ฟ้าทะลายโจร
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยความสำเร็จของทีมนักวิจัยสมุนไพรไทย หลัง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร ปรับปรุงพันธุ์ฟ้าทะลายโจรจนได้พันธุ์ใหม่ ให้ผลผลิตทั้งสดและแห้งสูงกว่าพันธุ์การค้า ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ชนะเลิศตามมาตรฐานสมุนไพร นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกฟ้าทะลายโจรที่สำคัญอยู่ในจังหวัดพะเยา ปราจีนบุรี สงขลา กาญจนบุรี สุโขทัย นครปฐม มุกดาหาร ชุมพร อุบลราชธานี และนครสวรรค์ ในปี 2566 มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวผลผลิต 1,136 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 502 กิโลกรัมต่อไร่ มีราคาขายเฉลี่ย 105 บาทต่อกิโลกรัม ฟ้าทะลายโจร เป็นพืชสมุนไพรที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ซึ่งเป็นสารสำคัญมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนเซลล์ไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมยามีความต้องการปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ในวัตถุดิบฟ้าทะลายโจรไม่น้อยกว่า 1 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม ดังนั้นศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร กรมวิชาการเกษตร จึงได้ปรับปรุงพันธุ์ฟ้าทะลายโจรเพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่ให้ผลผลิตสูง รวมทั้งมีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ตามมาตรฐาน
เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 ทำให้มีประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสตัวดังกล่าวจำนวนมาก โดยเชื้อไวรัสสามารถแพร่ระบาดได้ระหว่างบุคคล จากการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดเป็นหลัก โดยผ่านละอองเสมหะขนาดเล็กที่เกิดจากการไอ จาม หรือพูดคุยกัน แม้ละอองเสมหะเหล่านี้เกิดเมื่อหายใจออก แต่ปกติจะตกลงสู่พื้นหรือติดค้างบนพื้นผิววัตถุต่างๆ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในระยะไกล บุคคลอาจติดเชื้อได้จากการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนแล้วนำมาแตะตา จมูก หรือปากของตนเอง แม้ในปัจจุบันจะมีการฉีดวัคซีน ยา ในการป้องกันและยับยั้งโรคไวรัสดังกล่าว แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคกลับไม่ลดลง ทำให้ประชาชนต้องเรียนรู้ปรับตัวให้อยู่รอดกับโรคดังกล่าว มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในพระอุปถัมภ์ฯ จัดงานเสวนา “ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรพื้นบ้านจากทางเลือก สู่ทางรอด” ณ ห้องประชุมพิทยา จารุพูนผล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมเสวนา เมื่อวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมี ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานกรรมการบริ
กรมวิชาการเกษตร เดินหน้าโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ ชงปลูกฟ้าทะลายโจรพันธุ์ดี 2 สายพันธุ์ พิษณุโลก 5-4 และพิจิตร 4-4 สารแอนโดรกราโฟไลด์สูงเจริญเติบโตได้ดี พร้อมขยายผลถ่ายทอดองค์ความรู้การปลูกฟ้าทะลายโจรพันธุ์ดีด้วยเทคโนโลยีกรมวิชาการเกษตรสร้างรายได้เกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนภาคใต้ตอนบน นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 จ.สุราษฎร์ธานี ได้วิจัยและพัฒนาภายใต้โครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ โดยนำฟ้าทะลายโจรพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร 2 สายพันธุ์ ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตและสารสำคัญสูง คือ สายพันธุ์พิษณุโลก 5-4 ที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์มากถึง 8.89 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 4,187 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์การค้าร้อยละ 20.4 มีอายุเก็บเกี่ยวที่ระยะออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ 77 วัน และสายพันธุ์พิจิตร 4-4 ที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์มากถึง 12.20 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 3,880 กิโลกรัมต่อไร่ มากกว่าพันธุ์การค้าร้อยละ 14.1 มีอายุเก็บเกี
28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ เครือซีพี เดินหน้าร้อยเรียงความดีส่งมอบฟ้าทะลายโจร “โครงการ ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” ให้กับกลุ่มเปราะบางในชุมชนแออัดได้มีโอกาสเข้าถึงฟ้าทะลายโจรเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ล่าสุดมอบหมายให้ นาย หวง เหวยเหว่ย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด เป็นผู้แทนเครือซีพี ลงพื้นที่ส่งมอบฟ้าทะลายโจรชนิดแคปซูลแก่ 6 ชุมชนย่านมักกะสัน ได้แก่ ชุมชนริมทางรถไฟ ชุมชนริมคลองสามเสน ชุมชนบึงมักกะสัน ชุมชนหลังวัดมักกะสัน ชุมชนโรงเจมักกะสัน และชุมชนนิคมมักกะสัน ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน นายหวง เหวยเหว่ย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ในฐานะตัวแทนเครือซีพี กล่าวว่า โครงการ “ซีพี ปันปลูก ฟ้าทะลายโจร” เป็นนโยบายของนาย ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือซีพีที่ต้องการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงยาสมุนไพรไทยเพื่อใช้เสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรค โดยเครือซีพีมีความมุ่งมั่นช่วยเหลือสังคม ตามหลัก 3 ประโยชน์ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด คือ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนก่อน บริษัทเป็นอันดับสุดท้าย ซึ่งชุม
“ดอยคำ” หนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ขยายไลน์การผลิตมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยประเดิม “ฟ้าทะลายโจรสกัด” ซึ่งมีสรรพคุณบรรเทาอาการเจ็บคอ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยที่ผ่านมา แนวโน้มของยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งมาจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ส่งผลให้การแพร่ระบาดรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น การคิดค้นวัคซีนเพื่อป้องการการแพร่ระบาดจึงเป็นแนวทางหลักที่วงการแพทย์ไทยให้ความสำคัญ ในขณะที่วงการแพทย์แผนไทยก็เป็นแรงขับเคลื่อนอีกทางหนึ่งในการนำสมุนไพรไทยมาช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสได้ ในปัจจุบันมีสมุนไพรไทยหลายชนิดที่เข้ามามีบทบาทในการป้องกันและรักษาโรค และหนึ่งในสมุนไพรที่นิยมมีติดบ้านคือ “ฟ้าทะลายโจร” ด้วยมีสรรพคุณใช้บรรเทาอาการเจ็บคออันเกิดจากเชื้อไวรัส โดยสารสกัดฟ้าทะลายโจร ในรูปแบบแคปซูล ของ “ดอยคำ” ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย ยาแผนไทย เลขทะเบียนที่ G 81/64 เป็นยาสามัญประจำบ้านวางจำหน่ายขนาดบรรจุ 10 แคปซูล ราคา 79 บาท และขนาดบรรจุ 50 แคปซูล ราคา 390 บาท โดยใ
คณะเกษตรศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) ร่วมกับ อบต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช มอบต้นสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจำนวน 4,999 ต้น ในพื้นที่ตำบลแก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อปลูกเป็นสมุนไพรต้านไวรัสโควิด-19 และสร้างรายได้ให้กับประชาชน ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (1 ตำบล 1 มหาวิทยาลัย) (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล สร้างรากแก้วให้ประเทศ) ผศ.สมคิด ชัยเพชร รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตนครศรีธรรมราชกล่าวว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจของ ประเทศ ประชาชนได้รับผลกระทบ อย่างรุนแรง ประชาชนที่ว่างงานย้ายกลับถิ่นฐานจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมา นโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงมุ่งเน้นที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับชุมชน ทั้งการ สร้างงาน การพัฒนาอาชีพในชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ถือเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน และปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปลูกพืชสมุ
ฮือฮา สวพ.8 ค้นพบ “ฟ้าทะลายโจรสายพันธุ์พื้นเมืองป่าขาด “จ.สงขลาให้ “สารแอนโดรกราโฟไลด์” มากถึง 6.01 % (60,127 มิลลิกรัม/กิโลกรัม) สูงกว่าค่ามาตรฐาน 6 เท่า ด้าน“รมช.มนัญญา”หนุนกรมวิชาการเกษตรเร่งขยายโครงการพืชสมุนไพรชุมชนต้านโควิด 19ใน พื้นที่แปลงใหญ่พร้อมเดินหน้าการพัฒนาแฟลตฟอร์มนวัตกรรมการนำผลงานวิจัยไปใช้เชิงพาณิชย์และพัฒนาต้นแบบสมุนไพรชุมชน หวังสร้างความมั่นคงทางยาสมุนไพรให้คนไทยและสร้างรายได้ที่ยั่งยืนมั่งคงให้เกษตรกรในยุควิกฤติเศรษฐกิจ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 สงขลา(สวพ.8) กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากนโยบายสำคัญของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผ่านมายังกรมวิชาการเกษตร นั้น สวพ.8 จึงเร่งวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรไทยโดยเฉพาะต้นฟ้าทะลายโจรเพื่อสร้างความมั่นคงทางยารักษาโรคโควิด-19ให้กับคนไทย โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชสมุนไพรไทยเพื่อเพิ่มรายได้ สร้างความมั่นคง ยั่งยืน ล่าสุด สวพ.8ได้เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการทดลองขยายการผลิตแปลงใหญ่และการพัฒนาแฟลตฟอร์มนวัตกรรมการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการเพิ่มประ
กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยองค์ความรู้เรื่อง “คู่มือสำหรับเกษตรกร การผลิตฟ้าทะลายโจร” เพื่อให้เกษตรกรและผู้สนใจนำไปปรับใช้ผลิตฟ้าทะลายโจร ให้ได้ผลผลิตที่่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ภายในคู่มือประกอบด้วย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ฟ้าทะลายโจร สารสำคัญในฟ้าทะลายโจร การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี สำหรับพืช 1. โรคพืชสำคัญของฟ้าทะลายโจร โดยทั่วไป ต้นฟ้าทะลายโจรที่มีอายุ 2-3 เดือน ไม่ค่อยพบการระบาดของโรค แต่จะพบโรคมากในช่วงออกดอกจนถึงติดฝัก ซึ่งเป็นโรคที่พบมาก มีดังนี้ 1.1 โรคโคนเน่าและรากเน่า เชื้อสาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Phytohpthora sp. ลักษณะอาการ ต้นเริ่มเหี่ยว เหลือง ใบร่วง โคนต้นมีอาการเน่าและต้นตาย มักพบการแพร่ระบาดมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม แนวทางป้องกันกำจัดโรค ต้องใช้เชื้อราปฏิปักษ์ Trichoderma harzianum อัตราตามคำแนะนำหรือหากรุนแรงมากให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อราเมทาแลกซิล ราดตามคำแนะนำในฉลาก 1.2 โรคแอนแทรกโนส เชื้อสาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Collectotrichum sp. ลักษณะอาการ ใบของฟ้าทะลายโจรจะมีจุดแผลแห้งเล็กๆ สีน้ำตาลและขยายเป็นงวงซ้อนกันเป็นชั้น การป้องกันกำจัด เมื่อพบให้ถอนทิ้งและโรย
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ให้บริการตรวจวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจร ตามแนวทางมาตรฐานยาสมุนไพรไทย มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 พร้อมส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ในการช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทั้งภายในและต่างประเทศ ศ. (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การดำเนินธุรกิจ ตลอดจนรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของประเทศ วว. ได้นำองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เข้าไปช่วยแก้ปัญหา สร้างโอกาส เพื่อช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ เปิดรับสมัครบุคลากรเพื่อแก้ปัญหาว่างงาน บริการทดสอบและปรับปรุงระบบห้องความดันลบ บริการทดสอบหน้ากากอนามัย สร้างต้นแบบและศูนย์การเรียนรู้ด้านการจัดการ PPE ใช้แล้วที่ผ่านการฆ่าเชื้อจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และขยะปลอดเชื
จากการทบทวนงานวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจร พบข้อมูลดังต่อไปนี้ 1. ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจด้วย 4 กลไก ได้แก่ การป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ การลดการแบ่งตัวของไวรัส การเพิ่มภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบที่ปอด ซึ่งกลไกดังกล่าวเป็นการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง 2. มีงานวิจัยในมนุษย์ว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถบรรเทาอาการหวัดและไข้หวัดใหญ่ได้ผลดี จึงถูกบรรจุอยู่ในบัญชีหลักแห่งชาติ ด้วยข้อบ่งใช้ บรรเทาอาการเจ็บคอและบรรเทาอาการหวัด 3. งานวิจัย Andrographis paniculate for symptomatic relief of acute respiratory tract infections in adults and children : A systematic review and meta-analysis ที่ตีพิมพ์ในปี 2017 ที่รวบรวมงานวิจัยของฟ้าทะลายโจรทั้งชนิดเดี่ยวและตำรับ พบว่า มีการวิจัยในคน ทั้งหวัด ไข้หวัดใหญ่ ไซนัสอักเสบ รวมทั้งปอดบวม (การวิจัยปอดบวมมี 1 ชิ้น) เมื่อประเมินจากหลักฐานทางวิชาการ และความจำเป็นทางการแพทย์ อาจนำฟ้าทะลายโจรมาใช้ร่วมกับการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการคล้ายหัด (flu like symptom