เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นายสุมาตร อินทรมณี ประธานท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนคลองน้อย
อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี แจ้งว่า ได้มีต้นมะพร้าวที่มีลูกราคาแพง ที่บ้านนางรสสุคนธ์ เรืองจินดา อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ที่3 ต.คลองน้อย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จึงไปตรวจสอบพบลูกมะพร้าว มีลักษณะผลภายนอกเหมือนมะพร้าวทั่วไป แต่มีความแตกต่างที่เมื่อปลอกเปลือกมะพร้าวออกจะพบเป็นกะลามะพร้าวที่ไม่มีตาที่เรียกกันว่า กะลามหาอุตม์ ซึ่งเป็นมะพร้าวที่หายากและนิยมนำมาบูชาเป็นศิริมงคลและเป็นเครื่องรางของขลังแก่ผู้ครอบครองทำให้มีผู้หาซื้อในราคาแพง
นางรสสุคนธ์ กล่าวว่า ต้นมะพร้าวที่ออกลูกเป็นมะพร้าวมหาอุตม์มี 2 ต้นอยู่ในสวนมะพร้าวบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งได้ปลูกมาตั้งสมัยรุ่นบรรพบุรุษ มีอายุร่วม 100 ปี โดยครอบครัวได้ดูแลรักษาตลอดมา แต่ละปีต้นมะพร้าวทั้ง2ต้นจะออกลูกปีละ 30-40ลูก มีลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าเต็มทุกปีขายในราคาผลละ 4,500บาท และเริ่มออกลูกน้อยลง เนื่องจากต้นเริ่มสูงและมีอายุมากแล้ว ส่วนเวลาเก็บจะใช้ลิงขึ้นโดยทำพิธีขอขมาก่อนเพราะมีลำต้นสูงและเป็นต้นที่ต้องบูชาหากใช้คนขึ้นเกรงจะเกิดอันตราย
ผู้สื่ข่าวรายงานว่า สำหรับกะลาไม่มีตา หรือกะลามหาอุตม์ เป็นกะลาที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ จะไม่มีตาและไม่มีปาก สภาพผลอุดทึบตันทั้งลูก ซึ่งคนโบราณมีเชื่อกันว่าหากผู้ใดได้ครอบครองหรือมีไว้บูชาจะเป็นของดีมีคุณกว่ากะลาตาเดียว เช่นมหาอุดโชคลาภ และเรื่องป้องกันไฟไหม้
ด้านนายสุมาตร อินทรมณี ประธานท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนคลองน้อย กล่าวว่า ต้นมะพร้าวดังกล่าวเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของหมู่บ้านที่ยังคงมีความธรรมชาติสวยงามที่พยายามอนุรักษ์ไว้
ที่มา : มติชนออนไลน์
MOST POPULAR
“ มะม่วงขาวนิยม” หรือ “ น้ำดอกไม้มัน” เป็นผลไม้ทำเงินที่น่าสนใจ เกษตรกรจำนวนมากสนใจปลูกเป็นไม้ผลประจำสวน เพราะมะม่วงพันธุ์ปลูกดูแลง่าย มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนใคร คือ มีผลใหญ่ รูปทรงสวยงาม เนื้อแน่น เมล็ดบางลีบ ผลดิบจะมีรสชาติคล้ายเขียวเสวย หากรับประทานตอนสุก เนื้อมะม่วงจะมีรสชาติหวานนุ่ม ละมุนลิ้น คล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่มาของ “ มะม่วงขาวนิยม” “ มะม่วงขาวนิยม” เกิดจากการกลายพันธุ์จากการเพาะเมล็ดมะม่วงเขียวเสวย เมื่อ ปี พ.ศ. 2510 นายขาว น้อยรักษา ได้นำเมล็ดมะม่วงเขียวเสวยมาปลูกและบังเอิญมีต้นที่กลายพันธุ์ 1 ต้น ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ มีผลใหญ่ รูปทรงสวยงาม ผลดิบ มีรสชาติมัน หวานคล้ายมะม่วงเขียวเสวย ส่วนผลสุกรสชาติหวานหอม เนื้อแน่น เมล็ดแบนลีบคล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้ นายขาวจึงตั้งชื่อว่า “มะม่วงน้ำดอกไม้มัน” หลังจากได้มะม่วงพันธุ์นี้มาแล้ว นายขาวได้บำรุงดูแลรักษาเป็นอย่างดี จนมีความมั่นใจว่าสายพันธุ์นิ่งดีแล้วจึงทำการขยายพันธุ์ โดยปลูกในพื้นที่สวนของครอบครัวน้อยรักษาในพื้นที่ เขตบางบอน และเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เมื่อมีผลผลิตออกมานายขาวได้ส่งขายให้กับแม่ค้าปรากฏว่าได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีมาก
ความต้องการบริโภค “มะละกอ” ของคนไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มมะละกอดิบ เพื่อนำมาใช้ทำส้มตำ อาหารยอดนิยมของคนไทยทุกภาค ส่วนมะละกอเพื่อการบริโภคสุก เป็นผลไม้ที่ทรงคุณค่าชนิดหนึ่ง และมีราคาไม่แพงนัก มะละกอ จัดเป็นไม้ผลที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย แต่ก่อนการเริ่มต้นของการปลูกมะละกอนั้น ก็จะต้องเริ่มจากการเพาะกล้ามะละกอเสียก่อน คุณทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ เจ้าของ “สวนคุณลี” อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร ได้นำประสบการณ์ ที่นักวิชาการแนะนำหรือจากที่นำไปปฏิบัติเองในการเพาะเมล็ดมะละกอมานำเสนอให้ผู้ที่สนใจนำไปใช้เป็นแนวทางในเรื่องของการเพาะกล้า เนื่องจากมะละกอทุกสายพันธุ์ใช้วิธีการเพาะกล้าเหมือนกัน สำหรับเคล็ดลับการเพาะเมล็ดมะละกอให้งอกดีและสม่ำเสมอ รศ.ดร. กวิศร์ วานิชกุล ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า “การเพาะเมล็ดมะละกอให้งอกดีสม่ำเสมอนั้น ให้นำเมล็ดมะละกอแช่น้ำ 1-2 วัน โดยในช่วงวันแรกให้เปลี่ยนน้ำอย่างน้อย วันละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นให้เปลี่ยนน้ำถี่ขึ้น เนื่องจากเมล็ดมะละกอมีการหายใจมากขึ้น ทำให้ออกซิเจนในน้ำเหลือน้อยลง หากแช่น้ำแล้วไม่เปลี่ยนน้ำเลย ก็จะเหลือออกซิเจนในน้ำน้อย เมล็ดมะละกอนั้นก็จะเกิ
“หนามพุงดอ” เป็นวัชพืชที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ป่าชายเลน หรือชายฝั่งทะเล เติบโตได้ดีในสภาพดินเค็ม ดินปนทราย หลายคนมองว่าเป็นวัชพืชตัวร้ายที่น่ารำคาญ เพราะหนามพุงดอ หรือที่บางคนเรียก หนามรอบข้อ เพราะบริเวณตรงข้อจะมีหนามคมมากโดยรอบ ซึ่งหนามแก่ ปลายยิ่งแหลมคม หากถูกทิ่มแทงจะปวดแสบมาก ต้องรีบบ่งหนามออก ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการอักเสบเป็นหนองได้ “ หนามพุงดอ” พืชทำเงินเมืองแม่กลอง ขณะที่หลายคน ตัดสินใจกำจัดวัชพืชตัวนี้ทันทีที่พบเห็น แต่ชาวบ้านในพื้นที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามกลับมองว่า หนามพุงดอคือ ผักพื้นบ้าน เป็นพืชเศรษฐกิจทำเงิน โดยชาวบ้านนิยมเด็ดส่วนใบที่ปลายยอดที่มีหนามอ่อนนิ่ม นำไปขายในราคากิโลกรัมละ 200 บาท หนามพุงดอ สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูไม่ว่าจะเป็นเมนูต้มกะทิใส่กุ้ง แกงส้มกุ้งหนามพุงดอ ยำยอดหนามพุงดอกุ้งสด ยอดหนามพุงดอผัดไข่ เมนูแกงคั่ว หรือนำผักไปต้มในน้ำเดือดเพื่อลดความขมและรสเฝื่อน เพื่อนำไปกินกับน้ำพริก ก็อร่อยไม่แพ้กัน เพราะหนามพุงดอมีรสชาติเหมือนกินผักหวาน วิธีลดปวดแผล แก้พิษ “ หนามพุงดอ” ข้อมูลจากมูลนิธิสุขภาพไทยระบุว่า หนามแหลมปลายแข็งของต้นหนามพุงด
“วัชพืช” หรือพืชที่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติในไร่และสวน อาทิ ผักยาง ผักโขม หญ้าตีนนก หญ้าแพรก และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าพืชเหล่านี้ล้วนแล้วไม่เป็นที่ต้องการ และจำเป็นต้องกำจัดทิ้งเสียทุกครั้งที่มันขึ้นมากวนใจ แต่ก่อนที่จะกำจัดวัชพืชเหล่านี้ทิ้งไป เทคโนโลยีชาวบ้านชวนมาดู 5 วัชพืชที่สามารถเก็บมารับประทานได้ แถมยังเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณนานัปการ 1.ส้มกบ ส้มกบคือวัชพืชขนาด 2-3 นิ้ว มักเลื้อยปกคลุมหน้าดิน ลักษณะใบเป็นรูปหัวใจ โดยมีสรรพคุณในการให้สารอาหารอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กรดมาลิก กรดซิตริก แคลเซียม วิตามินซี และแคโรทีน ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคนอนไม่หลับ แก้อาการหวัด และรักษาโรคดีซ่าน วิธีรับประทาน ใบของส้มกบนั้นจะให้รสเปรี้ยว หวาน และเค็ม จึงสามารถนำมาใช้แทนน้ำมะขามเปียกในเมนูต่างๆ ได้ หรือจะนำใบอ่อนและยอดอ่อนมาปรุงอาหารก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่ควรรับประทานต่อเนื่อง เนื่องจากกรดออกซาลิกที่อยู่บริเวณใบของต้นส้มกบอาจสร้างพิษให้กับร่างกาย เมื่อบริโภคได้ปริมาณมากหรือติดต่อกันหลายวัน 2.วอเตอร์เครส วอเตอร์เครส หรือชื่อที่คุ้นหูอย่างสลัดน้ำ เป็นพืชใบเขียวในตระกู