เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
News

กรมส่งเสริมสหกรณ์ หนุนสมาชิกสหกรณ์ในพื้นที่โครงการบางระกำโมเดล ปลูกข้าว “พันธุ์ กข 43” เจาะตลาดข้าวสำหรับคนรักสุขภาพ

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ติดตามผลการขับเคลื่อนโครงการบางระกำโมเดล ใช้กลไกสหกรณ์เข้ามาบริหารจัดการผลผลิตข้าวในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมทั้งหารือกับสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ถึงแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรสมาชิกปลูกข้าวพันธุ์ กข 43 ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อเจาะตลาดข้าวสำหรับคนรักสุขภาพ

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการบางระกำโมเดล ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 4  อำเภอในจังหวัดพิษณุโลก รวม 179,157 ไร่ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้วางแผนบริหารจัดการผลผลิตข้าวในพื้นที่ดังกล่าว โดยปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าวในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำให้เร็วขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำ และส่งเสริมให้เกษตรกรเริ่มเพาะปลูกข้าวในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี  สำหรับพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรนิยมใช้ทำการเพาะปลูก ได้แก่ พันธุ์พิษณุโลก 2, กข.61, กข.41 และ กข 49 เป็นข้าวอายุสั้นเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และให้ผลผลิตดี  ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อถึงช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกัน   ในปริมาณมาก จึงส่งผลทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ เกิดผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกร

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้วางแผนในการจัดการผลผลิตข้าวในพื้นที่บางระกำโมเดล โดยการรวบรวมและกระจายผลผลิตข้าวสู่ตลาดผ่านกลไกสหกรณ์ในพื้นที่ พร้อมทั้งร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ จัดทำแผนการตลาดนำการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งในปีนี้ ได้เริ่มดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรนาแปลงใหญ่ปลูกข้าวสายพันธุ์ กข 43 ซึ่งเป็นข้าวที่มีน้ำตาลน้อย เหมาะสำหรับผู้ต้องการลดน้ำหนักและป่วยเป็นเบาหวาน และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ  ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการของตลาด  ดังนั้น หากมีการขยายผลเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกข้าวสายพันธุ์ กข 43 ในเขตพื้นที่บางระกำโมเดล โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มทำการเพาะปลูก  จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มอบหมายให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลกร่วมกับสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด และสหกรณ์การเกษตรนิคมบางระกำ จำกัด  ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรสมาชิกในเขตพื้นที่บางระกำโมเดล ให้รับรู้ถึงประโยชน์และวิธีการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวจากสายพันธุ์เดิมมาเป็นพันธุ์ข้าว กข 43 เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรว่า มีตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอนและได้รับราคาที่เหมาะสม จากนั้นจะคัดเลือกเกษตรกรที่สนใจมาเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตข้าวคุณภาพตามมาตรฐาน GAP โดยสหกรณ์ฯ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการแปลงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    เพื่อดูแลบริหารจัดการพื้นที่การเพาะปลูกข้าวในทุกกิจกรรม ตั้งแต่การจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากกรมการข้าวมาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรสมาชิก ดูแลขั้นตอนการผลิต การควบคุมคุณภาพผลผลิตและการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพมาตรฐาน ผ่านการตรวจรับรองแหล่งผลิตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ระบบ QR Trace ซึ่งผู้บริโภคสามารถสแกน QR Code เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของแหล่งผลิตข้าวได้ และในทุกขั้นตอนของการผลิตข้าวจะถูกบันทึกลงในทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกทุกราย  เมื่อถึงช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต สหกรณ์จะดำเนินการรวบรวมผลผลิตข้าว จากเกษตรกร โดยประสานงานเพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ในการจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิตข้าวผ่านสหกรณ์ ต่อไป

ด้านนายสมศักดิ์  แสนศิริ  สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก  กล่าวว่า  สำหรับการดำเนินการที่ผ่านมา สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ได้ดำเนินการรวบรวมผลผลิตข้าวเปลือกจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปที่อยู่ในพื้นที่โครงการบางระกำโมเดล  ปริมาณ 19,862 ตัน  คิดเป็นมูลค่า 125,820,612 บาท โดยสหกรณ์รับซื้อในราคานำตลาด เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำและเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งด้

Related Posts