ในยุคที่ปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำทวีความรุนแรงขึ้น น้ำบาดาลกลายเป็นแหล่งน้ำที่มีบทบาทสำคัญต่อภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรที่ต้องพึ่งพาน้ำอย่างต่อเนื่องในการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์

น้ำบาดาล คือ น้ำใต้ดินที่ถูกกักเก็บและสะสมอยู่ภายในช่องว่างและรอยแตกของชั้นหินและชั้นดินตะกอนลึกลงไปใต้พื้นดิน จากการหมุนเวียนของ “วัฏจักรน้ำ” (Hydrologic Cycle) ในธรรมชาติ ซึ่งมีจุดกำเนิดจากหยาดน้ำฟ้า (Precipitations) หรือน้ำในบรรยากาศ (Atmospheric Water) ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของน้ำฝน หิมะ เมฆหมอก หรือไอน้ำ ที่ตกลงสู่ผืนดินจนกลายเป็นน้ำผิวดิน (Surface Water) ให้กำเนิดแม่น้ำ ลำคลอง และมหาสมุทร น้ำผิวดินบางส่วนไหลลงสู่ใต้ดิน ซึมอยู่ภายในช่องว่างของเม็ดดินกลายเป็นน้ำในดินที่สามารถระเหยกลับไปเป็นน้ำฟ้าอีกครั้ง เมื่อถูกแสงแดดแผดเผา แต่ยังน้ำบางส่วนที่ไหลลึกลงไปสู่ชั้นหินและชั้นดินตะกอนด้านล่าง เติมเต็มช่องว่างและรอยแตกของชั้นหินเหล่านั้น จนกลายเป็นจุดกำเนิดของแหล่งน้ำใต้ดิน (Subsurface Water) หรือน้ำบาดาลนั่นเอง มักอยู่ลึกลงไปหลายเมตรขึ้นอยู่กับบริเวณที่พบน้ำบาดาล บางสถานที่อาจจะอยู่ลึกลงไปหลายกิโลเมตร โดยปกติแล้วน้ำบาดาลสามารถพบได้น้อยหรือถ้าสามารถพบน้ำบาดาลได้ส่วนใหญ่มักจะพบอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำ
ความสำคัญของ “น้ำบาดาล” ในภาคการเกษตร
สำหรับเกษตรกร น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการเพาะปลูก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำผิวดิน (น้ำที่เกิดจากฝนที่ตกลงมาแล้วไหลลงสู่ที่ต่ำ ตามแม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ) น้ำบาดาลจึงกลายเป็นแหล่งน้ำสำรองที่มีความเสถียร ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี ลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ขั้นตอนการเข้าร่วม “โครงการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร”
เกษตรกรผู้สนใจต้องรวมกลุ่มกัน 8-15 ราย พื้นที่การเกษตรไม่น้อยกว่า 60-500 ไร่ ยื่นเรื่องผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต. หรือ เทศบาล) และส่งเรื่องไปที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 1-12 ที่รับผิดชอบพื้นที่แต่ละจังหวัด จากนั้นเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ และเดินทางไปสำรวจพื้นที่ว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะเจาะบ่อน้ำบาดาล และจัดทำโครงการเพื่อขออนุมัติงบประมาณต่อไป ซึ่งโครงการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ทำไมน้ำบาดาลจึงสำคัญต่อภาคเกษตรกรรม?
- ช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้ง ในช่วงหน้าแล้งหรือพื้นที่ที่ฝนตกน้อย น้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำสำรองที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถรดน้ำพืชผลและเลี้ยงสัตว์ได้อย่างต่อเนื่อง
2. มีเสถียรภาพกว่าน้ำผิวดิน ต่างจากแหล่งน้ำผิวดิน เช่น แม่น้ำ ลำคลอง หรืออ่างเก็บน้ำ ซึ่งอาจแห้งขอดในช่วงฤดูแล้ง น้ำบาดาลสามารถคงอยู่ได้ตลอดปี หากมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม
3. คุณภาพน้ำดี น้ำบาดาลมักมีความสะอาดสูงกว่าน้ำผิวดิน เนื่องจากผ่านกระบวนการกรองตามธรรมชาติในชั้นดินและหิน ทำให้มีสิ่งปนเปื้อนน้อยกว่า
วิธีการใช้น้ำบาดาลอย่างยั่งยืน
ขุดเจาะอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การขุดบ่อบาดาลควรได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบต่อระบบน้ำใต้ดิน
ใช้ระบบน้ำหยดหรือระบบให้น้ำแบบประหยัด เทคโนโลยีการให้น้ำที่มีประสิทธิภาพ เช่น ระบบน้ำหยด สามารถช่วยลดการใช้น้ำเกินจำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการเกษตร
ฟื้นฟูน้ำใต้ดิน การปลูกป่าต้นน้ำและการสร้างบ่อเติมน้ำใต้ดินช่วยให้มีการเติมน้ำกลับเข้าสู่ชั้นหินอุ้มน้ำ ลดปัญหาน้ำบาดาลแห้งขอด
ตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำ น้ำบาดาลบางพื้นที่อาจมีแร่ธาตุบางชนิดสูงเกินไป เช่น เหล็ก หรือสารหนู การตรวจสอบคุณภาพน้ำช่วยให้สามารถจัดการและปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับการเกษตร
ข้อดีของการใช้น้ำบาดาลในการเกษตร
- มีความสม่ำเสมอ ไม่ต้องพึ่งพาน้ำฝนหรือน้ำจากแหล่งผิวดินที่อาจแห้งขอดในช่วงแล้ง
- มีคุณภาพดี ปราศจากสิ่งปนเปื้อน เช่น ตะกอน หรือสารเคมีตกค้างจากแหล่งน้ำผิวดิน
- ลดต้นทุนในระยะยาว แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการเจาะบ่อ แต่ในระยะยาวช่วยลดต้นทุนซื้อน้ำหรือการสร้างระบบกักเก็บน้ำ
- เพิ่มผลผลิตและขยายฤดูกาลเพาะปลูก ทำให้สามารถเพาะปลูกพืชที่ต้องการน้ำตลอดปี เช่น ผัก ผลไม้ หรือพืชเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อควรระวังในการใช้น้ำบาดาล
- คุณภาพน้ำ ควรตรวจสอบคุณภาพน้ำบาดาลก่อนใช้ เพราะบางพื้นที่อาจมีแร่ธาตุเกินมาตรฐาน เช่น น้ำกระด้างหรือมีปริมาณเหล็กสูง
- การจัดการอย่างยั่งยืน การสูบน้ำบาดาลมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำใต้ดินลดลง ส่งผลต่อระบบนิเวศและอาจทำให้ดินทรุดตัว
- ต้นทุนเริ่มต้น ค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะบ่อและติดตั้งระบบสูบน้ำอาจสูง ควรศึกษาความเป็นไปได้ก่อนลงทุน
ขอบคุณภาพจาก : กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ประชาชนที่มีความประสงค์จะเจาะน้ำบาดาลและใช้น้ำบาดาลในทุกจังหวัด ที่มีความลึกจากผิวดินเกินกว่า 15 เมตร ทั้งเพื่อใช้อุปโภคบริโภค เกษตรกรรม ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม รวมถึง อบต. และเทศบาลที่ต้องการจัดทำระบบประปาในชุมชน ต้องดำเนินการโดย “ช่างเจาะน้ำบาดาล” ซึ่งได้รับหนังสือรับรองจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และขออนุญาตเจาะน้ำบาดาล และขออนุญาตใช้น้ำบาดาลอย่างถูกต้อง
ทำไมต้องขออนุญาตเจาะและขออนุญาตใช้น้ำบาดาล
1. การเจาะบ่อน้ำบาดาลที่ไม่ได้มาตรฐานและการใช้น้ำบาดาลมากเกินความสมดุลจะทำให้เกิดผลกระทบได้
2. การใช้น้ำบาดาลอย่างฟุ่มเฟือยอาจทำให้คุณภาพน้ำใต้ดินเปลี่ยนแปลงไป
3. ภาครัฐมีความจำเป็นต้องกำกับดูแลเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการบริหารจัดการอย่างอนุรักษ์และยั่งยืน
น้ำบาดาลเป็นทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้การเกษตรดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำผิวดิน หากมีการบริหารจัดการอย่างถูกต้อง จะสามารถใช้เป็นแหล่งน้ำที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกษตรกรจึงควรศึกษาแนวทางการใช้น้ำบาดาลอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเศรษฐกิจและการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมทรัพยากรน้ำบาดาล , https://thaitestlab.com/groundwater/ , https://ngthai.com/science/30365/groundwater/