ไก่ไข่
ในยุคปัจจุบันการประหยัดต้นทุนการผลิตสินค้าทางการเกษตร เป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรหลายรายให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยให้ได้ผลผลิตกำไรมากขึ้นแล้ว ยังสามารถยึดทำเป็นอาชีพที่ยั่งยืนส่งต่อไปถึงลูกหลานได้ เพราะไม่เกิดภาวะหนี้สินที่ต้องหยุดหรือดำเนินการไป ในส่วนของการเลี้ยงปศุสัตว์ก็เช่นกันเกษตรกรผู้เลี้ยงมีความใส่ใจในเรื่องของการเลี้ยงแบบประหยัดต้นทุน โดยยึดการใช้อาหารที่หาได้ง่ายๆ ไม่ใช้ต้นทุนมากเป็นผลผลิตทางการเกษตรในสวนของตนเองมาใช้เลี้ยงแทน คุณชลิต หอมยามเย็น คุณชลิต หอมยามเย็น อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ที่ 2 ตำบลหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ได้นำไก่ไข่เข้ามาเลี้ยงภายในบริเวณบ้านของตนเอง โดยใช้พืชผลทางการเกษตรที่เหลือจากสวนมาเป็นอาหาร ส่งผลให้เป็นการประหยัดต้นทุนการผลิตมากขึ้น เมื่อจำหน่ายไก่ไข่จึงเกิดรายได้มีผลกำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วย คุณชลิต เล่าว่า เดิมทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้ย้ายกลับมาอยู่บ้าน และเกิดความคิดที่อยากจะทำเกษตรแบบผสมผสาน ด้วยการปลูกข้าวอินทรีย์และสีข้าวผลิตจำหน่ายเอง ต่อมาเมื่อเห็นว่าภายในสวนที่ทำมีของเหลือจากการสีข้าวและผลผลิตอื่นๆ จึงได้นำไก่ไข่เข้ามา
ไกไข่อารมณ์ดีปัจจุบันเริ่มมีผู้สนใจเลี้ยงในพื้นที่บ้านของตัวเองมากขึ้น โดยผู้ที่เริ่มเลี้ยงระยะแรกไม่ได้มองว่าจะต้องจำหน่ายไข่จนเกิดรายได้ เพียงแต่เลี้ยงไก่จำนวนที่น้อยอยู่ที่ 5-10 ตัวเท่านั้น เพื่อให้มีไข่ไว้บริโภคภายในครัวเรือน แต่เมื่อผลผลิตเริ่มมีมากขึ้นจึงทำให้การจำหน่ายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรายได้ ส่งผลให้จากเดิมที่เลี้ยงไก่ไข่แค่พอไว้บริโภค กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เป็นเกษตรกรเต็มตัว และต่อยอดการทำเกษตรให้ครบวงจรมากขึ้นตามไปด้วย คุณอนันต์ อมดวง อยู่บ้านเลขที่ 86/7 หมู่ที่ 4 ตำบลดอนแร่ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่บ้านจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมาทำเกษตรผสมผสานและเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดีเข้ามาช่วยสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง จึงทำให้เมื่อมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นไก่ไข่อารมณ์ดีจึงเป็นสินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี พร้อมกับสร้างการตลาดด้วยบรรจุภัณฑ์ที่น่าซื้อมากขึ้นให้ได้ตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ คุณอนันต์ เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวทำการเกษตรมาตั้งแต่ครั้งคุณพ่อคุณแม่ ต่อมาเมื่อเขาจบการศึกษาจนเริ่มทำงานประจำ ช่วงที่ได้กลับมาบ้านช่วงวันหยุดก็จะมาปรับเปลี่ยนพื้นที
ปัจจุบันคนรักสุขภาพกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำเกษตรอินทรีย์ พืช ผัก ผลไม้ ของเกษตรกรที่กำลังปรับเปลี่ยนให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น การทำเกษตรอินทรีย์นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะ พืช ผัก เพียงเท่านั้น แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าการเลี้ยงไก่ไข่นั้นสามารถเลี้ยงแบบอินทรีย์ได้แล้ว ปลอดภัยทั้งคนเลี้ยง ทั้งสัตว์และผู้บริโภคด้วย บางคนบริโภคอาหารโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องของสุขภาพให้เหตุผลว่าไม่มีเวลาดูแลตัวเอง งานเยอะไม่มีแม้แต่เวลาเลือกซื้ออาหาร จึงบริโภคสิ่งที่ไม่ค่อยให้สารอาหารแก่ร่างกายมากนัก แถมยังพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียดเรื่องงานยังต้องมาเครียดเรื่องรถติดทั้งเช้าเย็น เทคโนโลยีชาวบ้านอยากที่จะชวนให้ทุกคนเลือกอาหารที่ปลอดภัย ให้สารอาหารแก่ร่างกาย ปลอดภัยต่อตัวเราและคนรอบข้าง จึงหยิบเอาเรื่องของการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์มาฝาก ว่าจะมีความแตกต่างหรือมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด คุณพิมพ์จันทร์ ประทุมทอง อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ที่ 12 ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เล่าว่า เมื่อก่อนเป็นพนักงานโรงงาน ได้ลาออกกลับมาอยู่บ้านเกิด กลับมาบ้านก็ต้องหารายได้เสริมให้กับครอบครัว ตอนแรกไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับการเลี้ยงไก
กระแสรักษ์สุขภาพในปัจจุบันไม่เพียงทำให้ผู้บริโภคไปถึงในเรื่องของพืชผักเพียงอย่างเดียว แม้แต่ในเรื่องของการเลี้ยงสัตว์เองมีการนำมาเลี้ยงในระบบอินทรีย์มากขึ้น ที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดก็จะเป็นในเรื่องของการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี โดยเน้นในเรื่องของการเลี้ยงที่ให้ไก่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี พร้อมทั้งให้กินอาหารที่เป็นพืชผลที่ผลิตในระบบอินทรีย์เข้ามาเสริมจึงทำให้ไข่ที่ได้มีคุณภาพ พร้อมกับสามารถจำหน่ายได้ราคาที่สูงกว่าไข่ไก่ที่เลี้ยงในระบบทั่วไป จึงทำให้เกษตรกรที่สนใจในเรื่องของการทำเกษตรอินทรีย์อยู่เดิมมาเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดีเสริมเข้ามาช่วยสร้างรายได้อีกด้วย คุณเสาวนีย์ เมฆนุพักต์ เจ้าของ “Get Farmily เกษตรกรในสวนเพื่อน” ตั้งอยู่เลขที่ 51/1 หมู่ที่ 4 ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) บนพื้นที่จำนวน 19 ไร่ โดยมีการแบ่งพื้นที่ปลูกพืชต่างๆ อย่างชัดเจน เช่น การปลูกข้าวอินทรีย์ กล้วยน้ำว้า และพืชผักสวนครัวต่างๆ แต่ที่เป็นสินค้าหลักและสามารถสร้างรายได้ให้กับเธอได้เป็นอย่างดีนั้น คือ การเลี้ยงไก่อารมณ์ดี จำนวน 700 ตัว ที่สามารถเก็บไข่จำหน่ายได้เป็นรายได้หลัก
ปัญหาสำคัญสำหรับชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลหรือในพื้นที่ทุรกันดารต้องการเลี้ยงไก่จำนวนไม่มากและเป็นไก่คุณภาพ คือการหาแหล่งเพาะพันธุ์ที่เชื่อถือได้ หรือหลายรายมักถูกปฏิเสธการส่งเพราะมีจำนวนน้อยเกินไป จึงทำให้พวกเขาขาดโอกาสเลี้ยงไก่คุณภาพเพื่ออาชีพและบริโภค ตอนนี้ปัญหาเหล่านั้นได้หมดลงแล้ว เพราะ “ไก่ไข่ สายด่วน By aod Thailand” ที่มี คุณกิติยะ สุเยาว์ หรือ คุณอ๊อด เจ้าของได้ผุดธุรกิจรับ-ส่งไก่จากฟาร์มคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ไปส่งยังสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าเป้าหมายปลายทางนั้นจะเป็นชุมชน หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล หรือแม้แต่การคมนาคมไม่สะดวก ก่อนเดินเข้าสู่ธุรกิจนี้ คุณอ๊อดเคยคลุกคลีอยู่ในวงการสัตว์ปีกด้วยการยึดอาชีพเป็นพนักงานขายอาหาร และพันธุ์สัตว์ ขณะลงพื้นที่หลายแห่งพบว่าความจริงแล้วชาวบ้านต้องการเลี้ยงไก่ที่มีคุณภาพ แต่คงมีจำนวนไม่มากเพราะมีทุนทรัพย์น้อย แต่ไม่สามารถหาได้ตามที่ต้องการ ขณะเดียวกัน ฟาร์มไก่ที่มีคุณภาพมักไม่ส่งให้ถ้าสั่งจำนวนเพียงเล็กน้อย ดังนั้น คุณอ๊อดจึงมองเห็นช่องทางอาชีพ จากข้อจำกัดที่ผู้ขายไม่สะดวกที่จะส่งให้เพราะน้อยเกินไปไม่คุ้ม แล้วถ้าไม่มีใครส่งให้เกษตรกรหรือชาวบ้านเห
อดีตอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ หากย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่มีขนาดเล็กๆ ฟาร์มไหนมี 5,000 ตัว ถือว่าระดับใหญ่ เฉลี่ยแล้วเป็นฟาร์ม 500-1,000 ตัว ที่มีเลี้ยงกันหนาแน่น ที่ย่านทุ่งบางเขน ที่มีถนนแคบปกคลุมด้วยต้นก้ามปูปลูกอยู่ริมถนนสายพหลโยธิน กรุงเทพฯ ต่างจังหวัดก็มีที่นครปฐม ฉะเชิงเทรา ฯลฯ อาจเป็นเพราะคนไทยมีประชากรไม่มาก การบริโภคไข่ยังมีน้อย เพราะว่าอาหารจากแหล่งธรรมชาติที่คนไทยยังหากินได้ง่ายและมีมาก ทั้ง หอย ปู ปลา จากน้ำจืด และราคาอาหารทะเลมีราคาถูก พืชพรรณไม้จากป่าในช่วงฤดูฝนมีหลากหลาย และชาวบ้านนำมาขายในราคาถูก คนไทยมีอาหารสมบูรณ์ ทั้ง หมู เห็ด เป็ด ไก่ มีให้บริโภคกัน กาลเวลาเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอาหารจากเนื้อไก่ สุกร ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ เริ่มขาดแคลน และเลี้ยงแบบพื้นที่หลังบ้าน โรคภัยมาระบาดก็เสียหาย คนไทยตระหนักดีว่าขืนไม่มีพันธุ์สัตว์ต่างประเทศนำเข้ามา เนื้อไก่ เนื้อสุกร เห็นจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศมาบริโภคภายในประเทศอย่างแน่นอน นั่นคือ จุดเปลี่ยนของอาชีพเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยที่ต้องเร่งพัฒนาหาพันธุ์สัตว์ที่มีประสิทธิภาพนำมาขยายพันธุ์ เพื่อทำเป็นอาชีพในลักษณะธุรกิจทั้งไก่ไข่
“ไก่ไข่อินทรีย์วิถีสระแก้ว” เป็นหนึ่งในนโยบายการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีกที่ดำเนินการอยู่ในเขตจังหวัดสระแก้ว โดยมีสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการและดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่ 9 อำเภอของจังหวัด และได้มีเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเกิดขึ้นในพื้นที่อย่างมากมาย นอกเหนือจากการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์วิถีสระแก้วแล้ว ยังมีโครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่พื้นเมืองอินทรีย์วิถีสระแก้ว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจ ไข่อินทรีย์ คือ ไข่ปลอดสารพิเศษที่ได้มาจากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่มีการฉีดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต หรือกินอาหารที่มีสารพิษตกค้าง บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 5 ตำบลคลองหาด อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว โทร. (086) 167-8494 บ้านของเกษตรกรคนเก่งอีกคนหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว คุณเฉลยและคุณสมใจ ละม้ายพันธ์ เป็นหนึ่งในการเกษตรตัวอย่างและผู้ริเริ่มการเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์จนประสบความสำเร็จ และสามารถผลิตไข่ไก่อินทรีย์ออกจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้จะมีเรียกกันติดปากว่า ไข่คลองหาด ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า เป็นไข่ไก่อินทรีย์ที่มาจากแม่ไก่อารมณ์ดี “การที
ได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการของโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดเพชรบูรณ์ กับโครงการกิจกรรมเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อย โดยโรงเรียนโสตศึกษาจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นโรงเรียนจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และบกพร่องทางสติปัญญา ได้จัดการศึกษาเพื่อมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนทั้งทางด้านทักษะวิชา ทักษะการดำรงชีวิตและทักษะอาชีพ เมื่อผู้ที่เรียนที่นี่สำเร็จการศึกษาแล้ว จะได้ออกไปดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่เป็นภาระต่อสังคม การส่งเสริมการเลี้ยงไก่ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่โรงเรียนได้ฝึก มีประสบการณ์ โดยเริ่มจากการเลี้ยงไก่พื้นเมือง ไก่ชนนเรศวร ขยายพันธุ์และเปลี่ยนมาเป็นระยะ ทั้งการเลี้ยงไก่ไข่บนกรงตับ ซึ่งเลี้ยงมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ก่อนจะเริ่มมาปรับการเลี้ยงไก่แบบปล่อยลาน อาจารย์วนิดา จิตรอาษา รองผู้อำนวยการโรงเรียนโสตศึกษา เล่าให้ฟังว่า “พื้นที่โรงเรียนกว่า 100 ไร่ ได้รับการจัดสรรพื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมายให้นักเรียนของโรงเรียนได้เรียนรู้กิจกรรมและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โรงเรียนที่นี่เป็นโรงเรียนประจำ มีจำนวนนักเรียนที่นี่ 312 คน ทั้งนักเรียนที่หูหนวกและมีความบกพร่
คุณกชกร ช่วยณรงค์ ตั้งอยู่ที่ 27 หมู่ที่ 5 ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระทำให้ไข่ที่ได้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ปริมาณผลผลิตมีไม่เพียงต่อความต้องการเลยทีเดียว คุณกชกร เล่าให้ฟังว่า เธอจบการศึกษาในสาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และได้นำองค์ความรู้จากการเรียนมาช่วยครอบครัวดำเนินธุรกิจคือการเลี้ยงไก่ไข่และโคนม พร้อมทั้งต่อยอดการเลี้ยงไก่ไข่เป็นแบบไก่อารมณ์ดี โดยใช้พื้นที่ว่างมาเลี้ยงเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในครั้งนี้ด้วย “ครอบครัวประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์มานานแล้ว ทีนี้เรามองว่าโอกาสที่จะนำความรู้มาพัฒนาต่อ ก็น่าจะช่วยงานของที่บ้านได้เยอะ จึงได้ศึกษาต่อปริญญาตรีในสาขาวิชาสัตวศาสตร์ เพื่อที่จะได้นำองค์ความรู้ต่างๆ มาช่วยพัฒนางานที่บ้าน ในเรื่องของการเลี้ยงโคนมและไก่ไข่ ซึ่งไก่ไข่อารมณ์ดี ตอนนี้ถือว่าเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการอย่างมาก ผลผลิตออกมามีไม่พอขาย และที่สำคัญราคาขายก็ค่อนข้างดี” คุณกชกร เล่าถึงที่มา ในขั้นตอนของการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดีนั้น คุณกชกร บอกว่า จะแบ่งพื้นที่ออกอย่างชัดเจนโดยให้ภายในบริเวณเลี้ยง
กว่า 50 ปี ของการทำธุรกิจฟาร์มไก่ แม้ว่าจะเริ่มต้นจากฟาร์มไก่เนื้อ ขยับเติบโตเป็นธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์ม จากกรมปศุสัตว์ ทั้งยังเป็นไก่ไข่ออร์แกนิกที่เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจฟาร์มไก่ นั่นเป็นตัวชี้ว่า “อุดมชัยฟาร์ม” ประสบความสำเร็จ คุณธนเดช แสงวัฒนกุล เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ที่สานต่อการทำงานในรูปแบบฟาร์มไก่ จากรุ่นคุณพ่อที่เริ่มต้นทำฟาร์มไก่มาตั้งแต่ พ.ศ.2503 “เราเริ่มจากการเลี้ยงไก่หลังบ้าน คุณพ่อสนใจเรื่องการเลี้ยงไก่ จึงหาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่มาโดยตลอด กระทั่งได้ร่วมอบรมการเลี้ยงไก่ ผนวกกับประสบการณ์ที่เลี้ยงหลังบ้านมา ทำให้ฟาร์มไก่ที่อยากทำเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา” ยุคที่ทำฟาร์มไก่เนื้อ ก็ทำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ไปด้วย เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไก่จากประเทศญี่ปุ่น ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี เพราะสามารถบริหารจัดการฟาร์มจนเป็นที่รู้จัก กระทั่งรับไก่ไข่จากเพื่อนในวงการฟาร์มไก่มาช่วยเลี้ยง ก็เริ่มมองเห็นช่องทางว่า การขายไข่ไก่มีความคล่องตัวสูง ตลาดไปได้ดี เพราะเป็นสินค้าบริโภคที่ซื้อง่ายขายคล่อง คุณธนเดช เล่าย้อนให้ฟังว่า ไม่เฉพาะไก่เนื้อที่เริ่มเลี้ยง หมูก็เริ่มเ