“หนามพุงดอ” เป็นวัชพืชที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ป่าชายเลน หรือชายฝั่งทะเล เติบโตได้ดีในสภาพดินเค็ม ดินปนทราย หลายคนมองว่าเป็นวัชพืชตัวร้ายที่น่ารำคาญ เพราะหนามพุงดอ หรือที่บางคนเรียก หนามรอบข้อ เพราะบริเวณตรงข้อจะมีหนามคมมากโดยรอบ ซึ่งหนามแก่ ปลายยิ่งแหลมคม หากถูกทิ่มแทงจะปวดแสบมาก ต้องรีบบ่งหนามออก ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการอักเสบเป็นหนองได้
“ หนามพุงดอ” พืชทำเงินเมืองแม่กลอง
ขณะที่หลายคน ตัดสินใจกำจัดวัชพืชตัวนี้ทันทีที่พบเห็น แต่ชาวบ้านในพื้นที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามกลับมองว่า หนามพุงดอคือ ผักพื้นบ้าน เป็นพืชเศรษฐกิจทำเงิน โดยชาวบ้านนิยมเด็ดส่วนใบที่ปลายยอดที่มีหนามอ่อนนิ่ม นำไปขายในราคากิโลกรัมละ 200 บาท หนามพุงดอ สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นเมนูต้มกะทิใส่กุ้ง แกงส้มกุ้งหนามพุงดอ ยำยอดหนามพุงดอกุ้งสด ยอดหนามพุงดอผัดไข่ เมนูแกงคั่ว หรือนำผักไปต้มในน้ำเดือดเพื่อลดความขมและรสเฝื่อน เพื่อนำไปกินกับน้ำพริก ก็อร่อยไม่แพ้กัน เพราะหนามพุงดอมีรสชาติเหมือนกินผักหวาน

วิธีลดปวดแผล แก้พิษ “ หนามพุงดอ”
ข้อมูลจากมูลนิธิสุขภาพไทยระบุว่า หนามแหลมปลายแข็งของต้นหนามพุงดอ เป็นพิษ หากปักเนื้อใครเข้าจะเจ็บปวดมาก ถ้าไม่รีบถอนออกหนามจะยิ่งดูดฝังเข้าไปในเนื้อเกิดการอักเสบถาวร วิธีแก้เมื่อถอนหนามออกแล้ว ก็ใช้รากสดของต้นหนามพุงดอ ฝนกับเหล้าให้ออกสารข้นๆ แล้วทาลงที่แผล ลดปวดอักเสบได้ชะงัดนัก
คนสมัยก่อนจะใช้หนามพุงดอเป็นพืชสมุนไพรใช้ทาแก้คางทูมและเกลื่อนฝีอักเสบ ทาแก้เจ้าโลกของคุณชายฟกบวม แก้โรคผิวหนังเป็นตุ่มคัน แม้กระทั่งแผลฝีดาษก็เคยใช้รักษามาแล้วในอดีต นอกจากนี้ รสจืดเปรี้ยวนิดๆ ฤทธิ์เย็นอ่อนๆ ของน้ำฝนรากหนามพุงดอเข้มข้น ใช้รับประทานดับพิษไข้ตานซางในเด็กเล็ก กระทุ้งพิษไข้ และเป็นเครื่องยาตัวหนึ่งในตำรับสังข์วิไชย ที่ใช้แก้อาการเย็นจัดของโรคลมเปลี่ยวดำ และยังช่วยแก้โรคนอนไม่หลับกระสับกระส่ายได้ไม่แพ้กัญชา
โดยทั่วไปต้นหนามพุงดอถูกจัดเป็นวัชพืชอันตรายเพราะหนามรอบข้อของเขา และแพร่พันธุ์ได้รวดเร็ว ด้วยกองทัพเมล็ดนับพันที่เข้ายึดพื้นที่เสื่อมโทรมได้แม้กระทั่งพื้นที่ดินเค็มจัด แต่ความพิเศษของต้นหนามพุงดอก็คือไม่ดูดเก็บความเค็มไว้เหมือนต้นเหงือกปลาหมอ หรือชะคราม จึงเป็นผักโซเดียมต่ำ แถมในใบมีความมันของน้ำมันมัสตาร์ด ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเป็นอย่างดี เสน่ห์ของใบอ่อน หนามพุงดออุดมด้วยคลอโรฟิลล์ แม้ถูกต้มเดือดนานๆ ก็ยังคงความเขียวเข้มเหมือนมรกต

“ หนามพุงดอ” มีประโยชน์ด้านอาหารและสมุนไพร
ด้านสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า “หนามพุงดอ”เป็นพันธุ์ไม้ป่ากินได้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า 𝘈𝘻𝘪𝘮𝘢 𝘴𝘢𝘳𝘮𝘦𝘯𝘵𝘰𝘴𝘢 (Blume) Benth. & Hook.f. เป็นไม้พุ่มที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทย จัดอยู่ในวงศ์ Salvadoraceae มีชื่อเรียกหลากหลายตามท้องถิ่น เช่น ขี้แฮด (ภาคเหนือ), ปี๊ดเต๊าะ (เชียงใหม่) และ พุงดอม หรือ หนามพุงดอ (ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
หนามพุงดอเป็นไม้พุ่มที่มีกิ่งมักห้อยลง ความยาวประมาณ 2-4 เมตร โดดเด่นด้วยหนามแหลม 1-2 อันตามซอกใบ ซึ่งหนามเหล่านี้มีความยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีหูใบขนาดเล็ก 2 อัน รูปลิ่มแคบ ใบของหนามพุงดอจะเรียงตรงข้ามกัน มีลักษณะเป็นรูปรี รูปไข่กว้าง หรือกลม ความยาวประมาณ 2-6 เซนติเมตร ปลายใบแหลมหรือเป็นติ่งคล้ายหนามเล็กๆ ยาว 1-2 มิลลิเมตร แผ่นใบด้านบนมีลักษณะเป็นมันเงา ส่วนก้านใบยาวประมาณ 2-8 มิลลิเมตร

หนามพุงดอเป็นพืชแยกเพศต่างต้น ดอกมีสีเหลืองอมเขียว ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง ซึ่งสามารถยาวได้ถึง 25 เซนติเมตร ดอกเพศผู้เกือบไร้ก้าน ออกหนาแน่น มีกลีบเลี้ยงรูประฆัง 4 กลีบ และกลีบดอก 4 กลีบที่ยาวกว่ากลีบเลี้ยงเล็กน้อย เกสรเพศผู้มี 4 เกสร เรียงสลับกับกลีบดอกและยื่นพ้นกลีบดอกออกไป เมื่อติดผล ผลของหนามพุงดอจะเป็นผลสด รูปทรงกลม สีขาว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-6 มิลลิเมตร และมีเมล็ดอยู่ภายใน 1-3 เมล็ด
สรรพคุณและประโยชน์
หนามพุงดอไม่ได้เป็นเพียงไม้พุ่มประดับ แต่ยังมีประโยชน์มากมายทั้งในด้านอาหารและสมุนไพร
– ด้านอาหาร: ยอดอ่อนของหนามพุงดอเป็นที่นิยมนำมาลวกจิ้มกับน้ำพริก หรือนำไปประกอบอาหารอื่นๆ เช่น แกงเลียง ยำ หรือผัดน้ำมันหอย ผลสุกของหนามพุงดอเองรับประทานเป็นผลไม้ได้เช่นกัน

– ด้านสมุนไพร: หนามพุงดอมีสรรพคุณทางยามาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในส่วนของรากที่เชื่อกันว่าช่วยแก้พิษฝี พิษซาง แก้ประดงผื่นคัน และมีฤทธิ์กระทุ้งพิษร้อน ถอนพิษไข้ได้ นอกจากนี้ ใบและลำต้นของหนามพุงดอยังมีกลิ่นน้ำมันเมื่อนำมาขยี้ ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำมันมัสตาร์ด (glucosinolates) ที่มีอยู่ในใบ
หนามพุงดอจึงนับเป็นพืชป่าอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าและน่าสนใจ ด้วยความหลากหลายทั้งในด้านการนำมาบริโภคและการใช้เป็นยาสมุนไพรพื้นบ้าน.