มะม่วง
มะม่วงมันขายตึก หรือมะม่วงแขกขายตึก อยู่ในวงศ์ ANACARDIACEAE เป็นมะม่วงสายพันธุ์โบราณ จัดอยู่ในกลุ่มมะม่วงมัน หรือมะม่วงกินดิบชนิดหนึ่ง ที่มาของชื่อเกิดจากรสชาติที่อร่อย จึงเปรียบเปรยว่า ให้ขายตึกขายบ้านมากินก็ยอมเลยทีเดียว จัดเป็นมะม่วงพันธุ์ไทยโบราณ ผลรูปกลมรีคล้ายผลมะม่วงมัน หรือมะม่วงแรด แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า เมื่อโตเต็มที่น้ำหนัก ประมาณ 2 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม ลักษณะเด่น ปลูกง่าย ดูแลรักษาง่าย ถ้าต้นที่เกิดจากการทาบกิ่งมันปนเปรี้ยวนิดๆ กรอบเหมือนมะม่วงมัน นิยมปลูกเพื่อกินผลดิบ คุณพรเพ็ญ เจริญสุวรรณ หรือ คุณนก เจ้าของสวนมะม่วงขายตึกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นเกษตรกรรายแรกๆ ที่เริ่มปลูกมะม่วงขายตึก บนพื้นที่ 120 ไร่ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 64/3 หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านช่อง อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 081-409-2996 คุณพรเพ็ญ เริ่มต้นปลูกมะม่วงขายตึกมาตั้งแต่ปี 2522 นอกจากมะม่วงขายตึก ที่สวนยังปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีดอก เขียวเสวย อ้ายเหวิน โดยคุณพรเพ็ญเริ่มบุกเบิกทำสวนมะม่วงกับสามี และคุณพรเพ็ญยังได้บอกถึงสาเหตุอีกว่า ทำไมมะม่วงขายตึกถึงมีราคาดีมาโดยตลอด “เนื่องจากเมื่อสมัยก่
หลังจาก “กิจติกร กีรติเรขา” อดีตข้าราชการครูใน ตำบลสะแกราช อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ได้ผันตัวมาเป็นเกษตรกรปลูกมะม่วงพันธุ์งามเมืองย่า บนเนื้อที่ 44 ไร่ เขาพยายามทุกวิถีทางในการพัฒนาสวนมะม่วงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี โดยเน้นเรื่องเกษตรอินทรีย์ ในที่สุดเขาเลือกวิธีการให้ปุ๋ยหมักจากมูลสุกรมาฉีดพ้นบริเวณลำต้นและใบ ทำให้ต้นมะม่วงได้รับสารอาหารเต็มที่ และออกผลได้ตลอดทั้งปี กิจติกร เล่าว่า หลังจากอำลาชีวิตครูมาเป็นเกษตรกรเต็มตัวแล้ว ได้ตัดสินใจใช้พื้นที่ 44 ไร่ ที่อยู่ใน ตำบลสะแกราช อำเภอปักธงชัย มาปลูกมะม่วงพันธุ์งามเมืองย่า เป็นมะม่วงที่มีคุณสมบัติพิเศษ ลูกใหญ่ มีน้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม รสชาติหอม หวาน อร่อย ปัจจุบัน กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบรัสเซีย รวมถึงตลาดระดับบนของประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เขาเล่าอีกว่า มะม่วงงามเมืองย่า จะเน้นเกษตรอินทรีย์ หรือระบบออร์แกนิก ไร้สารเคมีในทุกขั้นตอน ทำให้เป็นสินค้าเกษตรยอดนิยม และสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศกว่า 28 ล้านบาท ต่อปี แต่ปัจจุบันปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ในกระบวนการผลผลิตมะม่วงงามเมืองย่ากำลังประสบปัญหา
พันธุ์มะม่วงต่างประเทศจากสหรัฐอเมริกา อินเดีย ปากีสถาน ออสเตรเลีย ฯลฯ ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยนานแล้ว เริ่มแรกเป็นการนำเข้ามาโดยหน่วยงานของรัฐเพื่อการศึกษาวิจัย เช่น ในปี พ.ศ. 2519 สถานีวิจัยปากช่อง ภายใต้การกำกับของภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดนครราชสีมา ได้รับพันธุ์มะม่วงจากรัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา เข้ามาหลายสายพันธุ์ตามโครงการเงินกู้ มีอยู่หลายสายพันธุ์ให้ผลผลิตดี จึงได้มีการขยายพันธุ์ไว้เพื่อรอการส่งเสริมต่อไป ส่วนในภาคเอกชนมีสวนของ อาจารย์ประพัฒน์ สิทธิสังข์ ที่สวนแม่โจ้ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ อาจารย์ได้รับยอดพันธุ์มะม่วงต่างประเทศจากสถานีวิจัยปากช่อง มาเสียบยอดไว้ที่สวนของท่านหลายพันธุ์ ซึ่งบางพันธุ์เจริญเติบโตให้ผลผลิตดีเช่นกัน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2522 อาจารย์ได้นำผลมะม่วงต่างประเทศที่มีผลใหญ่ สีสวยงามแปลกตาหลายสายพันธุ์มาแสดงที่ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) เพื่อให้คณาจารย์และนักศึกษาได้ศึกษาเรียนรู้และชมกัน เป็นที่ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยเห็นมะม่วงแปลกๆ ลักษณะอย่างนี้มาก่อน เช่น ปาล์มเมอร์ เค้นท์ เคียทท์ เป็นต้น จึงนับได้ว่
“มะม่วงป๊อบ” (Mango POP) ข้าวเกรียบมะม่วงอบกรอบกึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์แปรรูปใหม่ล่าสุด ที่เข้ามาฉีกกฎวงการแปรรูปมะม่วงไทยไปจากเดิมให้มีความหลากหลาย และถือเป็นการช่วยลดปัญหาทั้งในด้านผลผลิตที่ล้นตลาด รวมถึงการช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกรให้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นอีกด้วย คุณสุธาสินี สมพันธ์ หรือ พี่หญิง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปมะม่วงศรีนคร อยู่บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ที่ 4 ตำบลศรีนคร อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย เกษตรกรหัวก้าวหน้า ที่ถึงแม้จะไม่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์สมัยใหม่มาก่อน แต่มีความพยายามที่จะเรียนรู้ลองผิดลองถูกเพื่อให้รู้และเพื่อให้หลุดพ้นไปจากวิถีการแปรรูปมะม่วงแบบเดิมๆ ที่สามารถทำได้เพียงมะม่วงกวน พี่หญิง เล่าถึงจุดเริ่มต้นการแปรรูปมะม่วงว่า ก่อนที่จะมาเป็นเกษตรกรตนเองทำอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถยนต์มาก่อน ควบคู่กับการมีพื้นที่มรดกจากปู่ย่าให้ชาวบ้านแถวนี้ได้เช่าที่ดินทำกิน ปลูกผักเลี้ยงสัตว์หารายได้เล็กๆ น้อยๆ จุนเจอครอบครัวไป แต่ด้วยสถานการณ์ช่วงหลังมานี้เศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก ตนเองจึงมีความคิดที่จะลองเปลี่ยนใจมาเป็นเกษตรกรเองสักครั้ง โดยใช้พื้นที่ที่มีอ
อาจารย์สุพิทย์ ขุนเพชร อดีตหัวหน้าสถานีวิจัยกาญจนบุรี ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ คณะเกษตร กำแพงแสน ผันตัวเองทำไร่ทำสวนหลังเกษียณด้วยความสุข ในชื่อสวน “KP FRAM” โดยปลูกฝรั่ง มะม่วง ปาล์มน้ำมันเป็นหลัก อาจารย์สุพิทย์ดูแลบริหารจัดการแปลงเกษตรเนื้อที่ 30 ไร่ด้วยตัวเอง โดยอาศัยนวัตกรรมเป็นตัวช่วย สร้างรายได้หมุนเวียนตลอดทั้งปี ทำเกษตรหลังเกษียณแบบพอเพียง มีความสุข อาจารย์สุพิทย์บอกว่า ทุกวันนี้ ผมทำเกษตร โดยใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ได้เน้นสร้างรายได้เป็นหลัก ผมเริ่มทำสวนเกษตรก่อนเกษียณประมาณ 10 ปี บนเนื้อที่ 7 ไร่ อยู่ห่างจาก ตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 4กม. ที่นี่เน้นทำเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชใช้สอยกับพืชกินได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง พอปลูกไปแล้วจริงๆ มันกลายเป็นป่าที่มีสัตว์ป่าเช่น พวกกระรอก กระแต ไก่ป่าเต็มไปหมด พืชที่ปลูกกลายเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์มากกว่าเลี้ยงคน พืชตัวแรกที่ปลูกคือ มะขามเปรี้ยวฝักใหญ่ โดยลงทุนซื้อพันธุ์มะขามเปรี้ยวถึงต้นละ 1 พันบาท พอเริ่มมีผลผลิตออกขาย ปรากฎว่า ขายได้ราคาถูกมากๆ แถมไม่มีคนซื้ออีกต่างหาก นับเป็นความล้มเหลวบทเรียนแรกในเส้นทางการทำเกษตรของอาจารย์สุพิทย์ ปาล์มน้ำมันป
รศ.ดร.สมชาย กล้าหาญ คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แนะนำว่า การตัดแต่งกิ่งมะม่วงนั้น เริ่มตั้งแต่งเมื่อมะม่วงยังเป็นต้นกล้าอยู่ โดยเฉพาะมะม่วงที่เพาะในถุงพลาสติกหรือเพาะลงในแปลงปลูก และเวลาที่ปลูกลงหลุมจำเป็นต้องตัดแต่งรากและใบเพื่อลดการคายน้ำลงด้วยประการหนึ่ง ซึ่งระบบการตั้งพุ่มต้นมะม่วงนั้น นิยมเปิดกลางของทรงพุ่มให้โปร่งโดยเฉพาะการปลูกในระบบปลูกชิด จำนวนต้นที่ปลูกหนาแน่น ถ้าทรงต้นหนาทึบอาจจะทำให้เป็นที่สะสมของโรคและแมลงศัตรูได้ โดยเฉพาะโรคแอนแทรกโนส ฉะนั้นต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ระบบกิ่งภายในทรงพุ่มโปร่ง เพื่อแก้ปัญหาโรคแมลงได้น้อยลง ระบบการเลี้ยงกิ่งข้างนี้จะทำให้การตั้งพุ่มของมะม่วงมีทรงพุ่มได้ดีคือ จากช่วงที่ 1 เลี้ยงกิ่งไว้ 1-2 กิ่ง พอช่วงที่ 2 เลี้ยงกิ่งที่แตกจากช่วงที่ 1 ไว้กิ่งละ 3 กิ่ง รวมกันเป็น 6 กิ่ง พอช่วงที่ 3 เลี้ยงไว้ 18 กิ่ง (1-2-6-18) การแตกกิ่งของมะม่วงแตกด้านข้างละ 3 ช่วง และรวมทั้งการเลี้ยงกิ่งจากลำต้นอีก 2 ช่วง รวมเป็น 5 ช่วง จะใช้เวลาเลี้ยงดูทั้งหมดประมาณ 7-8 เดือน การเลี้ยงระบบนี้กิ่งจะค่อยๆ โปร่งขึ้นและโคนกิ่งแข็งแรง กิ่งจะไ
มะม่วง เป็นไม้ผลที่อยู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าทุกบ้านที่ปลูกไม้ผลเพื่อเป็นร่มเงาคงจะขาดต้นมะม่วงเสียไม่ได้ นอกจากจะให้ร่มเงาบดบังแสงตะวันยามบ่ายแล้ว พอช่วงถึงฤดูผลิดอกออกผลยังได้ผลไม้ที่มีรสชาติดีไว้ประจำบ้านไว้กิน และแจกญาติสนิทมิตรสหายที่มาเยี่ยมเยือน มะม่วงที่กินบางต้นอร่อย บางต้นไม่อร่อย เกิดจากการนำเมล็ดของต้นแม่มาปลูกจึงจะมีกลายพันธุ์ออกไป สมมุติต้นแม่อร่อยแต่ต้นลูกที่ปลูกด้วยเมล็ดกลับให้ผลที่รสชาติไม่อร่อย ส่วนต้นที่มีรสชาติดีเป็นเพราะต้นนั้นเป็นต้นที่ได้จากการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง ดังนั้น ลักษณะจึงไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากต้นแม่ ยังคงเลิศรสเหมือนถอดแบบกันมาโดยตรง เพราะฉะนั้นใครที่กำลังมองหาต้นมะม่วงปลูกไว้ที่บ้าน คงรู้แล้วใช่ไหมครับควรเลือกต้นพันธุ์แบบไหนดี คุณสุทิน หะสิตะ เป็นเกษตรกรที่ทำสวนมะม่วงเพื่อขยายกิ่งพันธุ์ โดยปลูกแบบคล้ายสวนป่าที่ไม่ยึดกฎเกณฑ์ตายตัว ภายในสวนมีไม้ยืนต้นและไม้ผลหลายชนิด เช่น สัก ตะเคียน ประตู ยางนา ขนุน และมะม่วง ฯลฯ ปลูกแบบให้ธรรมชาติดูแลกันเอง การทำเกษตรกรรม เป็นสิ่งที่ชอบและถนัด คุณสุทิน เล่าให้ฟังว่า เมื่อจบการศึกษาทางด้านการเกษตร จึงเริ่มป
เทคนิคนี้เป็นความรู้ที่ได้มาจาก คุณชูศักดิ์ ศรีพ่วงเล็ก เกษตรกรที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ก่อนปี 2538 คุณชูศักดิ์ ปลูกมะม่วงไว้จํานวนมากมายหลายสายพันธุ์ แต่หลังจากปี 2538 น้ำท่วมใหญ่ จากนั้นเขาได้เน้นผลิตมะม่วงโชคอนันต์จําหน่ายนอกฤดู แต่ก็ยังมีมะม่วงเขียวเสวยหลงเหลืออยู่ เจ้าเขียวเสวยมีชื่อในด้านการออกดอกติดผลยาก แต่คุณชูศักดิ์ก็มีวิธีการ เขาบอกว่าให้หมักปลาหมักหอยแล้วราดไปที่โคนต้น พวกนี้มีโปรตีนมีธาตุอาหาร ช่วยให้มะม่วงออกดอกติดผลดี วิธีการ ทําได้โดยนําปลามา 3 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน และจุลินทรีย์ 1 ส่วน หมักนาน 3 เดือน จากนั้นนําไปฝังกลบที่โคนต้น หรือนําไปราดที่โคนแล้ว รดน้ำตาม โดยเริ่มทําหลังเก็บผลผลิตแล้ว โดยปลานั้นใช้ปลาที่ราคาไม่แพง เช่น ปลาทะเลที่นํามาเลี้ยงเป็ด นําปลากะพง มาทําคงไม่ดี ส่วนนี้อาจจะใช้หอยเชอร์รี่แทนก็ได้ กากน้ำตาล ช่วยให้การหมักไม่มีกลิ่นเหม็น จุลินทรีย์ หาได้ง่ายๆ โดยขุดหน่อกล้วยทั้งโคนต้นมานั่นหมักใส่ลงไป เรียกว่า “จุลินทรีย์หน่อกล้วย” หรืออาจใช้อีเอ็ม รวมทั้งเชื้อ พด.ของกรมพัฒนาที่ดิน เมื่อใช้ปลาหมักหรือหอยหมักราดให้ คุณชูศักดิ์บอกว่า มะม่วงเขี
มะม่วง พืชเศรษฐกิจ Soft Power ที่ประเทศไทยมีการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยตลาดส่งออกมะม่วงสดที่สำคัญของไทยคือ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน รัสเซีย ลาว และเมียนมา ส่วนมะม่วงกระป๋องมีตลาดส่งออกที่สำคัญอยู่ที่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ซึ่งแม้ว่ามะม่วงจะเป็นผลไม้ที่มีความต้องการบริโภคสูง และมีการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ แต่เกษตรกรภายในประเทศก็ยังคงประสบกับปัญหากับราคาผลผลิตที่ตกต่ำ หรือประสบกับปัญหาราคาที่ผันผวนอยู่ทุกปี เช่น ในบางปีมะม่วงราคาดีมากๆ เกษตรกรมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ และในบางปีราคาของผลผลิตแย่มากจนทำให้เกษตรกรเจ๊งไปตามๆ กัน จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ลูกหลานเกษตรกรหากไม่ขยาดกับอาชีพนี้ไปเลย ก็กลับกลายเป็นความฮึกเหิมขึ้นมา อย่างสาวจุฬาฯ ท่านนี้ ที่ตัดสินใจเลือกเรียนทรัพยากรการเกษตร เพื่อกับการพัฒนาสวนมะม่วงของพ่อ และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้เจริญก้าวหน้ามากกว่าเป็นเพียงสวนมะม่วง นำไปสู่ Farm Destination สวรรค์ของคนรักมะม่วงในปัจจุบัน คุณแนน-วราภรณ์ มงคลแพทย์ ผู้ก่อตั้ง บ้านหมากม่วง KhaoYai The Mango House Farm ตั้งอยู่
ร้อนๆ แบบนี้รับมะม่วงสักลูกไหมจ๊ะ จะเป็นเมนูไหนดี “มะม่วงปั่น มะม่วงจิ้มน้ำปลาหวาน มะม่วงดอง มะม่วงสมูทตี้” จะกินดิบ กินสุก กินได้หมด มะม่วงในไทยมีเป็นร้อยกว่าสายพันธุ์ บางชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แถมบางชื่อพอได้รู้จักที่มาของชื่อทำเอาตกใจ ยกตัวอย่าง “มะม่วงขายตึก” ตามตำนานเล่าว่า มีชาวจีนที่เข้ามาค้าขายในบริเวณลุ่มแม่น้ำบางปะกง ในพื้นที่อำเภอบางคล้า ได้ชื่นชอบในรสชาติของมะม่วงพันธุ์นี้ จึงขายตึกที่เป็นร้านค้าส่วนหนึ่ง เพื่อนำไปซื้อที่ทำสวนปลูกมะม่วงพันธุ์นี้ จึงเป็นที่มาชื่อพันธุ์ “มะม่วงขายตึก” วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านเลยรวบรวม มะม่วงโบราณ ไม้ผลทำเงิน มาให้แฟนเพจได้รู้จัก จะมีสายพันธุ์ไหนบ้างไปดูกันเลย 1. มะม่วงมันศาลายา “มะม่วงมันศาลายา” อยู่ในกลุ่มมะม่วงทะวาย ติดดอกออกผลง่าย ให้ผลดกเป็นพวง และติดผลได้ตลอดปี เช่นเดียวกับ “มะม่วงแก้วลืมคอน” สามารถกินได้ทั้งผลดิบและสุก ผลดิบจะมีรสชาติมันกรอบหวานปนเปรี้ยวนิดๆ ฉ่ำน้ำ ผลสุก เนื้อแน่นเหนียวไม่เละ และไม่มีเสี้ยน น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3 ผลต่อ 1 กิโลกรัม มะม่วงมันศาลายาเหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้ผลประจำบ้าน เพื่อเก็บผลกิน และปลูกเพื่อเก็บผลขายได