มาตรฐานสินค้าเกษตร
เกษตรกรในปัจจุบันไม่ได้แค่ปลูกขายผลสดแต่เพียงอย่างเดียว ในปัจจุบันจะเห็นว่าเกษตรกรหลายท่านได้มีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลผลิตของสวนตัวเองด้วยการแปรรูปเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ออกมาได้อย่างหลากหลาย เริ่มต้นจากการปลูกเอง ทำเอง ขายเอง แบบครบวงจร ถ้าเกษตรกรอยากเพิ่มช่องทางการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มช่องทางการขายส่งออกไปยังต่างประเทศ หรือโมเดิร์นเทรดต่างๆ สามารถทำได้ไม่ยาก วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านรวบรวมข้อมูลมาไว้ที่นี่แล้ว จะเป็นอย่างไรนั้นตามไปดูกันเลย เครื่องหมาย Q คืออะไรทำไมถึงเจอในสินค้าการเกษตรทั้งผักและผลไม้ เครื่องหมาย Q หรือ เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร คือ เครื่องหมายรับรองมาตรฐานใช้แสดงกับสินค้าเกษตร เพื่อเป็นการรับรองเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดส่วนประกอบ วิธีการผลิต คุณภาพ หรือลักษณะอื่นใด ของสินค้าเกษตร ซึ่งมีความสำคัญในการสื่อสารไปยังผู้บริโภค หรือผู้ซื้อให้เกิดการยอมรับเชื่อมั่น และเชื่อถือต่อสินค้าเกษตรว่ามีมาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัย เครื่องหมายรับรองมาตรฐานมีด้วยกัน 3 แบบ แบบที่ 1 เครื่องหมายรับรองมาตรฐานบังคับ มีลักษณะเป็นรูปอักษร Q สีเขียวทรงกล
มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 7436-2563 คือ การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มสัตว์เลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภค เป็นมาตรฐานสมัครใจที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศกำหนดขึ้นในปีพ.ศ. 2563 มีขอบข่ายครอบคลุมกิจกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภค ทั้งการเลี้ยงในบ่อและการเลี้ยงในแหล่งน้ำสาธารณะ ตั้งแต่การเลี้ยง การจับ จนถึงหลังการจับก่อนการขนส่งออกจากฟาร์ม โดยจุดเด่นของมาตรฐานฯ คือเกษตรกรสามารถขอการรับรองสัตว์น้ำหลายชนิดพร้อมกันได้ภายใต้มาตรฐานฉบับเดียว มกษ. 7436-2563 ประกอบด้วยข้อกำหนดสำคัญ 9 ข้อ ได้แก่ 1.สถานที่ 2.การจัดการเลี้ยง 3.การจัดการคุณภาพสัตว์น้ำ 4.การใช้ยาสัตว์ สารเคมี และผลิตภัณฑ์จุลชีพ 5.สุขลักษณะภายในฟาร์ม 6.การจัดการน้ำทิ้ง การจับและการปฏิบัติหลังการจับ ก่อนการขนส่งออกจากฟาร์ม 8.ผู้ปฏิบัติงาน 9.การเก็บหลักฐานและการบันทึกข้อมูลยกเว้น จระเข้ สาหร่ายทะเล และกุ้งเครย์ฟิช ยื่นคำขอรับรองได้ที่ไหน ทั้งนี้เกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่สนใจ มาตรฐาน มกษ. 7436-2563 สำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการบริโภค สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือยื่นคำขอรับการตรวจรับรองได้ที่ กองพ
นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลการติดตามโครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร ด้านปศุสัตว์และประมง โดยภาพรวมการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2567 พบว่าดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมาย โดยมีสถานประกอบการสินค้าปศุสัตว์และอุตสาหกรรมฮาลาลด้านปศุสัตว์ได้รับการตรวจสอบรับรองคุณภาพสินค้าปศุสัตว์แล้ว 72,137 แห่ง (ร้อยละ 136.15 ของเป้าหมาย 52,985 แห่ง) ฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับการตรวจประเมิน 15,724 แห่ง (ร้อยละ 102.18 ของเป้าหมาย 15,388 แห่ง) รวมทั้งตรวจประเมินสถานที่ผลิต/แปรรูปสัตว์น้ำ และสถานประกอบการอื่นๆ 1,790 แห่ง (ร้อยละ 108.09 ของเป้าหมาย 1,656 แห่ง) สำหรับปีงบประมาณ 2568 สศก. ยังคงติดตามผลการดำเนินงานด้านปศุสัตว์และประมงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายภาพรวมทั้งประเทศ ในการตรวจสอบรับรองประเมินฟาร์มโรงงาน และร้านค้าจำหน่ายสินค้าปศุสัตว์ให้ได้มาตรฐานตามเกณฑ์กำหนด 52,958 แห่ง รวมทั้งมีเป้าหมายตรวจประเมินฟาร์มสัตว์น้ำมาตรฐานและสุขอนามัยฟาร์ม ตรวจประเมินสถานที่ผลิต/แหล่งแปรรูป/ห้องปฏิบัติการ รวม 17,005 แห่ง เบื้องต้นจากการลงพื้นที่ติดตาม
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นในการก้าวสู่การเป็นครัวของโลก ซึ่งความมั่นคงทางอาหารเป็นเรื่องที่นานาชาติให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงต้องสร้างระบบมาตรฐานสินค้าเกษตรของไทยให้เกิดการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการยอมรับสู่สากล ทั้งนี้ การจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรมีความสำคัญ เนื่องจาก ใช้เป็นเกณฑ์ในการผลิต ปรับปรุงคุณภาพ จัดชั้นคุณภาพเป็นมาตรฐานของประเทศที่นำมาใช้อ้างอิง สร้างความเป็นธรรมทางการค้า รวมถึงสนับสนุนการเจรจา โดยเฉพาะการทำความตกลงยอมรับความเท่าเทียมกันระหว่างประเทศไทยกับคู่ค้า และเป็นเกณฑ์ในการตรวจรับรองระบบมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานสินค้า ปัจจุบันมีมาตรฐานสินค้าเกษตร รวมทั้งสิ้น 417 เรื่อง แบ่งเป็น มาตรฐานทั่วไป จำนวน 407 เรื่อง และมาตรฐานบังคับ จำนวน 10 เรื่อง รมว.นฤมล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ผ่านมายังพบปัญหาแ
บริหารงานมา 2 เดือนกว่าแล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลายกระทรวงได้ขับเคลื่อนงานตามนโยบายต่างๆ ที่ได้ประกาศเอาไว้ รวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกหนึ่งกระทรวงสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้รับมอบจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดูแล 4 หน่วยงาน คือ กรมการข้าว กรมพัฒนาที่ดิน (พด.) สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และองค์การสะพานปลา (อสป.) กล่าวถึงการขับเคลื่อนหน่วยงานดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้แยกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก มาทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน คือ กรมการข้าว และกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อมาดูในเรื่องของการเพาะปลูก ผนวกกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เพื่อเข้ามาดูเรื่องมาตรฐานของผลผลิต เพื่อให้ทั้ง 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนี้ ช่วยเหลือและผลักดันเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป อีกทั้งต้องการช่วยเหลือให้เกษตรกรหลุดพ้นจากความยากจน ที่ต้องประสบพบเจอมาเป็นเวลานาน เนื่องจากปัญหาเรื่องหนี้สิน และ
นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า ตลาดกลางสินค้าเกษตร เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าเกษตรที่มีปริมาณการซื้อขายสินค้าเกษตรจำนวนมาก และเป็นกลไกสำคัญในการรวมและกระจายผลผลิตให้กับผู้รับช่วงต่อในห่วงโซ่อุปทานเพื่อการผลิต จำหน่ายต่อ หรือการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ตลาดกลางสินค้าเกษตร ฉะนั้นคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร จึงได้กำหนดมาตรฐานการจัดการตลาดกลางสินค้าเกษตรเพื่อให้มีการพัฒนาเกณฑ์คุณภาพและมาตรการควบคุมความปลอดภัยด้านอาหารของสินค้าเกษตร ดังนั้น มกอช. จึงได้จัดการสัมมนาระดมความเห็นต่อร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง “การจัดการสำหรับตลาดกลางสินค้าเกษตร” เพื่อรับฟังความเห็นต่อร่างมาตรฐานจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แก่ ผู้แทนกรมการค้าภายใน ผู้แทนกรมอนามัย ผู้แทนองค์การตลาด ผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานสินค้าเกษตรและ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้แทนผู้ผลิตและผู้บริโภค รวมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้และประสบการณ์ เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างมาตรฐานสินค้า
เมื่อเร็วๆ นี้ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว มอบหมายให้ นายชิษณุชา บุดดาบุญ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ นำสื่อมวลชน เยี่ยมชมการตรวจติดตามสถานประกอบการธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าว ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535 และ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2550) และการตรวจประเมินตามมาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าว (มกษ.4406) ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก นายชิษณุชา บุดดาบุญ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ กรมการข้าว เปิดเผยว่า การนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ในครั้งนี้ กรมการข้าวต้องการเผยแพร่องค์ความรู้ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และหลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าว (มกษ.4406) ระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการธุรกิจเมล็ดพันธุ์ควบคุมข้าวเปลือก ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e -Rice Regulator System : e – RRS) และระบบการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าว (มกษ.4406) ด้
สมาคมการค้าปลีกและเอสเอ็มอีทุนไทย ร่วมกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ตอกย้ำภารกิจ “เซเว่น อีเลฟเว่น กองหนุนSME” โดยจะจัดงานสัมมนา “สร้างเถ้าแก่ SME สู่ความยั่งยืน รุ่นที่ 2” มุ่งเน้นให้ความรู้ด้านมาตรฐานการผลิตสินค้าในตลาด Modern Trade โดยมีบรรยายพิเศษ หัวข้อ “มาตรฐานสินค้าเกษตรกับระบบ GMP โรงคัดบรรจุผัก ผลไม้สดบางชนิด (ป.สธ.ฉบับที่386)” และ “เจาะลึกกฎหมาย GMP และ อย. ฉบับใหม่ (ป.สธ.ฉบับที่ 420)” จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ของ ซีพี ออลล์ ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สำหรับผู้ที่สนใจสามารถรับฟังการบรรยาย ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ในวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00-12.00 น. ผ่านระบบ Zoom ลงทะเบียนได้ที่ https://forms.gle/fCw1vrbogwwVcjFv8
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ครั้งที่ 1/2564 ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร เพื่อดำเนินการประกาศ เป็นมาตรฐานทั่วไปของประเทศต่อไป ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ จำนวน 8 เรื่อง ได้แก่ 1.น้ำนมควายดิบ 2.การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มควายนม 3.แนวปฏิบัติในการใช้มาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มควายนม 4.การชันสูตรโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 5.การปฏิบัติที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำยางสด 6.แนวทางปฏิบัติสำหรับการบรรจุหีบห่อและการขนส่งผักและผลไม้สด 7.การปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงเชือดชำแหละจระเข้ และ8.แนวปฏิบัติในการใช้มาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติเกษตรที่ดีสำหรับการทำนาเกลือทะเล นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบในการจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตร จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การปฏิบัติ ทางการเกษตรที่ดีสำหรับโกโก้ 2.การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มปศุสัตว์เพื่อการบริโภค และ 3. การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงกุ้งทะเล พร้อมกับเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิชาก
นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กล้วยหอมทองเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และตลาดต่างประเทศ มีความต้องการสูง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น สศก. โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 จังหวัดสุราษฎร์ธานี (สศท.8) ได้ติดตามสถานการณ์การผลิตกล้วยหอมทอง และร่วมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกร (สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้แทนเกษตรกร) ในการจัดทำแผนการส่งเสริมการผลิตกล้วยหอมทองเพื่อการส่งออกของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันการผลิตกล้วยหอมทองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 3,041 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอพนม มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 16,900 บาท ต่อไร่ (เริ่มให้ผลผลิตในเดือนที่ 8-10 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 2 ปี) ระยะเวลาเก็บเกี่ยว สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ให้ผลผลิตเฉลี่ย 3,600 กิโลกรัม ต่อไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) 28,100 บาท ต่อไร่ (ณ ราคาที่เกษตรกรขายได้ 12.50 บาท ต่อกิโลกรัม) ด้านการจำหน่ายผลผลิต สหกรณ