เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
News ประมง

เลี้ยง “สาหร่ายผักกาดทะเล” เก็บขายภายใน 3 สัปดาห์ โปรตีนสูง ไขมันต่ำ ราคาดี กิโลละ 500 บาท

ในยุคที่การทำเกษตรไม่จำกัดแค่บนบก การเลี้ยง สาหร่ายผักกาดทะเล กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้ ด้วยระยะเวลาการเลี้ยงที่สั้นเพียง 3 สัปดาห์ ก็สามารถเก็บเกี่ยวและขายได้ในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท

จากปลานวลจันทร์สู่สาหร่ายผักกาดทะเล ต่อยอดทรัพยากรท้องถิ่นด้วย Zero Waste Model

คุณตุ๋ม-สุภิดา ลิ้นทอง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จันทราบุรี@ปากน้ำแหลมสิงห์ เล่าว่า ก่อนที่ชุมชนจะหันมาศึกษาและพัฒนา การเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล พื้นที่ของเราติดทะเล อาชีพหลักจึงเกี่ยวข้องกับสัตว์ทะเล หนึ่งในนั้นคือ ปลานวลจันทร์ทะเล ปลาพระราชดำริในรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและมีราคาสูง

อย่างไรก็ตาม ยังมีสัตว์ทะเลอีกหลายชนิดที่มีมูลค่าต่ำ ทางกลุ่มของเราจึงนำทรัพยากรเหล่านั้นมาพัฒนาต่อยอด ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ภายใต้แนวคิด Zero Waste Model หรือ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดของเหลือทิ้งให้เป็นศูนย์

การเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล เป็นการต่อยอดจากแนวคิด Zero Waste Model ที่ใช้กับ ปลานวลจันทร์ทะเล โดยเรายึดหลัก “ปลาหนึ่งตัว ตั้งแต่เกล็ดยันขี้ปลา เราไม่ทิ้งอะไรให้เป็นขยะ หรือทำร้ายสิ่งแวดล้อม”

หนึ่งในผลลัพธ์ของ Zero Waste Model คือ “ขี้ปลา” ซึ่งเรานำมาหมักกับ พด.2 เพื่อทำเป็น ปุ๋ยชีวภาพ ปกติแล้วปุ๋ยนี้ใช้รดพืชผักสวนครัว ซึ่งเรานำมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหารให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาศึกษาดูงาน นอกจากนี้ เราได้นำปุ๋ยชีวภาพไปต่อยอดสร้างอาชีพใหม่ นั่นก็คือ “การเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล” ทำให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เปลี่ยนจาก “ปลาก้างเยอะ” สู่ “สาหร่ายประโยชน์แยะ”

แรกเริ่มเราไม่มีความรู้เรื่อง การเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล เลย ทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ แต่โชคดีที่เราได้รับการถ่ายทอดความรู้จาก ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี ที่นี่สอนเราทุกขั้นตอน ตั้งแต่ การเริ่มเลี้ยง ดูแล เก็บเกี่ยว ไปจนถึง การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ทำให้เราสามารถนำองค์ความรู้นี้มาต่อยอด และสร้างอาชีพใหม่ให้กับชุมชนของเรา

ปลานวลจันทร์ทะเล
ปลานวลจันทร์ทะเล

สาหร่ายผักกาดทะเล เป็นสาหร่ายทะเลที่มีรูปร่างคล้าย ผักกาดหอม แต่เติบโตในน้ำทะเล มีสีเขียวสดใส อุดมไปด้วย โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลาย เช่น สลัด ซุป หรือใช้เป็น อาหารเสริม เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับมื้ออาหารได้อีกด้วย

สาหร่ายผักกาดทะเล ถูกจัดให้เป็น ซุปเปอร์ฟู้ด เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ใช่ว่าจะได้รับการยอมรับได้ง่ายๆ แต่ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น โปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง และอุดมไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ด้วยเหตุนี้ เราจึงให้ความสนใจและตัดสินใจเริ่ม เลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล เพื่อสร้างแหล่งอาหารที่มีประโยชน์และตอบโจทย์สุขภาพของผู้บริโภค

การดูดน้ำจากทะเล เพื่อนำมาเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล
การดูดน้ำจากทะเล เพื่อนำมาเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล

เลี้ยง “สาหร่ายผักกาดทะเล” ไม่ยาก! เคล็ดลับที่ต้องรู้ก่อนเริ่ม

การเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล ไม่จำเป็นต้องใช้ถังขนาดใหญ่เสมอไป จริงๆ แล้ว สามารถใช้ภาชนะอะไรก็ได้ ที่สามารถกักเก็บน้ำได้ และสามารถปรับให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีอยู่ สิ่งสำคัญคือ ปากภาชนะควรกว้าง เพื่อให้แสงแดดส่องถึง เนื่องจาก สาหร่ายต้องการแสงแดดในการสังเคราะห์แสง เพราะเป็นพืชที่มีคลอโรฟิลล์ เพียงเท่านี้ก็สามารถเลี้ยงสาหร่ายได้แล้ว

ในการเตรียมน้ำสำหรับเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล เราจะดูดน้ำทะเลมาพักไว้ในถังก่อน จากนั้นทำการ กรองเอาสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคออก โดยคงไว้เฉพาะแร่ธาตุที่มีประโยชน์ แล้วจึงนำน้ำที่ผ่านการเตรียมแล้วไปใส่ในถังเลี้ยงที่เตรียมไว้

การทำให้น้ำมีความเค็มที่เหมาะสมสามารถใช้ เกลือทะเล หรือสิ่งอื่นๆ ที่ช่วยควบคุมระดับความเค็มได้ แต่เราต้องพิจารณา ความคุ้มค่า ด้วย ถ้าเราไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งทะเลและต้องซื้อเกลือทะเลมาใช้ในการเลี้ยง หรือทำ น้ำเค็มเทียม เราควรคิดให้ดีว่าการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่

ถ้าพื้นที่ของเราอยู่ใกล้ทะเล เราสามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้ฟรี ไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำทะเลหรือแสงแดด แถม ธาตุอาหารหลัก ก็ไม่ต้องซื้อ เพราะเราทำ ปุ๋ยชีวภาพ เองอยู่แล้ว ต้นทุนหลักจริงๆ จึงมีแค่ ค่าไฟสำหรับให้ออกซิเจน ซึ่งสำหรับถังขนาด 500 ลิตร จำนวน 8 ใบ ใช้เวลาเลี้ยง 3 สัปดาห์ เราเสียค่าไฟเพียง ประมาณ 100 บาท เท่านั้น

ปัจจัยหลัก 4 อย่างที่ทำให้สาหร่ายผักกาดทะเล เจริญเติบโตได้ดีมีดังนี้

  1. แสงแดด สาหร่ายเป็นพืชที่มีคลอโรฟิลล์ เหมือนกับพืชทั่วไปที่ต้องการแสงแดดรำไรเพื่อการเจริญเติบโต
  2. ความเค็มของน้ำ ต้องควบคุมความเค็มของน้ำให้เหมาะสม สาหร่ายเจริญเติบโตได้ดีในน้ำเค็มที่ระดับ 25-30 ppt แต่จากประสบการณ์สามารถทนเค็มได้ถึง 50 ppt โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้งที่น้ำทะเลมีความเค็มสูง
  3. ธาตุอาหาร สาหร่ายต้องการธาตุอาหารจากปุ๋ยชีวภาพ ที่ทำจากการหมัก ขี้ปลานวลจันทร์ทะเล เช่น ถังขนาด 1,000 ลิตร ใช้น้ำ 800 ลิตร โดยให้ธาตุอาหารในอัตรา 1:10 คือ 80 มิลลิลิตร ต่อ น้ำ 800 ลิตร เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการให้ธาตุอาหารคือ ช่วงกลางวัน ที่มีแสงแดดส่องถึงเพื่อให้สาหร่ายดูดซับแร่ธาตุได้ดี
  4. ออกซิเจน ช่วยให้น้ำเคลื่อนไหวและกระจายธาตุอาหารให้ทั่วถึง ทำให้สาหร่ายดูดซับได้อย่างสม่ำเสมอ

การดูแลทั้ง 4 ปัจจัยนี้จะช่วยให้สาหร่ายเจริญเติบโตได้อย่างดีและมีคุณภาพ

เราจะถ่ายน้ำ สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง แต่ไม่ต้องถ่ายทั้งหมดทุกครั้ง เมื่อเราใส่ธาตุอาหารลงไปในน้ำ มันจะเกิดปฏิกิริยากับน้ำ ทำให้น้ำอาจไม่สะอาด ดังนั้นเราจึงต้องดูดสิ่งสกปรกออก และเติมน้ำใหม่เข้าไป มั่นใจได้ว่า การเลี้ยงของเราเป็นระบบปิด และเป็นไปตามมาตรฐาน มกส. ของกรมประมง ดังนั้นน้ำที่ใช้ในการเลี้ยงจึงสะอาด ปลอดภัย และ ไร้สารตกค้าง

สำหรับการขยายพันธุ์สาหร่ายผักกาดทะเล มี 2 วิธีหลักๆ ดังนี้

วิธีแรกคือ หลังจากเก็บสาหร่าย เมื่อครบอายุแล้ว เราจะไม่เก็บทั้งหมด แต่จะเหลือบางส่วนเอาไว้สำหรับขยายพันธุ์ โดยการ ฉีกสาหร่าย ให้อยู่ในขนาดที่ไม่เล็กจนเกินไป จากนั้นสาหร่ายจะเจริญเติบโตใหม่ตามทิศทางนั้น

อีกวิธีหนึ่งคือ ปล่อยให้สาหร่ายเติบโตต่อไป โดยไม่เก็บเกี่ยวหลังจากครบ 3 สัปดาห์ หากเลี้ยงต่อไปจนถึง 2-3 เดือน สาหร่ายจะเริ่ม สร้างสปอร์ บริเวณขอบถังเพื่อขยายพันธุ์เอง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ใช้เวลานาน เราจึงนิยมใช้วิธีการฉีกสาหร่าย เพื่อให้ได้ผลเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า

ระยะเวลาเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล ที่เหมาะสมคือ 3 สัปดาห์ เพราะเป็นช่วงที่สาหร่ายมีสารอาหารครบถ้วนและดีที่สุด เราสามารถบันทึกข้อมูลตั้งแต่วันที่เริ่มเลี้ยง เพื่อคำนวณวันเก็บเกี่ยวได้อย่างแม่นยำ เมื่อครบ 3 สัปดาห์ เราจะเก็บสาหร่ายมาล้างทำความสะอาด จากนั้นนำไปตากแดด โดยเรียงให้เป็นระเบียบเพื่อให้แสงแดดส่องถึงทุกใบ ให้แห้งสม่ำเสมอ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

หากต้องการเร่งกระบวนการอบแห้ง และมีงบลงทุนสามารถใช้ตู้อบ แทนการตากแดด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 50°C เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ ของสาหร่ายไว้

ของดีอยู่ใกล้ๆ ไม่จำเป็นต้องนำเข้าให้ราคาแพง ก็สามารถทำเงินได้

ตลาดสำหรับสินค้าของเรามีแล้ว ทั้งในประเทศไทยและในเครือข่ายของเรา โดยมี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยเพิ่มช่องทางการตลาด และสินค้าของเรายังขายในร้าน ฟิชเชอแมนช้อป ที่บางเขน รวมถึงช่องทางอื่นๆ ที่หลากหลาย

สาหร่ายผักกาดทะเล เป็นพืชที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อคนไทยยังไม่เลี้ยง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงทำให้ราคาสูงมาก แต่วันนี้เราเลี้ยงเอง และสามารถสกัดสารสำคัญจากสาหร่ายมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ โดยต้นทุนต่ำกว่าการนำเข้าอย่างมาก

แปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลทำได้หลายอย่าง เช่น

  • เครื่องดื่มน้ำสาหร่าย
  • สกินแคร์ สำหรับดูแลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
  • อาหารเสริม ซึ่งขายดีมาก

แน่นอนว่า เราสร้างจุดขายที่มีความแตกต่างและใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของเรา

หากท่านไหนสนใจเรียนรู้การ เลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล แบบเจาะลึก สามารถติดต่อได้ที่ เพจ Facebook : จันทราบุรีปากน้ำแหลมสิงห์ หรือหากเป็นกลุ่มที่ต้องการศึกษาดูงาน ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ มาจันทบุรีรับประกันได้ว่าที่นี่มีสิ่งแปลกใหม่และแตกต่างที่หาไม่ได้จากที่อื่น รับรองว่าได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ และความประทับใจกลับไปเต็มๆ เชิญชวน “มาเที่ยว มาท่อง มาล่องแหลมสิงห์ มาดื่มกิน พักผ่อนหลับนอน ที่พักที่กินที่เที่ยวที่เดียวกัน สุขทุกวันที่จันทบุรี สุขทุกวินาทีที่ปากน้ำแหลมสิงห์บ้านเรา”

Related Posts