิดผึ้งแล้ว (ประเท
น้ำผึ้ง มีความสัมพันธ์กับอาชีพเลี้ยงผึ้ง การเลี้ยงผึ้งมีทั่วประเทศ เพราะความต้องการใช้น้ำผึ้งในเชิงพาณิชย์มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากคุณประโยชน์ครอบคลุมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ ความสวยงาม อาหาร ขนม เครื่องดื่ม เกิดเป็นอาชีพที่สร้างเม็ดเงินจำนวนมากมายในแต่ละปี ผลักดันให้ผู้เลี้ยงผึ้งพัฒนารูปแบบวิธีผลิตน้ำผึ้งเพื่อป้อนสู่ตลาดได้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ผู้ยึดอาชีพเลี้ยงผึ้งทั้งรายใหม่และเก่าควรมีความรู้และแนวทางเลี้ยงตามหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดขอนแก่น สังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานที่ดูแล และส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งและแมลงเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคอีสาน ทั้งการอบรม ถ่ายทอดความรู้ กระบวนการเลี้ยงให้แก่ผู้สนใจทั้งรายใหม่และรายเก่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงผึ้งให้สอดคล้องกับสภาวะอาชีพ คุณวชิระ จิตรดาธำรง ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ศูนย์มีบทบาทและหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทางด้านเลี้ยงผึ้งและแมลงเศรษฐกิจทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีพื้นที่รับผิดชอบรวมทั้งสิ้น
“ชันโรง” หลายท่านรู้จัก แต่ก็อาจมีอีกหลายท่านที่ไม่รู้จัก บางท่านไม่รู้จักชันโรง แต่รู้จัก ขี้สูด ติ้ง ขี้ตังนี อุง หรือ “ผึ้งจิ๋ว” ซึ่งก็ล้วนเป็นชื่อของชันโรงทั้งสิ้น เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักกับชันโรง ทราบและเข้าใจถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ของแมลงเล็กๆ ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเป็นตัวการในการผสมเกสรให้พืชพันธุ์ต่างๆ ทำให้พืชติดผลมากขึ้น เรามาทำความรู้จักกับแมลงชนิดนี้กัน สำหรับ “ชันโรง” มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่นเช่น คนเหนือเรียก ขี้ตังนี ขี้ตัวนี หรือ ขี้ย้าแดง ภาคใต้เรียก แมลงอุง ทางอีสานเรียก แมลงขี้สูด ภาคตะวันออกเรียก ตัวตุ้งติ้ง “ชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว” (Stingless bees) คือ แมลงผสมเกสรตัวเล็กๆ จัดอยู่ในจำพวกผึ้งแต่ไม่มีเหล็กในเหมือนผึ้ง “ชันโรง” มีวิวัฒนาการสูงกว่าผึ้งป่าและผึ้งหึ่ง นอกจากนี้ชันโรงยังให้น้ำผึ้งอีกด้วย น้ำผึ้งและเกสรของชันโรงมีราคาแพงกว่าน้ำผึ้งทั่วๆ ไป เนื่องจากเชื่อกันว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า เพราะรังของชันโรงหายาก และมีปริมาณน้ำผึ้งน้อย ชันโรงนอกจากจะให้น้ำผึ้งที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้วยังช่วยผสมเกสรพืชต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ชันโรงมีกล้ามเนื้อที
ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงตำบลปันแต บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 11 ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558 มีสมาชิก จำนวน 50 คน ซึ่งเป็นเกษตรแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบัน มีรังผึ้งทั้งผึ้งโพรงไทยและชันโรงที่ให้ผลผลิตแล้ว จำนวน 1,100 รัง เก็บเกี่ยว 2 ครั้ง ต่อเดือน ผลผลิตต่อปี กว่า 10,000 กิโลกรัม สร้างรายได้หมุนเวียน กว่า 4 ล้านบาท ต่อปี คุณวีระพล ห้วนแจ่ม ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงและชันโรงตำบลปันแต บอกว่า ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่เกษตรกรประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีพืชเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ยางพารา ข้าว ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล โดยรวมกลุ่มและมีมติจากชุมชนในการเลี้ยงผึ้งโพรงไทยในนามวิสาหกิจชุมชน ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ได้เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมีเพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรและชุมชน ด้วยการนำหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรต่างๆ ที่พระบาทส