พืชน้ำน้อย
กรมส่งเสริมการเกษตรชู “แตงโมหนองโดน” ต้นแบบการปลูกพืชใช้น้ำน้อยจากจังหวัดสระบุรี ในโครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร โดยเกษตรกรปลูกแตงโมในพื้นที่อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ซึ่งเกษตรกรมีวิธีการให้น้ำแตงโมที่มีความพิเศษและแตกต่างจากที่อื่นคือ ในช่วงหยอดเมล็ดจนถึงระยะต้นกล้า จะรดน้ำด้วยวิธีการตักหาบ ต่อมาในช่วงเจริญเติบโตจนถึงออกผลผลิต เกษตรกรจะใช้สายยางรดน้ำแทน ซึ่งการรดน้ำลักษณะนี้ส่งผลดีต่อแตงโม 3 ด้าน คือ 1. ลดโรคและแมลงศัตรูพืช เนื่องจากการตักหาบและการรดน้ำแบบใช้สายยาง จะช่วยลดปัญหาการเกิดโรคราน้ำค้าง ที่มักจะมีการระบาดมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่มีความต่างของอุณหภูมิมาก เพราะอุณหภูมิต่ำลงในเวลากลางคืนและอุณหภูมิสูงขึ้นในเวลากลางวัน 2. ลดวัชพืช เนื่องจากเกษตรกรให้น้ำบริเวณโคนต้นหรือใกล้เคียงบริเวณรากโดยตรง ทำให้ความชื้นในบริเวณอื่นมีน้อย ส่งผลให้วัชพืชเจริญเติบโตน้อย จึงสามารถกำจัดได้โดยใช้แรงงานคนแทนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช ช่วยให้ลดต้นทุนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช และเพิ่มความปลอดภัยให้ผลผลิตด้วย 3. ลดต้นทุนการผลิ
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น เป็นปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่มส่งผลแล้วในหลายพื้นที่ และคาดการณ์ว่า ภาวะเอลนีโญในปีนี้จะหนักขึ้นมากกว่าในปี 2566 โดยในปี 2567 อุณหภูมิโลก คาดว่าจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ ทั้งจากปริมาณน้ำฝนที่จะตกในช่วงฤดูฝนน้อยลง และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะต่ำกว่าร้อยละ 20 หลังจากผ่านต้นปีไปแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงครึ่งปีแรก ตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน อากาศจะร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นช่วงที่ท้าทาย สำหรับการปลูกพืช และการผลิตสินค้าเกษตร รวมถึงปศุสัตว์และประมงจะเกิดภาวะแล้งในหลายพื้นที่ สำหรับผลพยากรณ์ของ สศก. คาดว่าเนื้อที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง ปี 2567 (ข้อมูล ณ กันยายน 2566) จะมีเนื้อที่เพาะปลูก 9.877 ล้านไร่ ผลผลิต 6.351 ล้านตันข้าวเปลือก และให้ผลผลิตต่อไร่ 643 กิโลกรัม โดยลดลงจากปี 2566 ที่มีเนื้อที่เพาะปลูก 11.099 ล้านไร่ ผลผลิต 7.199 ล้านตันข้าวเปลือก ผลผลิตต่อไร่ 649 กิโลกรัม เนื่องจากผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนิโญ
“มันแกว” เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม มานานกว่า 40 ปี สร้างอาชีพและรายได้ให้เกษตรกรชาวจังหวัดมหาสารคาม มากกว่าปีละ 30 ล้านบาท โดยแหล่งปลูกสำคัญอยู่ในพื้นที่อำเภอบรบือ และอำเภอกุดรัง ทั้งนี้ มันแกวบรบือได้รับการยกย่องว่าเป็นมันแกวคุณภาพดีที่สุดพันธุ์หนึ่งของเมืองไทย เนื่องจากมีรสชาติอร่อย หวานกรอบ เพราะปลูกในพื้นที่ดินร่วนปนทราย มันแกวหัวสดที่ปลูกในจังหวัดมหาสารคามมี รสชาติหวานกรอบกว่าแหล่งอื่นแล้ว เปลือกมันแกวยังมีสีขาวนวลเด่นสะดุดตาผู้ซื้ออีกต่างหาก ที่ผ่านมา สำนักงานเกษตรอำเภอบรบือ และอำเภอกุดรัง ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร่วมกันสนับสนุนให้เกษตรกรร่วมปลูกมันแกว เพื่อคงเอกลักษณ์พืชเศรษฐกิจประจำท้องถิ่นไว้อย่างต่อเนื่อง เกษตรกรชาวมหาสารคามสนใจเข้าร่วมโครงการปลูกมันแกวกว่า 2,000 ไร่ โดยปีหนึ่งสามารถปลูกมันแกวได้ 3 รุ่นต่อปี รุ่นแรก ปลูกช่วงต้นฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จะได้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 10 ตัน รุ่น 2 ปลูกช่วงปลายฤดูฝน ระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม จะได้ผลผลิต 5-6 ตันต่อไร่ และรุ่น 3 ปลูกช่วงฤดูแล้ง ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะได้ผลผลิตเฉลี่ยไ
กรมส่งเสริมการเกษตร มุ่งเป้า ปี 66 และ ปี 67 ลดพื้นที่นาปรังให้ได้เกิน 10,000 ไร่ จัดเต็มแคมเปญพิเศษให้เกษตรกรมากกว่า 22 จังหวัด ที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้ ปี 66 และ ปี 67 ได้สิทธิพิศษเต็มๆ ทั้งจัดเวทีเสริมความรู้ ติดตามดูแล และเชื่อมโยงตลาด สมัครด่วน หมดเขต พ.ค.นี้ นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ในปัจจุบันสภาพภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงมีปริมาณฝนตกน้อยกว่าปกติ หรือฝนตกไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นระยะเวลานานกว่าปกติซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตข้าว อีกทั้งในช่วงฤดูแล้งปริมาณน้ำในแหล่งน้ำต่างๆมักจะมีปริมาณจำกัด และสถานการณ์การผลิตข้าวของประเทศไทยยังมีความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน มีปริมาณผลผลิตเกินความต้องการใช้อยู่ประมาณ 2.25 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 3.48 ล้านไร่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” บริหารจัดการผลผลิต ให้มีปริมาณสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบต่อราคาข้าว “ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เล็งเห็นถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งในพื้นที่ จึงมีนโ
สถานการณ์น้ำน้อยทางภาคอีสานดูจะสร้างปัญหาให้กับอาชีพปลูกข้าวของชาวบ้านหลายพื้นที่จนต้องหาทางปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ใช้น้ำน้อยแทน อย่างชาวบ้านที่ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ขานรับแนวทางของภาครัฐเพื่อที่จะปลูกพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านอย่างผักขะแยง ซึ่งมีคุณสมบัติใช้น้ำน้อย อายุสั้น เก็บเกี่ยวมีรายได้แบบวันต่อวัน ลักษณะการปลูกผักขะแยงของชาวบ้านในหมู่บ้านนี้จะใช้พื้นที่นาหลังเก็บเกี่ยวหรือพื้นที่บริเวณบ้านที่มีจำนวนเนื้อที่แตกต่างกันตามกำลังของครัวเรือน โดยชาวบ้านจะรวมตัวเป็นกลุ่มทั้งหมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทั้งวิธีการปลูก การดูแล รวมไปถึงการขาย จนเกิดความเข้มแข็งสร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อครัวเรือน จนได้รับการกล่าวขานว่า “หมู่บ้านผักขะแยงเงินล้าน” คุณแพ พรมวิจิตร บ้านเลขที่ 105 หมู่ที่ 14 ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โทรศัพท์ (087) 870-4290 ทำอาชีพปลูกผักขะแยงกับบัวบกสร้างรายได้มานานเกือบ 10 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยออกไปทำงานยังจังหวัดต่างถิ่น แต่ต้องประสบปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับครอบครัว คุณแพเริ่มปลูกผักขะแยงในพื้นที่เพียง 2 ไร่ แล้
คุณแก้วตา – แก้วตา สังข์ทอง เกษตรกรผู้ปลูกแตงโม อายุ 50 ปี ชาว อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยเคล็ดลับการปลูกแตงโมอย่างไรให้ ไส้ไม่แตก เนื้อแน่น สีแดงสด รสชาติหวาน มีคุณภาพตรงตามที่ตลาดต้องการ หลักในการทำเกษตรของคุณแก้วตานั้น ต้องดูแลใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต จากการสั่งสมประสบการณ์ลงมือดูแลไร่แตงโมด้วยตัวเองทุกวันตลอดระยะเวลา 2 ปี ถึงแม้จะไม่นาน แต่ก็ทำให้ได้เทคนิคในแบบฉบับเฉพาะตัว จนได้ผลผลิตแตงโมลูกละไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม ขายได้ทุกลูกและได้ราคาดีอย่างแน่นอน ติดตามข่าวสารอื่นๆ ข้อมูลสินค้า และข่าวสารจากปุ๋ยตรากระต่าย เพิ่มเติมได้ที่ Facebook www.facebook.com/puitrakratai/ Youtube: www.youtube.com/c/Puitrakratai ข้อมูลสินค้าปุ๋ยตรากระต่าย http://www.chiataigroup.com/business/fertilizer/puitrakratai
ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ตราศรแดงแถลงความสำเร็จตลาดธุรกิจเมล็ดพันธุ์ในปี 2563 นี้ว่ากุญแจสำคัญที่ทำให้อีสท์ เวสท์ ซีดก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ1 ในตลาดธุรกิจเมล็ดพันธุ์นั้นมาจาก 3 ปัจจัย โดยระบุว่าปัจจัยแรกคือเป็นผลมาจากงานวิจัยหรือ R&D ถือเป็นหัวใจหลักผนวกกับปณิธานของผู้ก่อตั้ง ที่ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ผักเขตร้อนที่ดีที่สุดในโลก ทำให้มีการลงทุนทางด้านนี้หลายร้อยล้านต่อปีและมีพนักงานในฝ่ายนี้รวมทั้งสิ้นกว่า1,200 คนที่คอยคิดและพัฒนาพืชผักสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมา “บางสายพันธุ์ใช้เวลาพัฒนาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ เรามีการทดลองในแปลงทดลอง ทดลองในแปลงเกษตรกร ผนวกกับปณิธานของผู้ก่อตั้งคุณไซมอน กรู๊ท ซึ่งท่านมีปณิธานว่าเมล็ดพันธุ์ที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตคนนับล้านได้ ทุกคนในองค์กร จึงมีเป้าหมายเดียวกันก็คือทำงานอย่างไรถึงให้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่สุด” นายวิชัย กล่าวต่อว่า ปัจจัยต่อมาเรามุ่งเน้นไปที่เกษตรกรรายย่อยเป็นสำคัญ ซึ่งเกษตรกรกลุ่มนี้ถือเป็นพ่อครัวอาหารของโลก สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนารวมถึงโครงสร้างของบริษัทที่พ
“แตงร้าน” เป็นหนึ่งในพืชตระกูลแตงที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และได้รับความนิยมบริโภคทั่วโลก โดยในประเทศไทยนั้นมีแหล่งผลิตกระจายอยู่ทั่วทุกภาค แต่ละปีนั้นมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 10,000 ไร่ และบางปีอาจสูงถึง 20,000 ไร่ ตามราคาผลผลิตที่สูงขึ้น (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตร ระหว่างปี 2557-2562) นอกจากนี้ อีกจุดเด่นหนึ่งคือเป็นพืชใช้น้ำน้อย อายุสั้น ให้ผลผลิตเร็ว เกษตรกรจึงนิยมปลูกเป็นพืชเสริมในช่วงฤดูแล้ง หรือระหว่างฤดูการผลิตพืชชนิดอื่น สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้ทุกวัน คุณสุพัฒน์ พรมประสิทธิ์ วัย 30 ปี ชาวบ้านหมู่ 6 บ้านวังหัวแหวน ต.วังหามแห อ.ขาณุวรลักษณบุรี จ.กำแพงเพชร เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ปลูกแตงร้านเสริมกับพืชไร่อย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ต่อเนื่องมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ โดยเมื่อปลูกมาได้สักระยะ รายได้จากพืชเสริมชนิดนี้เริ่มแซงพืชหลัก ทั้งยังสามารถทำเงินได้ไว สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในระยะสั้นเพียง 35-38 วัน ใน 1 ปีสามารถปลูกได้ 3-4 รอบ ต่างจากพืชไร่ที่ปลูกได้เพียงปีละรอบ คุณสุพัฒน์ จึงหันมายึดการปลูกแตงร้านเป็นอาชีพเต็มตัวกว่า 10 ปี บนพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 15 ไร่ กว่าจะมา
พืชทุกชนิดที่ปลูกจำเป็นต้องได้รับน้ำใช้อย่างพอเพียงจึงจะทำให้งอกงามเจริญเติบโตสมบูรณ์ แต่เมื่อปี 2562 ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยฝนตกน้อยมาก ทำให้เขื่อน อ่างเก็บน้ำ แม่น้ำหรือลำคลอง มีปริมาณน้ำน้อยตามไปด้วย กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้วางมาตรการ/โครงการช่วยเหลือเกษตรกรฤดูแล้ง ปี 2562/63 โดยให้เกษตรกรปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อยที่ได้ผลตอบแทนดีกว่า หรือแปรรูปผลผลิตเกษตร ทำงานหัตถกรรม หรือทำงานวิสาหกิจชุมชน เพื่อเป็นการยกระดับรายได้นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความมั่นคง คุณทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2562 ประเทศไทยเกือบทุกพื้นที่มีฝนตกน้อยมาก ทำให้แหล่งกักเก็บน้ำหลายแห่งมีปริมาณน้ำลดลงไปกว่าปีที่ผ่านมา แม่น้ำหรือลำคลองบางแห่งปริมาณน้ำก็แห้งขอด ส่งผลกระทบต่อการผลิตการเกษตรในหลายด้าน กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้วางมาตรการ/โครงการช่วยเหลือเกษตรกรในสถานการณ์ฤดูแล้ง ปี 2562/63 ไว้ 8 มาตรการ ดังนี้ การเฝ้าระวังน้ำเค็มรุก 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ราชบุรี กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และฉะเชิงเทรา ดำเนินการช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม