เกี่ยวข้าว
หากใครสนใจอยากทำเกษตรอินทรีย์หรืออยากทำเกษตรหลังเกษียณ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร อยากแนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมศูนย์เกษตรยั่งยืนบ้านสวาสดิ์ จังหวัดยโสธร ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์ครบวงจร อย่างเป็นกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ แหล่งเรียนรู้แห่งนี้ เกิดจากการรวมตัวของเกษตรกรหัวใจอินทรีย์ ภายใต้การนำของ ผู้ใหญ่สมศักดิ์ ผลจันทร์ ประธานกลุ่มศูนย์เกษตรยั่งยืนบ้านสวาสดิ์ ศูนย์เกษตรยั่งยืนบ้านสวาสดิ์ มีสมาชิกประมาณ 50 คน เนื้อที่เพาะปลูกรวม 125 ไร่ เน้นปลูกแปรรูปสินค้าเกษตรอินทรีย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง พวกเขานำศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 เข้ามาพัฒนาท้องถิ่น เพื่อให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ เกษตรกรที่ไม่มีงานทำ มีความหวงแหน รักษ์ ในถิ่นฐานบ้านเกิดตน สามารถกลับมาพัฒนาชุมชนโดยอาศัยแนวคิดเรื่องการทำการเกษตรไร้สารเคมี (กสิกรรมธรรมชาติ) ของ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร (อาจารย์ยักษ์) และ อาจารย์อำนาจ ยอดหมายกลาง ผู้อำนวยการโครงการกสิกรรมไร้สารพิษอันเนื่องมาจากพระราชดำริ วังน้ำเขียว มาเป็นแนวทางในการทำการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับนโยบา
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สหกรณ์การเกษตรนาโยง จำกัด ถนนเพชรเกษม ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง นายชาย คงแก้ว สหกรณ์จังหวัดตรัง พร้อมด้วยคณะข้าราชการสหกรณ์จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่สหกรณ์การเกษตรนาโยง จำกัด สมาชิกสหกรณ์การเกษตรนาโยง จำกัด นักเรียนโรงเรียนวัดจอมไตร กว่า 150 คน ร่วมทำกิจกรรมเก็บเกี่ยวข้าวด้วยมือ ครั้งที่ 5 โดยใช้แกะ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้าวของทางภาคใต้ เป็นการอนุรักษ์การทำนาแบบดั้งเดิมของชาวปักษ์ใต้ บนพื้นที่จำนวน 28 ไร่ มีข้าวพันธุ์พื้นเมือง คือ ข้าวพันธุ์เล็บนกและพันธุ์เข็มทอง โดยตั้งเป้าการเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งนี้ จำนวน 7 ตัน ซึ่งจะนำไปสีเป็นข้าวขาวและข้าวกล้องปลอดสารพิษ และยังมีวางจำหน่ายให้แก่สมาชิกสหกรณ์และผู้บริโภคทั่วไปอีกด้วย โดยจะวางจำหน่ายที่ร้านสหกรณ์การเกษตรนาโยง จำกัด นายชาย คงแก้ว สหกรณ์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า กิจกรรมเก็บเกี่ยวข้าวด้วยมือ เป็นการเก็บเกี่ยวข้าวตามวิถีดั้งเดิมของชาวปักษ์ใต้ ซึ่งเราใช้แกะในการเก็บข้าว โดยเก็บเกี่ยวข้าวจากแปลงส่วนหนึ่งของนาแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นของสมาชิกการเกษตรนาโยงทั้งหมด ที่ร่วมกันเป็นเจ้าของ และยังเป็นแปลงที่อนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้น
คุณรุ่น ศรีทองแก้ว เกษตรกรชาวสวนยาง วัย 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 4 ตำบลแพรกหา อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เล่าให้ฟังว่า ยึดอาชีพทำแกระเกี่ยวข้าว เป็นอาชีพเสริมมากว่า 40 ปี โดยรับมรดกตกทอดมาจากพ่อของภรรยา ซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีเพียงแห่งเดียวในภาคใต้ “ภาวะปัจจุบันอาชีพการผลิตแกระเกี่ยวข้าวค่อนข้างจะซบเซามาก ทั้งนี้เนื่องจากว่า ชาวนาส่วนใหญ่จะหันมานิยมใช้รถเกี่ยวข้าวแทนกันแล้ว” คุณรุ่น เล่าว่า เดิมนั้น คุณแสง ชูช่วย ซึ่งเป็นพ่อของภรรยา คือ คุณวิไลวรรณ ศรีทองแก้ว เป็นผู้ผลิตแกระเกี่ยวข้าวเพียงผู้เดียว ส่งขายใน 14 จังหวัดภาคใต้ จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ภายใต้ตราเคียวคู่ ต่อมาเมื่อคุณแสงถึงแก่กรรม ตนจึงได้ดำเนินการอย่างจริงจัง โดย 1 ปี ผลิตได้ประมาณ 1 แสนชิ้น ส่งขายตั้งแต่จังหวัดชุมพรจนถึงจังหวัดนราธิวาส โดยใช้แรงงานในครอบครัว ทั้งนี้ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะขายดีมาก จนต้องจ้างคนงานเข้ามาเสริม “ผมยึดอาชีพผลิตแกระเกี่ยวข้าวเป็นอาชีพเสริม มากว่า 40 ปี ส่งขายตั้งแต่ อันละ 2 บาท ปัจจุบัน ส่งขายอันละ 15 บาท แต่มีผลิตน้อย ประมาณ ปีละ 10,000 อัน เนื่องจากว่าชาวนาส่วนใหญ่จะจ้างรถเก
เราชาวบ้าน ก่อนที่จะมีเคียวเกี่ยวข้าว เราคงใช้มือเด็ดรวงข้าวเอามาแยกเอาเมล็ด ตำแยกเปลือกออก แล้วก็เอามาหุงกิน ต่อมาค่อยๆ พัฒนาคิดทำเครื่องมือเกี่ยวข้าว แต่ละชาติ เผ่าพันธุ์ที่กินข้าวเป็นอาหารหลักล้วนสร้างสรรค์เครื่องมือเกี่ยวข้าวเป็นรูปร่างต่างๆ กันไป บริเวณโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ โครงการพระราชดำริ อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ผู้เขียนพบเครื่องมือของใช้ชนิดหนึ่ง ถามเจ้าหน้าที่เรียกว่าอะไร ใช้ทำอะไร เจ้าหน้าที่บอกว่า ไว้สำหรับเกี่ยวข้าว แต่ไม่รู้ชื่อเรียกว่าอย่างไร เมื่อกลับมาบ้านพลิกหนังสือดูเครื่องมือเกี่ยวข้าวคนเผ่าต่างๆ ก็พบว่า เป็นเครื่องมือเกี่ยวข้าวจริงๆ แต่ไม่รู้ชื่ออยู่นั่นเอง คนไทยเราเรียกเครื่องมือเกี่ยวข้าวว่า เคียว สมัยเด็กๆ มีหนังสือเรื่องหนึ่งชื่อ คมเคียว นำแสดงโดย คุณสมบัติ เมทะนี และ คุณภาวนา ชนะจิต ปี พ.ศ. 2561 นี้ คุณสมบัติ เมทะนี ท่านเป็นศิลปินแห่งชาติไปแล้ว ส่วนคุณภาวนา ชนะจิต น่าเสียดายที่เสียชีวิตไปก่อน เคียวเกี่ยวข้าวที่พบในโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ รูปร่างแปลกกว่าเคียวโค้งๆ อย่างที่เราเห็นกัน นั่นคือ มีมือจับถือเป็นท่อนราว 1 คืบเศษๆ บริเวณตรงกลางส่วนจับถือหรือด้ามมี
นายคมป์ สังข์วงษ์ นายอำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตนและ พ.ต.อ.ศิโรฐย์ อินทรสมบัติ ผกก.สภ.กันทรอม สืบทราบว่า มีการแอบลักลอบเสพยาเสพติด ที่กระท่อมกลางทุ่งนา ทางทิศตะวันออกบ้านขุนหาญใต้ ม.9 ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้สมาชิก อส.อ.ขุนหาญ ที่ 6 ร่วมกับ จนท.ชุดสืบสวน สภ.กันทรอม ออกไปทำการตรวจสอบและร่วมกันระดมกวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งจากการตรวจค้นปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมนายทองพูล ปานทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ม.9 ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ตรวจปัสสาวะพบผลบวก และ ร่วมกันจับกุม นายอำพูน ยาคำ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28 ม.9 ต.ขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ตรวจปัสสาวะพบผลบวก นายอำเภอขุนหาญ กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจค้นรอบบริเวณที่ต้องสงสัย แล้วพบยาบ้า 39 เม็ด ห่อด้วยถุงพลาสติกใส บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกแบบดึงเปิด-กดปิด สีน้ำตาล ซุกซ่อนอยู่ในด้ามเคียวเกี่ยวข้าว จำนวน 1 เล่ม เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวทั้ง 2 คน เอาไว้ โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โท
ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น! พี่ชายร่ำไห้หนัก รถเกี่ยวข้าวพลิกคว่ำ ทับร่างน้องคอหักดับคาที่ รถเกี่ยวข้าวพลิกคว่ำ / เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 ส.ค. ร.ต.อ.มาลา แย้มชม รอง สว.สอบสวน สภ. บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุรถเกี่ยวข้าวพลิกคว่ำทับคนเสียชีวิตติดใต้ท้องรถ บริเวณถนน 347 หลัก กม. ที่ 22+500 บางปะอิน มุ่งหน้าบางปะหัน หมู่ 3 ต.เกาะเกิด จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ ที่เกิดเหตุ พบรถเกี่ยวข้าว พลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า ที่เบาะคนขับพบศพ นายภานุวัฒน์ ใจสว่าง อายุ 20 ปี 22 ม. 23 ต.เมืองเตา อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม สภาพศพคอหัก ถูกรถเกี่ยวทับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถ ใกล้กันพบรถเทรลเลอร์ 10 ล้อ อีซูซุ สีเขียวคาดดำ ทะเบียน 81-3908 ปทุมธานี จอดอยู่ โดยมี นายชาญณรงค์ ศรีสรรงาม อายุ 25 ปี เป็นคนขับ อยู่ในอาการโศกเศร้า รถเกี่ยวทับร่างดับคาที่ นายชาญณรงค์ กล่าวว่า ผู้ตายและตนเป็นญาติพี่น้องกัน ก่อนเกิดเหตุได้เกี่ยวข้าวเสร็จและกำลังจะเดินทางกลับที่พัก ผู้ตายขับรถเกี่ยวข้าวขึ้นบนรถเทรลเลอร์ แต่รถเกี่ยวข้าวเอียงมาทางด้านซ้ายเยอะ จนทำให้เสียหลั
วันที่ 23 มี.ค.ที่ หมู่ 3 บ้านใหญ่ ต.ไม้แก่น อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี น.อ. เลอศักดิ์ คชนันทน์ ผบ.หน่วย ฉก. นาวิกโยธินกองทัพเรือและทหารเรือหน่วย ฉก. นาวิกโยธินภาคใต้ เป็นประธานเปิดงานในพิธีพหุวัฒนธรรมไทยพุทธและไทยมุสลิมลงแขกเกี่ยวข้าวเพื่อสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวระหว่างชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมที่มีมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษให้คงอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สืบต่อไปโดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ผู้นำศาสนา ประชาชน และเยาวชน เข้าร่วม สำหรับโครงการพหุวัฒนธรรมไทยพุทธและไทยมุสลิมลงแขกเกี่ยวข้าวในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวระหว่างไทยพุทธและไทยมุสลิมแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดความรักความสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่และส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ร่วมกัน ระหว่างชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมที่ผูกพันกันมาอย่างช้านานและอยู่อย่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันตั้งแต่ครั้งในอดีต ถึงแม้ว่ากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดคว
ชมรมรากแก้ว วิทยาลัยการโรงแรมและการท่องเที่ยว มทร.ศรีวิชัย ตรัง จัดกิจกรรมร่วมกันลงแขกเกี่ยวข้าว และพิธีทำขวัญข้าว ในโครงการเยาวชนไทยเข้าใจ ข้าวไทย วิถีชาวนา ณ บ้านนาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรังซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และผู้นำชุมชนทั้งสำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง กำนัน -ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนปราชญ์ชาวบ้านเข้าร่วมให้ความรู้แก่นักศึกษา พร้อมทั้งลงแขกเกี่ยวข้าวร่วมกันโดยโครงการนี้มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสร้างจิตสำนึกแก่นักศึกษาในการทำประโยชน์ต่อชุมชน และเรียนรู้วิถีชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9
สำนักงานเกษตรอำเภอเกาะยาว แนะเกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวระยะที่เหมาะสมและจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวถูกวิธี เพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพและขายได้ราคาดี นางอุษณี เจียมรา เกษตรอำเภอเกาะยาว กล่าวว่า ด้วยขณะนี้พื้นที่อำเภอเกาะยาวกำลังเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว หากเกษตรกรมีการเก็บเกี่ยวข้าวในระยะที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม จะส่งผลต่อคุณภาพข้าว การเก็บเกี่ยวข้าวในระยะเวลาที่ถูกต้องและเหมาะสม คือ ระยะพลับพลึง จะทำให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพและขายได้ราคาดี ระยะพลับพลึง คือระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวที่นับจากวันออกดอกไปแล้ว 28 – 30 วัน และเก็บเกี่ยวในสภาพที่นาแห้ง หรือไม่มีน้ำขังในนา วันที่ข้าวออกดอก พิจารณาจากวันที่รวงข้าวมีดอกบานเกือบเต็มพื้นที่ คือ 80% ของพื้นที่ จึงบันทึกวันนั้นเป็นวันที่ข้าวออกดอก และก่อนเก็บเกี่ยว 10 วัน ถ้ามีน้ำอยู่ในนา ให้ระบายน้ำออกจากนาให้หมด เพื่อให้เข้าสุกสม่ำเสมอ แปลงนาที่แห้งจะทำให้สะดวกในการเก็บเกี่ยว การลดความชื้นผลผลิตข้าว หลังการเก็บเกี่ยว การนวดและการทำความสะอาดโดยการฝัดแล้ว ยังไม่สามารถเก็บรักษาเมล็ดข้าว ที่มีความชื้นสูงไว้ในโรงเก็บได้ เพราะเมล็ดมีการหายใจทำให้เกิดความร้อน
นายวัชรินทร์ เขจรวงศ์ เกษตรอำเภอสุวรรณภูมิ ได้รับมอบหมายจากนายทรงพันธ์ จันทร์สว่าง เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ พร้อมออกรณรงค์ให้เกษตรกร หรือชาวนาในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ เก็บเกี่ยวข้าวระยะพลับพลึง การเก็บเกี่ยวข้าว เป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการทำนา ซึ่งส่งผลให้ได้ผลผลิตข้าวที่ดี ในแง่ของคุณภาพ ประกอบด้วย ความชื้น สิ่งเจือปน เปอร์เซ็นต์กะเทาะ รวมทั้งการป้องกันการสูญเสียร่วงหล่นของเมล็ดข้าว จุดที่ควรพิจารณา ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวข้าว คือ ช่วงระยะที่เรียกว่า “พลับพลึง” หรือบางภาคเรียกว่า “ระยะเหลืองกล้วย” สังเกตง่ายๆ คือ ข้าวในแต่ละรวงสุกเหลืองประมาณ 3 ใน 4 ส่วน หรือเกษตรกรอาจใช้วิธีนับวัน คือ ประมาณ 28-30 วัน หลังจากที่ข้าวออกรวง 80% ก่อนเก็บเกี่ยวถ้ามีน้ำขังในแปลงนา ควรระบายน้ำออกจากแปลงนา ก่อนประมาณ 7-10 วัน เพื่อให้ข้าวสุกสม่ำเสมอ เกษตรอำเภอสุวรรณภูมิ กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวข้าวในระยะนี้จะได้ข้าวที่มีคุณภาพดี คือ เมื่อนำไปลดความชื้นแล้วสีเป็นข้าวสาร จะได้ข้าวเต็มเมล็ดหรือต้นข้าวมาก ข้าวหักน้อย ซึ่งทำให้ข้าวเปลือกที่เกษตรจำหน่ายราคาดี นอกจากนี้ข