News ฟาร์มล้ำ เกษตรอัจฉริยะ

เปิดตัวนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกเกษตรยุคใหม่สู่ความยั่งยืน เพิ่มมูลค่าสินค้า ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ในมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568   

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ จัดงาน “มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025)“   ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมุ่งนำเสนอความก้าวหน้าของผลงานวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงสู่การพัฒนาประเทศในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “Research for All : เชื่อมต่ออนาคตไทยด้วยวิจัยและนวัตกรรม”

สำหรับเกษตรกรและผู้ที่ชื่นชอบอาชีพเกษตรห้ามพลาด นวัตกรรมเกษตรที่น่าทึ่งที่นำมาจัดแสดงในงานครั้งนี้ ได้แก่

1.เครื่องกลั่นน้ำสมุนไพรและน้ำมันหอมระเหยจากขมิ้นชัน ผลงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ภายใต้แนวคิด ”สุราษฎร์ธานีเมืองสมุนไพร ” ช่วยยกระดับอาชีพและรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกขมิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเขานาใน กลุ่มนางไพรเดิมขายขมิ้นได้กก.ละ 26-30 บาท หรือเฉลี่ย 30,000 บาท/ตัน หลังนำนวัตกรรมดังกล่าวไปใช้งาน สามารถเพิ่มรายได้มากกกว่า 1 แสนบาท จาก 3 ช่องทาง คือ ขายน้ำกลั่นขมิ้นชันมากกว่า 20,000 เดือน  ขายน้ำมันหอมระเหยได้มากกว่า 30,000 บาท และขายกากขมิ้น สำหรับเลี้ยงโคขุนได้ เดือนละ 500 -1,000 กก.ๆ ละ 10 บาท

2. นวัตกรรมอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องแบบลดต้นทุน ผลงานมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จาก วิกฤตอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิตสัตว์เคี้ยวเอื้อง ทั้งด้านปริมาณน้ำนม และคุณภาพเนื้อที่ลดลงส่งผลกระทบต่ออาชีพและรายได้ของเกษตรกร ทีมนักวิจัยจึงได้ศึกษาแนวทางผลิตอาหารสัตว์โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคือ มันสำปะหลัง เมล็ดยางพารา เศษใบอ้อย ต้นข้าวโพด ทางใบปาล์มน้ำมัน หมักด้วย EM สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มคุณภาพ เพิ่มรายได้20-30%

3.  เครื่องอบลดความชื้นเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกแบบเคลื่อนที่ ใช้ได้แม้ไม่มีไฟฟ้า ผลงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ใข้นวัตกรรมดังกล่าวนำร่องใน 7 ชุมชนอำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี  ทำงานโดยใช้พลังงานชีวมวล (เศษไม้กระถิน ไม้ยูคา ฯลฯ)เฉลี่ย 9กก./ชม.  ร่วมกับเครื่องดีเซลขนาดเล็ก (6ลิตร/การอบ 12 ชม.) ควบคุมอุณหภูมิที่ 45-50 เซลเซียส ลดความชื้นได้ต่อชั่วโมงเฉลี่ย 1.3% รักษาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ให้มีอัตราการงอกสูงกว่า 95 % ช่วยลดต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 20 %ต่อรอบการผลิต เพิ่มรายได้สุทธิ 10-14%ต่อครัวเรือน รายได้เพิ่ม 14,800-20,720 บาท/รอบ หากลงทุนใช้นวัตกรรมนี้ สามารถคืนทุนได้ภายใน 1.45 รอบเพาะปลูก

4.  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากสารสกัดดอกดาวเรือง ภายใต้ชื่อ DAORUNANG X เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมุ่งส่งเสริมเกษตรกรไทยหันมาปลูกดอกดาวเรืองแบบอินทรีย์มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างสินค้าอาหารเสริมที่มีมูลค่าสูง  และสามารถแข่งขันได้ในตลาดไทยและส่งออก เพื่อเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยต่อผู้ผลิต ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม


 5. ทศพันธุ์ข้าวไทย ผลงานกรมการข้าว นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าของพันธุ์ข้าวจำนวน 10 พันธุ์ ประกอบไปด้วย ข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว ข้าวญี่ปุ่น และข้าวสาลี เพื่อเป็นทางเลือก ให้เกษตรกรในการเลือกใช้พันธุ์ข้าวสำหรับปลูกแต่ละนิเวศน์ของการปลูกข้าวในประเทศไทย

6.  การวิจัยสารสกัดใบมะม่วงน้ำตอกไม้สู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง  ผลงาน ดร.ภญ.ปารภัทร โศภารักษ์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  (วิทยาเขตบางพลี) ได้ศึกษาวิจัยพัฒนาการสกัดสารสำคัญจากใบมะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ เบอร์ 4 จนได้สารสำคัญ mangiferin ปริมาณสูง และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียที่สามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้

7. การแปรรูปสร้างมูลค่า “ สมุนไพรข่า” ผลงาน  มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  (วิทยาเขตบางพลี)  ได้ศึกษาการเพิ่มมูลค่า “ สมุนไพรข่า ”ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในรูปแบบต่างๆ  เช่น   การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไล่แมลงจากสารสกัดข่าที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน เนื่องจากแมลงที่พบในบ้านเรือน ทำให้ผู้ถูกกัด ต่อย มีอาการเจ็บปวด หรืออาการแพ้อย่างรุนแรง หากใช้สารเคมีกำจัดแมลง เสี่ยงเกิดอันตรายจากสารเคมีตกค้างได้ จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงจากสมุนไพรข่าที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผลิตภัณฑ์สารสกัดจากสมุนไพรจีนและข่า มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนัง

8. เครื่องประดับรักษ์โลกจากใบอ้อยเหลือทิ้ง ผลงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม  เนื่องจากขยะเหลือทิ้งทางการเกษตร คือ  ขี้เถ้าใบอ้อย มีองค์ประกอบสำคัญสำคัญ คือ ซิลิกา และแคลเซียมออกไซด์ จึงได้นำขี้เถ้าใบอ้อยมาแปรรูปเป็นวัสดุแก้วที่มีสีสันหลากหลาย และนำมาเจียระไนเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องประดับที่มีศักยภาพในการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ งานวิจัยนี้ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่ขยะทางการเกษตร และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเผาใบอ้อยที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 ได้อีกทางหนึ่งด้วย

9.  มรดกจากนาค สู่ Soft power ของประเทศไทย ผลงาน มหาวิทยาลัยนครพนม มีเป้าหมายเพื่อยกระดับจังหวัดนครพนม สู่เส้นทางการท่องเที่ยวตามรอยพญานาค เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจBCG เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์เกลือ NAGA Sare Salt ผลิตจากแหล่งเกลือสินเธาว์บริสุทธิ์คุณภาพดีในท้องถิ่น รวมทั้ง สินค้าผ้าทอและผลิตภัณฑ์  ให้เป็นที่รู้จักในฐานะสินค้า OTOP ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

10. การเพิ่มมูลค่าเขากวางแข็งด้วยแนวทางสร้างงานหัตถศิลป์ ผลงาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง  เขากวางแข็ง (Deer Antler)เป็นสิ่งที่ได้จากการเลี้ยงกวางเพศผู้ ในทุก ๆ ปี หากไม่มีการตัดเขากวางอ่อนเขากวางของกวางตัวผู้จะกลายเป็นเขาแข็ง ในแต่ละปีกวางเพศผู้จะสร้างเขากวางแข็ง 1 คู่ ก่อนเข้าฤดูสืบพันธุ์ เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์และอาวุธในการบ่งบอกถึงความเป็นเพศผู้ เขากวางแข็งนี้จะหลุดเองตามธรรมชาติทุกปี

เกษตรกรสามารถนำเขากวางแข็งไปใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์ ต่อยอดให้ผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าเพิ่มเป็นสินค้าได้ เพราะงานหัตถศิลป์ท้องถิ่นของแต่ละจังหวัดเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่แล้ว เมื่อมีการบูรณาการบุคลากรช่างฝีมือประจำท้องถิ่น ที่สามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์ของศิลปะท้องถิ่นออกมาเป็นชิ้นงานโดยการประยุกต์ร่วมกับการใช้เขากวางแข็งเป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์งาน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรในที่นี้ คือ “เขากวางแข็ง” ถูกนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มมลค่าอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ทำให้มีการพัฒนาหัตถศิลป์เข้าสู่ยุคสมัยที่จะได้รับความนิยมตามพลวัตของสังคมมากยิ่งขึ้น

 11. การหมักผลิตภัณฑ์คอมบูชาน้ำตาลโตนดกับต้นอ่อนข้าวสาลี  ผลงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม  เนื่องจาก ในปัจจุบันเครื่องดื่มคอมบูชา (Kombucha) กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเพราะมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพเช่น การเสริมระบบย่อยอาหาร ต้านอนุมูลอิสระ และการเป็นโพรไบโอติกส์ สอดคล้องกับกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค   ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการการหมักผลิตภัณฑ์คอมบูชาน้ำตาลโตนดกับต้นอ่อนข้าวสาลี ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ศูนย์เรียนรู้ตาลโตนดบ้านห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)  โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นคือ น้ำตาลโตนด ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ มาใช้แทนน้ำตาลทรายแดง และเพิ่มต้นอ่อนข้าวสาลี ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีสรรพคุณต้านมะเร็ง เบาหวาน ลดความดัน และเลือกใช้ชาอู่หลงคุณภาพดีของไทย เป็นฐานในการหมัก จนได้ผลิตภัณฑ์คอมบูชา เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เป็นสินค้าใหม่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนของอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

12    งานหัตถกรรมสิ่งทอจากเส้นใยหญ้าแฝก  ผลงาน ผศ. ดร.ศรัณย์ จันทร์แก้ว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร   สืบสานศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเพิ่มมูลค่าให้กับหญ้าแฝก ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงในการอนุรักษ์กรัพยากรดินและน้ำ ทั้งมีความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม งานวิจัยนี้จึงมุ่งนำเส้นใยหญ้าแฝกมาใช้ในงานหัตถกรรมสิ่งทอ ร่วมกับเส้นใยฝ้ายที่มีคุณสบบัตินุ่มนวลและสามารถดูดชับความชื้นได้ดี ตอบสนองแบวโน้มการผลิตสินค้าที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการพึ่งพาวัสดุสังเคราะห์ในอุดสาหกรรมสิ่งทอ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เส้นใยหญ้าแฝกผสมเส้นใยฝ้าย คือ ความทนทานและความสะดวกสบาย สามารถใช้งานได้หลากหลายประเภท เช่น เสื้อผ้า กระเป๋าผ้า และของตกแต่งบ้าน เป็นต้น ผลการทดลองพบว่า เส้นใยหญ้าแฝกมีความแข็งแรงสูงและมีความชื้นต่ำจึงมีความทนทานต่อการใช้งานและการซักล้างหลายครั้ง ไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ การผสมเส้นใยหญ้าแฝกกับเส้นใยฝ้ายช่วยเพิ่มคุณสมบัติของผ้า ทำให้เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นและนุ่มนวลขึ้น ในขณะที่ยังคงความแข็งแรงเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน แถมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย  การใช้วัสดุธรรมชาติในผลิตภัณฑ์สิ่งทอนี้ ช่วยลดการพึ่งพาวัสดุสังเคราะห์ และเป็นการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ทีมวิจัยจึงได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีนี้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งทอพื้นถิ่น และสร้างความแตกต่างในตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างยั่งยืงยืน

ขอเชิญชวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป เข้าชมงานได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ https://researchexporegistration.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0-2579-1370-9 ต่อ 263, 264 และ 265 (ภาคการประชุม) หรือ 0-2579-1390 ต่อ 516 517 (ภาคนิทรรศการ)

Related Posts