สวนเกษตรผสมผสาน
วันนี้ แวะเยี่ยมไร่นาสวนผสม 1 ไร่ รายได้ทุกวัน ปีละกว่าแสนบาท ของ ลุงประคอง บุญสะอาด อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 5 บ้านนาน้อย ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ “ถิ่นน้ำดำ เมืองคนใจดี” พร้อมภรรยา คือ ป้าบุญจันทร์ บุญสะอาด โทร. 083-870-6378 ลุงประคอง มีบุตร 1 คน คือ นางสาวชนัดดา บุญสะอาด ทำงานที่เทศบาลตำบลม่วงนา พร้อมเข้าร่วมโครงการโคกหนองนาโมเดล ปี 2564 ขอบคุณกระทรวงพลังงานที่ติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตรฯ ส่งเสริมระบบน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ในพื้นที่ดินที่มีอย่างจำกัด ปลูกมะละกอพืชหลักเป็นแถวคู่ 2 คูณ 2 เมตร ร่องระหว่างต้น ปลูกพืชผักสวนครัว คะน้า ผักกาดจ้อน ผักชี สลัด มะเขือเทศ ผักกาด รอบแปลงปลูกตะไคร้ พริก มะเขือ ฝรั่งไร้เมล็ด ร่องฝรั่งปลูกข่า บ่อซีเมนต์เลี้ยงปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ มีบ่อน้ำของกรมพัฒนาที่ดินขนาด 1,260 ลูกบาศก์เมตร เลี้ยงปลากินพืช หอยขม หอยเชอรี่ ปูนา กบ ขอบบ่อทำคอกโคขุน 12 ตัว ราคาขณะนี้ประมาณ 1 ล้านบาท ลุงประคอง เล่าว่า มะละกอที่ปลูกมาได้ 3-4 ปี ต้นสูงแล้ว รุ่นใหม่กำลังเจริญเติบโต ให้ผลผลิตตั้งแต่ความสูง 80 เซนติเมตร ดกมาก ขายทั่วไปลูกละ 10-5
ระบบวนเกษตร หมายถึง การทำเกษตรในพื้นที่ป่า เช่น ปลูกพืชเกษตรแซมในพื้นที่ป่าธรรมชาติ หรือการนำสัตว์ไปเลี้ยงในป่า การเก็บผลผลิตจากป่ามาใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และการใช้พื้นที่ป่าทำการเพาะปลูกในบางช่วงเวลา สลับกับการปล่อยให้ฟื้นคืนสภาพกลับไปเป็นป่า รวมถึงการสร้างระบบเกษตรให้มีลักษณะเลียนแบบระบบนิเวศป่าธรรมชาติ คือมีไม้ยืนต้นหนาแน่นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ระบบมีร่มไม้ปกคลุมและมีความชุ่มชื้นสูง บางพื้นที่มีชื่อเรียกเฉพาะตามลักษณะความโดดเด่นของระบบนั้นๆ การเกษตรรูปแบบนี้ส่วนใหญ่พบในชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่ป่าธรรมชาติ เกษตรกรจะผลิตโดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ป่าเดิม เช่น ไม่โค่นไม้ป่า หรือการนำผลผลิตจากป่ามาใช้ประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ “วนเกษตร” เป็นแนวคิดและทางเลือกปฏิบัติทางการเกษตรแบบหนึ่ง ซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น โดยสามารถแบ่งเป็นหลายประเภท ดังนี้ 1. วนเกษตรแบบบ้านสวน มีต้นไม้และพืชผลหลายชั้นความสูง โดยปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น สมุนไพร และพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน 2. วนเกษตรที่มีต้นไม้แทรกในไร่นาหรือทุ่งหญ้า เหมาะกับพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ โดยการปลูกต้นไม้เสริมในที่ไม่เหมาะสมกับพื
คุณสุนิดา สุวรรณหงส์ เจ้าของสวนสุนิดาสวนในฝัน ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลท่าพญา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เกษตรกรต้นแบบที่ทำเกษตรแบบผสมผสาน ในพื้นที่จำนวน 3 ไร่ มีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งด้านการปลูกพืช ประมง และปศุสัตว์ คุณสุนิดา เล่าว่า จากเดิมครอบครัวมีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่เน้นปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันในที่ดินของตนเอง กระทั่งราคาของผลผลิตตกต่ำจึงได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรในพื้นที่ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมีการศึกษาและได้แนวคิดในการทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสมจากการไปศึกษาดูงาน เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้ตนเอง อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำจากผู้รู้ จึงมีความตั้งใจให้พื้นที่ของตนเองนั้นเป็นต้นแบบการปฏิบัติตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เริ่มต้นทำตามแนวคิดเกษตรผสมผสาน เริ่มจากการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ใช้สอย เลี้ยงปลาในสระเพื่อเป็นอาหารและเป็นแหล่งน้ำใช้ทางการเกษตร เลี้ยงไก่พื้นเมือง และเลี้ยงผึ้งโพรงในบริเวณสวน เพื่อช่วยผสมเกสรให้ดอกไม้และไม้ผล มีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ และน้ำหมักชีวภาพใช้เอง เพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยนำวัสดุในท้องถิ่นมาปรับใช้ โดยได้นำหลักการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
“ทำไม่เยอะ ทำน้อยๆ แต่เรามีกำลังใจที่จะทำตลอดเวลา ทำไม่ต้องเยอะ ทำแล้วมีเงินมีตังค์ใช้ เหลือกินก็แจก เหลือแจกก็ขาย” นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ คุณเจริญ สุขวิบูลย์ ชาวสวนเกษตรผสมผสาน ที่คลุกคลีอยู่กับการเกษตรมาเกือบ 20 ปี ถือเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ หันมาทำเกษตรผสมผสาน หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ คุณเกษตรชัย แปลนดี เกษตรอำเภอลำปลายมาศ เล่าว่า สำหรับเกษตรผสมผสานของ คุณเจริญ สุขวิบูลย์ เป็นเกษตรต้นแบบอย่างแท้จริง เนื่องจากว่าการทำการเกษตรครอบคลุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพืชไม้พุ่มอย่าง ไผ่ ที่สร้างรายได้จากการนำเอาหน่อไม้จากต้นไผ่มาขาย และยังมีการเจาะน้ำจากกอไผ่เพื่อไปขาย ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ที่ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีรายได้เสริมเข้ามาจากการทำปุ๋ยหมักชีวภาพขาย ที่ได้มาจากการเลี้ยงโค โดยวิธีการทำปุ๋ยหมัก จะนำมูลโคมาทำตามกระบวนการและปล่อยทิ้งไว้ให้ครบกำหนดวัน จากนั้นนำมาขายและสามารถใช้กับพืชที่ปลูกภายในสวนของเขาเองอีกด้วย “ด้วยประสบการณ์มากถึง 10 กว่าปี ที่คลุกคลีอยู่กับการเกษตร ศึกษาเรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกษตร จนทำให้ได้รับการยกย่องจากชาวบ้
ลางสาด และ ลองกอง ถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่ออันดับต้นของจังหวัดอุตรดิตถ์ หากจะเป็นรองก็คงยอมให้ได้เฉพาะ ทุเรียนหลงลับแล และ หลินลับแล ที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่จำนวนลางสาดในปัจจุบัน กำลังจะลดน้อยลง โดยสถานการณ์ลางสาดในพื้นที่อำเภอลับแล เหลือพื้นที่ปลูกอยู่เพียง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ปลูกผลไม้ทั้งหมดในอำเภอลับแล สวนที่เคยปลูกลางสาดเดิมกลับกลายเป็นลองกองไปเกือบทั้งหมด จากการโค่นต้นลางสาดเดิม นำยอดพันธุ์ลองกองมาเสียบเปลี่ยนต้นใหม่ เนื่องจากราคาซื้อขายในตลาดของลองกองสูงกว่าลางสาดมาก ขณะเดียวกัน เมื่อถึงฤดูการให้ผลผลิตลองกองแต่ละปี ราคาซื้อขายอาจไม่เท่ากัน เมื่อราคาผันผวนขึ้นลงเช่นนี้ ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลนานกกก อำเภอลับแล ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกลองกองมากที่สุดของอำเภอ ก่อตั้งตลาดกลางสำหรับซื้อขายลองกองให้กับเกษตรกร โดยใช้พื้นที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์ หน้าองค์การบริหารส่วนตำบล จัดทำเป็นตลาดกลางซื้อขายลางสาดและลองกอง ผลไม้ขึ้นชื่อของชาวตำบลนานกกก ตำบลฝายหลวง และตำบลแม่พูล ตลาดกลางซื้อขายลางสาดและลองกองแห่งนี้ เปิดให้ชาวสวนนำผลผลิตมาจำหน่ายที่ตลาดในช่วงสายของทุกวัน โดยพ่อค้าและแม่ค้าคนกลางจากจังหวัดต่า
คงไม่มีกรอบหรือข้อจำกัดใดๆ สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการมาทำเกษตรอินทรีย์ว่าจะต้องมี ความรู้ ร่ำเรียนมาเฉพาะสายเกษตร เดี๋ยวนี้หากสนใจสามารถหาข้อมูล ทั้งเนื้อหา ภาพ เสียง จากสื่อออนไลน์จำนวนมาก ฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีความรู้ระดับไหน ก็สามารถเข้าถึงวงการเกษตรได้ไม่ยาก ขอเพียงใส่ใจให้เต็มที่เท่านั้น อย่างเรื่องราวการทำเกษตรอินทรีย์ของหญิงสาวชาวราชบุรีท่านนี้ ที่ร่ำเรียนจนมีดีกรีปริญญาตรี ด้านบัญชีแล้วเบื่ออยู่กับตัวเลขที่นั่งทำงานในห้องแอร์ แต่กลับมาชอบเข้าสวนตากแดดปลูกผักอินทรีย์ ส่งขายกลุ่มลูกค้ารักสุขภาพในชุมชนท้องถิ่น พร้อมจับมือกับกลุ่มสมาชิกขยายผลส่งพืชผักผลไม้เข้าโมเดิร์นเทรด คุณผกามาศ เพิ่มแสงสุวรรณ หรือ คุณนก เจ้าของไร่ทรงสุวรรณ อยู่เลขที่ 48/1 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เล่าที่มาของความชอบทำเกษตรว่า แต่เดิมทำงานด้านบัญชีอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยนิสัยที่ชื่นชอบปลูกต้นไม้ จึงใช้เวลาในวันหยุดกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด แล้วทำสวนปลูกพืชไว้เป็นงานอดิเรก เนื่องจากที่บ้านมีพื้นที่ในการเลี้ยงวัวนมอยู่ ภายหลังลงมือปลูกพืชผักหลายชนิดจนประสบความสำเร็จ ทำให้ยิ่งมีความรู้สึกส
เบื่ออาชีพมนุษย์เงินเดือน กลับบ้านเกิดทำสวนเกษตรผสมผสานก็รวยได้ เรื่องจริงจากประสบการณ์ตรงของ คุณ ชาตรี รักธรรม และคุณสุดาวรรณ สิรวณิชย์ สองสามีภรรยาอดีตมนุษย์เงินเดือน ฝ่ายชายเคยเป็นเจ้าหน้าที่เกษตร ฝ่ายหญิงเป็นพนักงานธนาคาร เมื่อ 6-7 ปีที่แล้วทั้งคู่ได้ลาออกจากงานประจำมา มาทำสวนเกษตรผสมผสานเพื่อเลี้ยงชีพบนที่ดินมรดกเนื้อที่ 30 ไร่ ก่อนหน้านี้ คุณสุดาวรรณ เคยให้ชาวบ้านเช่าพื้นที่ดังกล่าวทำปลูกพืชไร่ ทำให้ดินแห้งแล้งเสื่อมสภาพไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้ ประกอบกับที่ดินผืนนี้ไม่มีแหล่งน้ำชลประทาน คุณชาตรีที่เรียนจบด้านเกษตรมาโดยตรง จึงตัดสินใจนำกล้วยน้ำว้ากาบขาวสุพรรณบุรีมาปลูกบนพื้นที่ 30 ไร่ เพื่อปรับปรุงดิน เพราะกล้วยปลูกง่าย และมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถเก็บน้ำไว้ได้ดี ภายในสวนแห่งนี้ คุณชาตรีจะไม่ตัดหญ้า จะปล่อยต้นหญ้าขึ้นปกคลุมดินเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน พอถึงช่วงฤดูแล้ง ต้นหญ้าตายก็กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ตามธรรมชาติ ปรากฎว่า การบริหารจัดการในพื้นที่อย่างเหมาะสม ได้ผลลัพท์ที่ดี สามารถฟื้นฟูสภาพดินให้ดีขึ้น คุณชาตรีได้แบ่งพื้นที่ปลูกต้นไม้เป็นส่วนๆ คือ ปลูกพืชรายวัน ปลูกพืชรายเดือ
การทำเกษตรแบบผสมผสาน หรือไร่นาสวนผสม ไม่มีคำจำกัดความ ไม่มีกติกาหรือกฎตายตัว ว่าต้องเป็นพืชชนิดใด เลี้ยงสัตว์ชนิดใด ทั้งนี้ เพราะแต่ละพื้นที่และท้องถิ่นมีสภาพทางธรรมชาติที่แตกต่างกัน การผสมผสาน ขอให้ยึดหลัก สร้างความร่มรื่น ให้พืชหลายชนิดที่ปลูกอยู่ในพื้นที่เดียวกันมีการเกื้อกูลกันทางธรรมชาติให้มากที่สุด และสำคัญที่สุดคือผู้ปลูกต้องได้ประโยชน์มากที่สุด แล้วยังสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนด้วยเช่นกัน คุณจินดา ฟั่นคำอ้าย อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 2 ตำบลผาปัง อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง อดีตศึกษานิเทศก์ จังหวัดลำปาง เป็นอีกท่านหนึ่งที่สนใจการทำเกษตรผสมผสาน แล้วตั้งใจเดินตามแนวทางนี้ในบั้นปลายชีวิต จึงวางแผนล่วงหน้าก่อนจะเกษียณอายุราชการในปี 2558 อดีตศึกษานิเทศก์ท่านนี้ให้เหตุผลที่เลือกแนวทางการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสาน เนื่องจากสมัยที่รับราชการได้มีโอกาสเดินทางไปดูงาน ตลอดจนศึกษาหาความรู้ด้านการทำเกษตรหลายแห่ง หลายด้าน ล้วนพบว่า การทำเกษตรกรรมแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยวจะเกิดความเสี่ยงต่อความเสียหายมาก เพราะรายได้ของการมีชีวิตแบบชาวไร่ ชาวนา ส่วนใหญ่เกิดจากการทำเกษตรกรรม แล้วเมื่อมีความเสียหายจากกา
การเลือกประกอบอาชีพเกษตรกรรมของชาวบ้านที่แม่ฮ่องสอน ไม่ว่าจะปลูกพืชไม้ผลนานาชนิดล้วนแต่ต้องถูกกำหนดให้เป็นไปตามลักษณะภูมิประเทศที่บ้านเรือนตั้งอยู่บนภูเขาน้อย-ใหญ่ มีพืชหลักที่ปลูกกันเป็นประจำ ได้แก่ ข้าว กระเทียม ขิง กาแฟ ถั่วเหลือง กะหล่ำปลี ถั่วลิสง ตลอดจนผักสวนครัวบางชนิด ส่วนประมงไม่สามารถทำได้เต็มที่ นอกจากจับสัตว์น้ำจากแหล่งธรรมชาติมาบริโภค หรือหาซื้อตามตลาดที่นำมาจากพื้นที่นอกจังหวัด ฉะนั้น รายได้ของชาวบ้านที่เกิดขึ้นจึงต้องรอเก็บผลผลิตในแต่ละช่วงฤดูเท่านั้น ถ้าปีไหนฟ้าฝนดี อากาศดี ราคาก็ดี แต่หากปีไหนเกิดปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน ผลผลิตเสียหาย ขายได้ราคาต่ำ รายได้ก็ไม่แน่นอน นั่นย่อมส่งผลต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้านตามมา แต่สิ่งเหล่านั้นคงไม่เป็นปัญหาต่อ คุณเขื่อง วิลัย อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ที่ 4 บ้านป่าฝาง ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะเป็นชาวบ้านที่มีแนวคิดการทำเกษตรกรรมต่างจากคนอื่น ด้วยการนำวิธีทำสวนเกษตรผสมผสานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาประยุกต์ใช้กับพื้นที่ทำเกษตรของตัวเอง เน้นปลูกพืชอายุสั้นเป็นหลัก แล้วยังทำนาพร้อมเลี้ยงปลาในนาข้าว รว
ทางเดินชีวิต…สู่แนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คุณจันทร์ นาชัยดุลย์ เลขที่ 117 หมู่ที่ 7 ตำบลนาโพธิ์ อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม 44130 โทรศัพท์ 086-237-2683, 082-836-8780 มีอาชีพทำไร่มันสำปะหลัง ไร่อ้อย ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงเพราะใช้สารเคมี พร้อมทั้งได้ประกอบอาชีพเสริมเป็นช่างไม้ โดยรับเหมาก่อสร้างในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง เป็นผู้รับเหมาซึ่งต้องรับผิดชอบและดูแลลูกน้องทุกคน ทำให้ไม่มีเงินเหลือเก็บเพราะกำไรเล็กน้อย เงินที่ได้ก็ต้องนำมาลงทุนและเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนทำให้ต้องกู้เงินและมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณจันทร์ได้รับชมข่าวสารจากโทรทัศน์ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมทั้งเข้ารับการอบรมกับทางอำเภอในโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้เกิดแนวคิดการดำเนินชีวิตตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก เงินที่หาได้มาก็ใช้แต่ในสิ่งจำเป็น และเหลือเก็บเป็นเงินออม ทำให้ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอดเพราะอยู่บ้านก็มีข้าวกิน ปัจจุบัน ไม่มีหนี้สิน มีเงินออม มีความสุขอยู่กับครอบครัว และได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ครูเกษตรชุมชนเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ตามแนวทางปรั