สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้มอบประกาศนียบัตร ประกาศเกียรติคุณและแสดงความขอบคุณนักวิจัย ในงานแถลงข่าว “การนำผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมไทยร่วมประกวดและจัดแสดงในเวทีนานาชาติ” ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 3 สโมสรทหารบก กรุงเทพมหานคร ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า วช. มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยในการนำผลงานที่มีคุณภาพและมีศักยภาพด้านการวิจัยและด้านการประดิษฐ์คิดค้น เข้าร่วมแสดงนิทรรศการและประกวดผลงานในเวทีระดับนานาชาติ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมของคนไทย ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดผลงาน รวมทั้งเปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางให้นักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ อันจะนำไปสู่ผลงานที่ได้มาตราฐานเ
ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้รับเชิญให้บรรยายในการประชุมเสวนาอารยธรรมเอเชีย (Conference on Dialogue of Asian Civilizations: CDAC) ในหัวข้อการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้อารยธรรมเอเชีย และประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ระหว่างวันที่ 15 – 16พฤษภาคม 2562 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ มีประมุข ผู้นำประเทศ และนักวิชาการ จาก 47 ประเทศทั่วโลก รวมถึงผู้บริหารองค์กรหลายพันคนจากประเทศต่าง ๆ องค์การยูเนสโก และองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วม เป็นการประชุมใหญ่เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอารยธรรมของมนุษย์ และมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกัน รวมถึงการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความเข้าใจร่วมกัน เพื่อปกป้องความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ฯ กล่าวในเวทีเสวนาดังกล่าวว่า วัฒนธรรมและอารยธรรมจากอินเดียและจีนมีบทบาทสำคัญและได้แลกเปลี่ยนกับภูมิภาคเอเชียมานานนับพันปีแล้ว สำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะประเทศไท
ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ประกาศการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย “สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ” ได้ปรับเปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ” เป็นหน่วยงานราชการในกระทรวงดังกล่าว ตาม พ.ร.บ. ใหม่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการปฏิรูประบบการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อเป็นกลไกการบูรณาการการวิจัยและนวัตกรรมให้ตรงกับความต้องการและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยได้จัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมขึ้น โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ มีผลให้ วช. ได้ปรับเป็น “สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ” วช.มีหน้าที่ใน 7 ภารกิจที่สำคัญในระดับประเทศ เป็นหน่วยงานให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ จัดทำฐานข้อมูลและดัชนีวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ, ริเริ่ม ขับเคลื่อนและประสานการดำเนินงานโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศ, จัดทำมาตรฐานและจริยธรรมการวิจัย, ส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เ
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2562 ว่า เป็นเวทีระดับชาติที่รวบรวมผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญจากทุกหน่วยงานในระบบวิจัยของประเทศ โดยเฉพาะผลงานที่สามารถใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อนำไปสู่ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งรัฐบาลได้มุ่งเน้นความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรม ผ่านแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 23 แผนแม่บท สำหรับแผนแม่บทประเด็นที่ 23 ประเด็น การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ได้กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยมีอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นประเทศชั้นนำของโลก สัดส่วนการลงทุนวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนต่อภาครัฐเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าแผนแม่บท ประเด็นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อการพัฒนาต่อยอดและการสร้างสรรค์นวัตกรรมในด้านต่างๆ เพื่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้น รัฐบาลจึงได้ปฏิรูประบบวิจั