เตรียมตัวให้พร้อม บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย ชวนสายชอป สายชิม มาร่วมเปิดประสบการณ์สุดพิเศษ ที่บูธ SPC ในงาน “สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บิ๊กช็อป บิ๊กโชว์”
ภายในงานปีนี้ SPC ยกขบวนสินค้ามามากมายให้เลือกสรร สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคที่ชอบชอปออนไลน์ ด้วยการเน้นจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง E-commerce พร้อมจัดเต็มกิจกรรมสนุกลุ้นรางวัลต่าง ๆ มากมาย และพลาดไม่ได้กับโปรโมชันสุดคุ้ม แบบจัดหนักจัดเต็ม เฉพาะในงานเท่านั้น

แล้วมา “ชอป ชิม สนุก” ให้ครบจบในงานเดียว เจอกันที่ บูธ SPC Hall 100 ในงาน “สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29” ตั้งแต่วันที่ 26-29 มิ.ย. 68 เวลา 10.00-21.00 น. ที่ ไบเทค บางนา
#SPCxSahaGroupFair2025
MOST POPULAR
1.ยางพารา ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยมีความเหมาะสมต่อการปลูกยางพารา ทำให้สามารถผลิตและส่งออกยางพาราได้ในปริมาณมากติดอันดับต้นๆ ของโลก แต่ยางพาราก็เป็นพืชที่มีความผันผวนของราคาค่อนข้างสูง ซึ่งก็มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา ดังนั้นถ้าเปรียบ ยางพารา เป็นหุ้น = “หุ้นปันผลรายวัน” ที่มีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ เกือบทุกวันถ้าฝนไม่ตก ราคาขึ้นลงเหมือนหุ้นวัฏจักรที่มีความผันผวนสูง มีรายได้น้อยแต่ถือต่อเนื่องกินปันผลยาวๆ 2.ปาล์มน้ำมัน เป็นพืชเศรษฐกิจของไทยที่มีความสำคัญด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน พืชปาล์มน้ำมันเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย และมีศักยภาพในการผลิตน้ำมันต่อพื้นที่สูง ต้นทุนการผลิตต่ำ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน อีกทั้งปาล์มน้ำมันยังมีผลพลอยได้ทุกส่วนจากการผลิตน้ำมันปาล์ม สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ทั้งยังเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติน้อย และสามารถผลิตในปริมาณมากเพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นถ้าเปรียบ ปาล์มน้ำมัน เป็นหุ้น = “หุ้นเติบโตมั่นคง” มีรายได้เดือนละ 2 ครั้ง มี
จากพนักงานบริษัท เดิมเป็นคนกรุงเทพฯ มองหาบ้านพักตากอากาศและอาชีพหลังเกษียณ เลยหาซื้อที่ 20-30 ไร่ ซึ่งเจ้าของเดิมทำเกษตรปลูกพืชเกษตรเชิงเดี่ยว และต้นไม้ก็ค่อยๆ ทรุดโทรมลง จึงหันมาเพิ่มมูลค่าที่ดินเก่า ควรปลูกไม้ยืนต้นอะไรที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในระยะเวลาสั้น โดยเริ่มจากความชอบของตัวเองจนกลายมาเป็นสวนเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน กลายเป็นอาชีพหลังเกษียณ คุณวรรณฤดี ช่วยเหลือ หรือ พี่แฟนต้า เจ้าของสวนเอเดน ตั้งอยู่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นสวนลูกผสมที่ไม่ได้ปลูกแค่ทุเรียนอย่างเดียว มีผลไม้ขึ้นชื่อของที่สวนจะเป็นทุเรียนและอะโวกาโด ออร์แกนิก จุดเริ่มต้นเดิมเป็นคนกรุงเทพฯ ทำงานกรุงเทพฯ ครอบครัวทำงานกรุงเทพฯ ลูกเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ มาเริ่มหาซื้อที่เป็นบ้านพักตากอากาศหลังเกษียณ จุดเริ่มต้นที่ปลูกทุเรียน มาจากความชอบ และแพ้ท้องชอบกินทุเรียนมาก จึงไปหาซื้อจากตลาดไท ด้วยความที่ชอบและกินเยอะมาก จนรู้สึกว่ามันร้อนไม่สบายตัว เลยหันมามองว่าถ้าปลูกแบบอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์น่าจะดีกับสุขภาพ เริ่มหาซื้อพันธุ์ คัดเลือกสายพันธุ์ทุเรียนจากต้นพันธุ์ที่ดีที่สุดจากปราจีนบุรีและนนทบุรีมาปลูก โดยเริ่มจ
ระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา มีงานพืชสวนก้าวหน้าครั้งที่ 15 (hortex 2018) ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ในงานมีนิทรรศการ การจำหน่ายผลผลิต ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร งานแสดงความก้าวหน้าทางด้านเครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งงานสัมมนาวิชาการ งานสัมมนาที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “สวน 100 ไร่ทำได้คนเดียว” วิทยากรประกอบด้วยชาวสวนชั้นนำของจังหวัดจันทบุรีได้แก่ คุณชนันท์ เขียวพันธุ์ คุณสุเทพ นพพันธ์ คุณภานุศักดิ์ สายพานิชและอาจารย์ปราโมช ร่วมสุข ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันทุเรียนไทย และเป็นประธานการจัดงานพืชสวนก้าวหน้า ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงานสัมมนาครั้งนี้ งานสัมมาสวน 100 ไร่ทำได้คนเดียว เป็นการพูดถึงทุเรียน เนื่องจากที่ผ่านมา ทุเรียนราคาดี คนหันมาปลูกกันมาก คุณชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า เนื่องจากทุเรียนราคาดี เกษตรกรส่วนหนึ่งที่ก้าวหน้ามากๆ ไม่ได้พูดถึงเงินล้าน แต่พูดถึงรายได้จากการทำสวนระดับ 10 ล้านกันแล้ว หัวข้อสัมมนา “สวน 100 ไร่ทำได้คนเดียว” ไม่ได้หมายความว่า สวนที่มีอยู่จำนวนมาก มีคนเก่งทำสวน 100 ไร่ได้เพียงคนเดียว แต่หัว
เสวียนนั้นมีมาแต่ก่อนเก่าแล้ว ร้อยกว่าปีก่อนมีคนเห็นเสวียนตามไร่ สวน เรือกนา ทั้งบนบ้านเรือนมาตลอด คนก่อนเก่าใช้ไม้ไผ่สานเป็นเสวียนน้อยใหญ่ใช้หลากประโยชน์ เรื่องสานไม้ไผ่นั้นทำกันเป็นทุกคน เพราะไม่ใช่เรื่องยาก ไม้ไผ่ก็หาเอาหัวไร่ปลายนา ว่างจากงานในไร่นา พ่อบ้านก็จะนั่งลงสานเสวียน เริ่มจากเหลาไม้ไผ่สดเป็นเส้นหนาๆ แล้วสานขึ้นลงเป็นตะแกรงง่ายๆ จะแน่นจะหลวมแล้วแต่ชอบ เมื่อได้เป็นแผ่นสูงสักศอก ก็จะเอาไปขดล้อมต้นไม้ วัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อเอาไว้เก็บเศษใบไม้ใบหญ้าที่จะใช้ทำปุ๋ย จากนั้นก็ไม่มีพิธีรีตองอะไร จับได้อะไรที่จะเป็นปุ๋ย หรือกวาดใบไม้เศษหญ้าทุกเช้าก็เอาเทลงในเสวียน ใบไม้ใบหญ้าจะไม่ฟุ้งกระจาย ดินทรายที่ปะปนไปก็จะค่อยไหลออกจากร่องไม้ไผ่สาน เหลือแต่ใบไม้ใบหญ้านอนในนั้น หมักเข้านานวันก็เป็นปุ๋ยโอชาให้ต้นไม้ จะขนย้ายจากเสวียนไหนไปใส่เสวียนไหนก็ได้ คนสมัยก่อนเขาทำกันแบบนี้ เขาไม่กวาดมากองไว้ลวกๆ เขาไม่เผา แล้วเสวียนไม้ไผ่นั้น ผุพังไปก็เป็นปุ๋ยอยู่ดี วิถีชีวิตนี้ทำกันมาเนิ่นนานในล้านนา หรือกระทั่งในภาคอื่นๆ บ้านไหนไม่ค่อยมีแรงงานที่จะประจงสานเสวียนได้ละเอียด ก็ใช้ไม้ตอกเป็นหลักเข้า แล้วเอา