เทคโนฯ เกษตร
คุณขวัญตา บุตรวรรณ หรือ พี่เหมียว เจ้าของสวนผักฟาร์มสุข&คาเฟ่ ตั้งอยู่ที่ 213 หมู่ที่ 3 ตําบลนาโพธิ์ อําเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ต้นแบบมนุษย์เงินเดือน ที่มีความฝันอยากกลับมาทำมาหากินที่บ้านเกิด สู่การปูเส้นทางวางแผนสร้างอนาคต จากการหักเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ทุกเดือน ไว้สำหรับการซื้อต้นพันธุ์ไม้ผล ไม้ป่านานาชนิด ไว้เป็นอาชีพหลักสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวหลังลาออกจากงานประจำ พี่เหมียว เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานประจำอยู่ที่จังหวัดชลบุรีมาก่อน ซึ่งด้วยลักษณะงานที่ทำเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสมุนไพรอภัยภูเบศร มีความคลุกคลีอยู่กับสมุนไพรมาในระดับหนึ่ง จึงใช้วิชาตรงนี้มาผสมผสานกับความชอบส่วนตัวที่เป็นคนชอบปลูกต้นไม้ ปลูกผัก นำไปสู่การทำเป็นอาชีพเสริมพร้อมกับการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกผักเพิ่มเติมเพื่อสะสมประสบการณ์ให้ดียิ่งขึ้น จนประสบผลสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ผลผลิตที่ได้ออกมาสวยงาม เก็บนำมาโพสต์ขายผ่านช่องทางเฟซบุ๊กก็ได้รับผลตอบรับดี ทำให้มีความหวังและเป็นการจุดประกายความคิดในการวางแผนอนาคต และบั้นปลายชีวิตให้อยู่กับอาชีพเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน วางแผนอนาคตก่อนลาออกจากงา
ประเทศไทย มีศักยภาพในการผลิตไม้ดอกเมืองร้อน เพราะสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการทำการเกษตร นอกจากนี้ ไม้ดอกเมืองร้อนมีความหลากหลายทางพันธุกรรมสูง สามารถสลับสับเปลี่ยนให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญลงทุนปลูกครั้งเดียวเก็บขายได้ตลอด หากใครยังมีพื้นที่ว่าง อยากชวนมาปลูกไม้ตัดดอกเมืองร้อนขายทำเงินกันดีกว่า “ไม้ตัดดอกเมืองร้อน” มีหลากสีสัน สวยงาม โดดเด่น ได้แก่ เฮลิโคเนีย (ธรรมรักษา) ขิงแดง ขิงชมพู กล้วยประดับ ดาหลา งาช้าง ลิ้นมังกร ดอกกะทือ ฯลฯ ที่ปลูกง่ายขายดี เป็นที่นิยมทั้งในประเทศและส่งออก ยืนยันโดย คุณประเสริฐ ลมพัด ประธานกลุ่มไม้ตัดดอกเขตร้อนกาญจนบุรี ตำบลท่าคร้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยึดอาชีพปลูกไม้ตัดดอกมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปี เฮลิโคเนีย สินค้าขายดี เฮลิโคเนีย เป็นสินค้าที่ขายดีมาตลอด เพราะมีดอกสุดสวย หลากหลายสีสัน มีทั้งชนิดดอกเล็ก ดอกใหญ่ ช่อตั้ง ช่อห้อย ที่ผ่านมามีการนำเข้าสายพันธุ์เฮลิโคเนียจากต่างประเทศเข้ามาปลูกในเมืองไทยจำนวนมาก โดยขนาดดอกเล็ก นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ส่วนดอกขนาดใหญ่ทั้งช่อตั้งและช่อห้อยย้อย นิยมปลูกเชิงการค้าในลักษณะไม้ตัดดอก ไม้ตัดดอ
น้อยหน่าหนังครั่ง หรือ “น้อยหน่าสีม่วง” เป็นน้อยหน่าสายพันธุ์โบราณดั้งเดิม ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน นอกจากจะมีสีสันที่สวยงามสะดุดตาเพราะสีที่แตกต่างจากน้อยหน่าทั่วไปแล้ว เรื่องรสชาติก็ยังหวาน หอม อร่อย เนื้อเนียน นุ่ม ไม่เป็นเนื้อทราย และไม่มีรสชาติที่อมเปรี้ยว การปลูกน้อยหน่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ทำเป็นอาชีพหลักก็ดี หรือจะทำเป็นอาชีพหลักก็ได้ น้อยหน่าหนังครั่ง หรือน้อยหน่าสีม่วง ผลใหญ่ จะมีเปลือกที่หนา และสีเปลือกจะเป็นสีม่วง เนื้อด้านในสีขาว เมล็ดดำ เป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่นิยมกินผลสุก นอกจากนี้ ผลดิบ ผลแห้ง เมล็ด และใบ ยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เช่น ใบสด สำหรับบ้านเรานิยมนำใบหรือเมล็ดของน้อยหน่ามาใช้ในการกำจัดเหา เห็บ หมัด เป็นต้น น้อยหน่าหนังครั่ง หรือน้อยหน่าสีม่วง ชื่อเรียกและสีสันภายนอกอาจดูแตกต่างจากน้อยหน่าสายพันธุ์อื่นๆ แต่ต้องบอกเลยว่า การเพาะปลูกหรือการดูแลนั้นไม่แตกต่างกันนัก ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ดีกับสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย สามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน ทั้งดินที่อุดมสมบูรณ์และดินเลว เช่น ดินร่วนปนทรายและดินร่วนเหนียว น้อยหน่าเป็นพืชที่ชื่น
นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านได้รับเกียรติจาก สำนักงานเกษตรอำเภอท่าม่วง โดย นางสาวกวินทรากานต์ มาลัยทองแก้วสุภา เกษตรอำเภอท่าม่วง และ นางสาวสายชล พ่วงคำมี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ พาไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่ตำบลท่าตะคร้อ อำเภอท่าม่วง ได้แก่ สวนไม้ตัดดอกเขตร้อน ของ คุณประเสริฐ ลมพัด ประธานกลุ่มไม้ตัดดอกเขตร้อนกาญจนบุรี และ สวนโกโก้ ของ คุณโอภาส เกษตรสวนเพชร ด้าน นางสาวกวินทรากานต์ มาลัยทองแก้วสุภา เกษตรอำเภอท่าม่วง กล่าวว่า สำนักงานเกษตรอำเภอท่าม่วง ได้รับนโยบายจากกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สนับสนุนให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยตามระบบการจัดการคุณภาพหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) แบบเดียวกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 ที่มุ่งใช้ทรัพยากรที่มีของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้ผลผลิตสูง คุ้มค่ากับการลงทุน โดยยึดหลักการตลาดนำการผลิต เช่น สวนไม้ตัดดอกเขตร้อนของ คุณประเสริฐ ลมพัด และ สวนโกโก้ ของ คุณโอภาส เกษตรสวนเพชร ซึ่งเกษตรกรทั้งสองรายกำลังดึงเรื่องการท่องเที่ยวเชิงเกษตร เข้ามาเป็นรายได้เสริมเลี้ยงตัวเองและยังเปิดโอกาสให้ชาวบ้านในชุม
ผลไม้แปลก ที่ได้รับการขนานนามว่า ผลไม้จากพระเจ้า หรือความเชื่อว่าเป็นผลไม้ชั้นสูง นั่นคือ เปปิโน เมล่อน ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศ อเมริกาใต้ ป่าอเมซอน อยู่ในตระกูลพืชกึ่งล้มลุก มีอายุ 2-4 ปี มีหลายสายพันธุ์ ทั้งสีม่วง สีขาว สีเหลือง ชื่นชอบอากาศเย็นและแสงแดด รสชาติคล้ายเมล่อน หวานน้อยๆ ฉ่ำน้ำๆ มีกลิ่นหอมเมื่อสุกจัด ระดับความหวาน 7-15 บริกซ์ สามารถปลูกในที่โล่งหรือที่ปิดก็ได้ เปปิโน เมล่อน ถือเป็นผลไม้เมืองหนาว สามารถปลูกและเติบโตได้ดีในพื้นที่โซนภาคเหนือของประเทศไทย เป็นไม้ที่ชื่นชอบแสงแดด แต่ก็ต้องเป็นแดดที่ไม่แรงจนเกินไป ผลคล้ายแตงเมล่อน เนื้อสุกจะมีสีเหลืองทอง ไม่นิยมกินเปลือกเพราะค่อนข้างเหนียว รสชาติเนื้อด้านในมีความคล้ายเมล่อนที่มีความหวานกลางๆ ไม่หวานมากจนเกินไป ประโยชน์ของ เปปิโน เมล่อน ถูกระบุไว้ว่าสามารถช่วยในการต่อต้านริ้วรอย ต้านมะเร็ง ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต แก้เบาหวาน บำรุงหัวใจ ช่วยลดน้ำหนัก ปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เป็นต้น ประโยชน์มากขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่ถูกขนานนามว่าเป็นผลไม้จากพระเจ้า ถือเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับการร
คุณศักดา ล้ำบริสุทธิ์ หรือ คุณนุ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมและเจ้าของสวนศักดากล้วยหอมทอง ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ที่นำความชอบที่มีต่ออาชีพเกษตรกรมาต่อยอดสร้างเป็นอาชีพด้วยการทำสวนกล้วยหอมทอง ปัจจุบันภายในสวนมีการปลูกกล้วยหอมมากกว่า 20 สายพันธุ์ จำหน่ายหน่อกล้วยและกล้วยนานาชนิด ส่งขายในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ตลอดทั้งปี จุดเริ่มต้นของการทำสวนศักดากล้วยหอมทอง คุณศักดา เล่าว่า ในอดีตเคยทำนาข้าวมาก่อนจริงจัง แต่เนื่องจากสถานการณ์ในเรื่องของราคาปุ๋ยมีราคาที่สูงขึ้น จึงส่งผลกระทบกับตนเองโดยตรง จึงเปลี่ยนมาทำสวนกล้วยแทน เป็นเวลากว่า 15 ปี ปลูกกล้วยในพื้นที่กว่า 9 ไร่ มีกล้วยกว่า 3,600 ต้น และภายในสวนมีกล้วยกว่า 20 สายพันธุ์ให้เลือกสรรปลูกตามความต้องการของลูกค้า “เมื่อก่อนผมไม่คิดที่จะทำตรงนี้ เมื่อก่อนทำนาอยู่ แต่ทีนี้พอทำนาช่วงหลังๆ ปุ๋ยเริ่มมีราคาแพงขึ้น จึงเปลี่ยนมาทำกล้วยแทน ทำมา 15 ปีแล้ว ในพื้นที่ 9 ไร่กว่าๆ มีกล้วยไร่ละ 400 ต้น มีกล้วยมากกว่า 20 สายพันธุ์ครับ เช่น กล้วยหอมทองปทุม กล้วยน้ำว้าสายพันธุ์มะลิอ่อง กล้วยน้ำว้า
คุณมนทิพย์ รัชตวิจิน หรือ คุณจอย เจ้าของสวนสันติเกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่ตำบลแสลง อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี น้องสาวของ คุณสรกล อดุลยานนท์ หรือที่รู้จักกันในนาม “หนุ่มเมืองจันท์” นักเขียนชื่อดัง ผู้หญิงคนนี้มีความตั้งใจวางแผนในอนาคตว่าจะเกษียณตนเองก่อนกำหนด จากอาชีพ “เภสัชกร” เพื่อสานฝันทำสวนเกษตรอินทรีย์ ในพื้นที่จำนวน 15 ไร่ สถานที่ที่เปรียบเสมือนลมหายใจของคุณพ่อ เป็นสมบัติที่ล้ำค่า และเปี่ยมไปด้วยความรัก ที่มองมากี่ครั้งก็เจอแต่ความสุข จุดเริ่มต้นจากการทำสวนมาจากความตั้งใจส่วนตัว ที่วางแผนว่าจะเกษียณตนเองจากงานก่อนกำหนด จากอาชีพเภสัชกร ในอดีตนั้นที่สวนแห่งนี้ทำเกษตรแบบใช้สารเคมีปกติ จึงคิดว่าถ้าเข้ามาอยู่ในสวนก็จะทำสวนเกษตรแบบอินทรีย์เท่านั้น เพราะรู้ว่าสารเคมีนั้นเป็นพิษ ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ จากนั้นเดือนมกราคม 2561 ก็เปลี่ยนการทำสวนเกษตรแบบหักดิบจากเคมีมาทำเป็นอินทรีย์ ทำควบคู่กับอาชีพเภสัชกรในขณะนั้น โดยจะเข้าสวนทุกวันหยุด และลงมือทำมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน คุณมนทิพย์ เล่าว่า หลังจากลงมือทำยังคงต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำเกษตรแบบอินทรีย์ เพราะเหมือนเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ เพ
ขนุนพันธุ์ “ขาวมุกสยาม” คือ ขนุนพันธุ์โบราณหายาก เนื้อสีขาวนวล มีรสชาติหวาน เนื้อกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ค่อนข้างแตกต่างจากขนุนเหลือง มีเมล็ดที่เล็ก เนื้อด้านในไม่เละแม้จะสุกงอม ต้นขนุนขาวสายพันธุ์นี้มีต้นไม่สูงมาก ความสูงเต็มที่ประมาณ 7-8 เมตร มีลักษณะแตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มกว้าง ใบ จะเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว มีลักษณะเป็นรูปวงรี มีใบที่เล็กกว่าใบขนุนทั่วไป สามารถแยกได้อย่างชัดเจน ใบมีสีเขียวสด ผิวเรียบและมัน ดอก ขนุนสายพันธุ์ “ขาวมุกสยาม” จะออกดอกเป็นกลุ่ม ช่อดอกตัวผู้และตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ช่อดอกตัวผู้จะออกที่บริเวณโคนกิ่ง ลำต้น และซอกใบ มีลักษณะเป็นแท่งยาว ประมาณ 2.5 เซนติเมตร ดอกตัวเมีย จะมีขนาดใหญ่กว่าก้านช่อดอกตัวผู้อย่างชัดเจน ดอกตัวผู้จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว คล้ายกลิ่นส่าหล้า ส่วนดอกตัวเมียนั้นจะไม่มีกลิ่น ผล ขนุนสายพันธุ์ “ขาวมุกสยาม” ผลโตเต็มที่จะมีน้ำหนักเฉลี่ย ประมาณ 12-16 กิโลกรัม ต่อ 1 ผล และจะมีผลย่อยจำนวนมาก เรียกว่า ยวง มีซังน้อย และที่แปลกคือ เนื้อด้านในหรือยวงเป็นสีขาวนวล มีเมล็ดที่เล็กกว่าขนุนทั่วไป และมีเนื้อที่กรอบไม่เละ แม้จะสุกงอม รสชาติของขนุนสายพันธุ์ขาวมุกสยาม มี
“มะม่วงมีความหลากหลายทางสายพันธุ์ มะม่วงในเมืองไทยมีหลายร้อยสายพันธุ์ มีรสชาติดีมากๆ ก็เยอะ ผมจะแบ่งมะม่วงออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ 1. มะม่วงผิวอ่อน 2. มะม่วงมัน 3. มะม่วงสุก ครับ” คุณสุรศักดิ์ ศรีอำนวย เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วง และเจ้าของ สวนบ้านล้วนไม้ดี ในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี หนุ่มใหญ่จากแดนใต้ ที่นำความชอบด้านการเกษตรมาสานต่อในพื้นที่ของภรรยา ด้วยการทดลองปลูกพืชชนิดต่างๆ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องพบกับความผิดหวัง ผ่านการทดลองมาหลายครั้งหลายครา สุดท้ายก็เจอพืชที่ตอบโจทย์สภาพดิน ฟ้า อากาศ นั่นก็คือการปลูกมะม่วง จนกลายเป็นธุรกิจของครอบครัว และสร้างรายได้ได้ตลอดปีจากการขายผลผลิตและกิ่งพันธุ์ของมะม่วง คุณสุรศักดิ์ เล่าว่า ตนเองเป็นคนภาคใต้ เคยมีอาชีพวาดรูป หลังจากแต่งงานจึงย้ายมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ครอบครัวทางฝั่งภรรยามีพื้นที่สำหรับทำสวน จึงเห็นช่องทางการสร้างอาชีพจากการทำเกษตร จึงทดลองปลูกพืชกว่า 100 ชนิด แต่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง เพราะด้วยพื้นที่ สภาพอากาศต่างๆ ของพื้นที่นั้นแล้งจัด ไม่ตอบโจทย์ชนิดของพืชที่ปลูก จากนั้
จังหวัดปทุมธานี นับเป็นหนึ่งในทำเลทองของการเพาะปลูกพืชในพื้นที่ภาคกลาง เพราะมีแหล่งน้ำชลประทานที่อุดมสมบูรณ์มากถึง 683,124 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 72 ของพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัด พื้นที่การเกษตรทั้งหมดของจังหวัดปทุมธานี มีเนื้อที่ประมาณ 343,601 ไร่ ซึ่งข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญ มีเนื้อที่เพาะปลูกมากที่สุด 311,184 ไร่ รองลงมาเป็นการปลูกพืชอื่นๆ ผสมผสานกัน ได้แก่ หญ้าปูสนาม ตะไคร้ กล้วยหอม มะระจีน ถั่วฝักยาว ฯลฯ จากสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินและมีระบบชลประทานที่เพียงพอสำหรับเพาะปลูกพืช ทำให้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดตลอดทั้งปี แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาด้านการผลิต เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร จังหวัดปทุมธานีจึงส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสม ลดต้นทุนการผลิตพืชได้แบบครบวงจร ให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานสู่ตลาดโลก วิสาหกิจชุมชนเพราะรักกสิกรรม “วิสาหกิจชุมชนเพราะรักกสิกรรม” เป็นหนึ่งในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จด้านการผลิตและจำหน่ายข้าวแบบครบวงจร ปัจจุบัน วิสาหกิจชุมชนเพราะ