อภัยภูเบศร
คุณสมัย คูณสุข อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 6 บ้านดงบัง ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรในแปลงอินทรีย์ เพื่ออบแห้งส่งขายให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านบ้านดงบัง ทำอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำสวนเป็นหลัก ประมาณปี 2537 เริ่มปรับเปลี่ยนมาทำไม้ดอกไม้ประดับ เริ่มต้นไปได้สวย รายได้มีขึ้นลงบ้างตามธรรมชาติของตลาด ต่อมาปี 2540 ไม้ดอกไม้ประดับราคาตกต่ำอย่างมาก ชาวบ้านจึงมองหาทางเลือกใหม่ ด้วยการปลูกพืชสมุนไพร เริ่มจากปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมส่งให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร คุณสมัย เริ่มมีความสนใจที่จะปลูกสมุนไพร จึงได้ไปสอบถามทางโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผลิตยาสมุนไพรควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบันอยู่แล้ว มีการตกลงระหว่างกันว่า บ้านดงบังจะเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรเพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร มีการคุยกันและตกลงว่าจะซื้อ จึงจะเริ่มปลูก วัตถุดิบที่โรงพยาบาลต้องการในช่วงนั้นคือ หญ้าปักกิ่ง เพราะฉะนั้นสมุนไพรตัวแรกที่ปลูกคือ หญ้าปักกิ่ง โดยโรงพยาบาลอภัยภูเบศรได้นำพันธุ์มาให้ทดลองปลูก เมื่อปลูกสำเร็จมีความเจริญงอกงาม นำมาสู่การขยาย มีการปล
คุณสมัย คูณสุข อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 6 บ้านดงบัง ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรในแปลงอินทรีย์ เพื่ออบแห้งส่งขายให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านบ้านดงบัง ทำอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำสวนเป็นหลัก ประมาณปี 2537 เริ่มปรับเปลี่ยนมาทำไม้ดอกไม้ประดับ เริ่มต้นไปได้สวย รายได้มีขึ้นลงบ้างตามธรรมชาติของตลาด ต่อมาปี 2540 ไม้ดอกไม้ประดับราคาตกต่ำอย่างมาก ชาวบ้านจึงมองหาทางเลือกใหม่ ด้วยการปลูกพืชสมุนไพร เริ่มจากปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมส่งให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร คุณสมัย เริ่มมีความสนใจที่จะปลูกสมุนไพรจึงได้ไปสอบถามทางโรงพยาบาลอภัยภูเบศรซึ่งเป็นสถานที่ที่ผลิตยาสมุนไพรควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบันอยู่แล้ว มีการตกลงระหว่างกันว่าบ้านดงบังจะเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรเพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร มีการคุยกันและตกลงว่าจะซื้อจึงจะเริ่มปลูก วัตถุดิบที่โรงพยาบาลต้องการในช่วงนั้นคือ หญ้าปักกิ่ง เพราะฉะนั้น สมุนไพรตัวแรกที่ปลูกคือหญ้าปักกิ่ง โดยโรงพยาบาลอภัยภูเบศรได้นำพันธุ์มาให้ทดลองปลูก เมื่อปลูกสำเร็จมีความเจริญงอกงาม นำมาสู่การขยาย มีการปลูกสมุนไพรชนิดอื
ในตามตำราแพทย์แผนไทย มักจะบอกไว้เสมอว่า วัยชรา หรือปัจฉิมวัย จะเริ่มที่อายุ 32 ปี เป็นต้นไป โดยในวัยกลุ่มนี้ มักจะเริ่มมีปัญหาสุขภาพ โรคของความเสื่อมต่างๆ เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงควรเริ่มต้นดูแลสุขภาพเพื่อชะลอความเสื่อมต่างๆ ไว้ นอกจากนี้ ปัจฉิมวัย ยังเป็นช่วงวัยที่มีวาตะ (ธาตุลม) เป็นเจ้าเรือน คือจะมีคุณสมบัติแห้งและเย็นของวาตะจะแสดงผลอย่างชัดเจนในปัจฉิมวัยตอนปลาย คือ น้ำหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ จะแห้ง ผิวจะแห้ง ธาตุไฟจะอ่อนแรง การย่อยอาหารจะไม่ดี ทำให้มีอาการท้องอืดท้องผูกง่าย ทั้งยังมีอาการนอนไม่หลับ ความคิดสับสน เป็นต้น ดังนั้น ยาบำรุงสำหรับผู้สูงอายุส่วนใหญ่ควรจะเป็นยาบำรุงธาตุ ซึ่งมักจะประกอบด้วยสมุนไพรที่รสเผ็ด อุ่น ฉุน หอม เพื่อช่วยย่อยอาหาร เช่น พริกไทย สมุนไพรที่มีรสขมเพื่อไปกล่อมตับทำให้ตับไม่ร้อนเกินไป สามารถทำงานในการสร้างไฟธาตุ (น้ำย่อย) ได้ปกติ เช่น ขมิ้น สมุนไพรเพื่อช่วยในการขับถ่าย เช่น สมอ สมุนไพรที่มีคุณสมบัติชุ่มชื้น เช่น มะตูม รากสามสิบ ยอ และมีสมุนไพรรสมันเพื่อไปชดเชยความแห้ง เช่น แห้วหมู ถ้าหากต้องการบำรุงสมรรถภาพทางเพศก็ควรเป็นยาบำรุงที่มีสมุนไพร อย่างกระชายรวมด้วย ตัวอ
ชื่ออื่น พิลังสา ว่านนางสัด ชื่อวงศ์ PRIMULACEAE ยาบำรุงสตรีของแหลมมลายู ในแถบภาคใต้นั้น เล่ากันว่า สมัยก่อนว่านนางตัดเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่ามาก เหมาะสำหรับผู้หญิงวัยที่มีประจำเดือนขึ้นไป เพราะมีสรรพคุณในการปรับสมดุลเลือดลมในร่างกายให้ไหลเวียนดี บรรเทาอาการปวดและขับประจำเดือน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ป้องกันมะเร็ง ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศสำหรับสตรี เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมีครรภ์ตั้งแต่ 7 เดือนขึ้นไป ทำให้คลอดง่าย ช่วยขับเลือดคั่งในสตรีหลังคลอดให้แห้งเร็ว ช่วยให้มดลูกกระชับเข้าอู่เร็ว และยังบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดีอีกด้วย ในประเทศมาเลเซียมีการใช้สมุนไพรกาจิปฟาติมะฮฺในสรรพคุณสำหรับผู้หญิงเช่นเดียวกันกับภาคใต้ของไทย และยังนำไปใช้ในผู้ชายได้ด้วย เพื่อบำรุงกำลัง คลายเส้น และโรคข้อ ปัจจุบันมีการนำมาผสมเป็นอาหารเสริม เพื่อจำหน่ายในท้องตลาด ในรูปแคปซูลและกาแฟผสมสมุนไพร ว่านแห่งการชะลอวัยสตรี ว่านนางตัด มีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า มีสารที่มีฤทธิ์เป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่เรียกว่า ไฟโตเอสโตรเจนสูงมาก ช่วยลดอาการวัยทอง ลดการเสื่อมสลายของกระดูก และมีสารประกอบฟีโนลิกหลายชนิด จึงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
พ.ศ. 2484 ในอดีต มีการก่อตั้งโรงพยาบาลปราจีนบุรี เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในปี พ.ศ. 2509 เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ข้าราชการสยามคนสุดท้าย ที่ปกครองเมืองพระตะบอง และเป็นเจ้าของอาคารทรงบาโรกที่ก่อสร้างขึ้น เพื่อตั้งใจให้เป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5 หากเสด็จประพาสเมืองปราจีน ซึ่งอาคารเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นสถานที่สำคัญของจังหวัดและยังเป็นอาคารสำหรับแผนกผู้ป่วยในแห่งแรกของโรงพยาบาล นับถึงปัจจุบัน รวมการก่อตั้งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ 75 ปี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ยิ่งเมื่อประเทศไทย ได้นำการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรมาใช้ในระบบบริการสุขภาพ มาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 โดยเริ่มจากงานสาธารณสุขมูลฐานก่อน จนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 มีโครงการนำร่องในการพัฒนาระบบบริการการผสมผสานบริการการแพทย์แผนไทยในระบบบริการสุขภาพ จากนั้นมีการเปิดคลินิกการบริการการแพทย์แผนไทยในระบบบริการสาธารณสุขของรัฐหลายแห่ง โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็เป็นโรงพยาบา