พืชทำเงิน
ในเรื่องของการส่งออกข้าวจำหน่ายตลาดต่างประเทศ ไทยยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 2 ของโลก เท่ากับปริมาณการส่งออกของเวียดนามที่ 7.5 ล้านตันเช่นกัน และอินเดียยังคงเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกที่ปริมาณ 16.5 ล้านตัน จึงเป็นความเสี่ยงของไทยที่จะต้องรักษาอันดับ การเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลก นอกจากนี้ เวียดนามยังมีโอกาสที่จะส่งออกข้าวแซงไทยที่เป็นไปได้สูง เพราะเริ่มเห็นตัวเลขการส่งออกข้าวเวียดนามเพิ่มขึ้น จากปกติการส่งออกเฉลี่ยเพียง 6 ล้านตันต่อปีเท่านั้น แต่เห็นชัดเจนขึ้นจากปี 2566 เวียดนามสามารถส่งออกได้ถึง 8.1 ล้านตัน และประมาณต้นปี 2567 เวียดนามสามารถประมูลข้าวจากอินโดนีเซียได้ถึง 4 แสนตัน จากการประมูลทั้งสิ้น 5 แสนตัน ส่วนที่เหลือเป็นของปากีสถานและเมียนมา ส่วนประเทศไทยไม่ได้เพราะราคาข้าวแพงกว่า ข้าวคาร์บอนต่ำ ทางรอดของเกษตรไทย นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวของผู้ผลิตและผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันการผลิตและการค้าขายทางภาคการเกษตรข
ผักกรอบไม่ง้อเคมี! ด้วย “สูตรน้ำหมักถั่วเหลือง” ฮอร์โมนถั่วเหลือง จะช่วยเร่งต้น เร่งใบ ทำให้ผักอ่อนกรอบ ลำต้นไม่แคระแกร็น ผักสมบูรณ์แข็งแรง และช่วยบำรุงดิน ทำให้ดินดี มีธาตุอาหารมากขึ้น 🔴วัตถุดิบ ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม (ที่ใช้ทำน้ำเต้าหู้) ผงกลูโคส 1 กระป๋อง (ปริมาณ 400 กรัม) น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม โยเกิร์ต (รสธรรมชาติ) 2 ถ้วย หรือ ยาคูลท์ 2 ขวด น้ำส้มสายชู 1/2 ขวด (ขนาดขวดน้ำปลา) มะพร้าว 4 ลูก กลูโคส 400 กรัม น้ำเปล่า 8 ลิตร 🪴ขั้นตอนการทำ ล้างถั่วเหลืองด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด นำไปแช่ในน้ำอุ่นทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นเทน้ำทิ้งแล้วล้างให้สะอาดอีกครั้ง นำถั่วเหลืองที่ล้างแล้วผสมกับน้ำสะอาด 8 ลิตรปั่นให้ละเอียด กรองกากถั่วเหลืองครั้งแรกด้วยกระชอน แล้วกรองซ้ำอีกครั้งด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นเทใส่ถังที่เตรียมไว้ ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดตามลงไปในถัง คนให้ส่วนผสมเข้ากันแล้วปิดฝา หมักทิ้งไว้ 1 เดือน 🍀วิธีใช้ ผสมน้ำหมักถั่วเหลือง 2-3 ช้อนลงในน้ำเปล่าประมาณ 5 ลิตร ใช้รดผักสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ช่วยให้ผักเติบโตได้ดี ลำต้นแข็งแรง และทำให้ผักกรอบอร่อย ✨เคล็ดลับ หากใช้ยาคูลท์หมักทิ้งไว้ 1 เดือน หากใ
คุณวรเชษฐ์ วังพลากร เจ้าของสวนวังพลากร อยู่ที่ตำบลรวมไทย อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอะโวคาโดคนหนึ่งของเมืองไทย คุณวรเชษฐ์ อธิบายถึงอะโวคาโดสายพันธุ์พบพระ08 ว่า เป็นพันธุ์พื้นเมือง ที่คัดแล้วว่า 1. ทนต่อโรค โดยเฉพาะโรคไฟทอปทอร่า หรือโรคใบไหม้ ซึ่งเป็นเชื้อราที่ทำลายตั้งแต่ยอดลงระบบราก แล้วทำให้รากเน่า โคนเน่า 2. ให้ผลผลิตสูง 3. เนื้อคุณภาพดี เนื้อเหนียวแห้งไม่ฉ่ำน้ำเหมือนพันธุ์พื้นเมืองทั่วๆ ไป มีกลิ่นหอมของอะโวคาโดชัดเจน ผลสุกดูง่าย จากผลสีเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ 4. เป็นพันธุ์เบา มีระยะเวลาเลี้ยงลูกที่สั้นกว่า และเริ่มให้ผลผลิตได้เร็วกว่าพันธุ์หนัก พันธุ์เบาจึงมีเวลาฟื้นฟูสภาพต้นได้มากกว่า 5. ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI เรียบร้อยแล้ว ตอบโจทย์สำหรับการปลูกเพื่อสร้างรายได้ การปลูก สำหรับการปลูกและการดูแลอะโวคาโดพบพระ08 จะคล้ายกับสายพันธุ์ทั่วไป เหมาะกับการปลูกในพื้นที่ดินร่วน ทำให้เกิดโรคน้อย และใช้น้ำน้อยเมื่อเทียบกับผลไม้ตัวอื่นๆ มีความทนทานต่อสภาพอากาศ ต้านทานโรค ผลผลิตดก ต้นอายุ 5 ปีขึ้นไป ให้ผลผลิตถึง 300 กิโลกรัมต่อต้น “ตอนนี้เกษตรกรในพื้นที่หลายสวนเริ่มตัดสายพั
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ภัยแล้ง” เป็นปัญหาทางธรรมชาติที่เกษตรกรหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากเมืองไทยของเรามักมีปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตรบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน จะทำอย่างไรดีเพื่อให้ยังคงเพิ่มผลผลิตมีรายได้เลี้ยงชีพต่อไป เป็นสิ่งที่ต้องมองหาแนวทางอย่างถูกต้อง เพื่อรู้จักกับปัญหาดังกล่าวรวมถึงเข้าใจวิธีแก้ไข ทำความรู้จัก “ภัยแล้ง” คืออะไร? ต้องอธิบายว่าภัยแล้งคือ ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นทางธรรมชาติจากภัยทางอากาศและพื้นดิน ที่เราไม่สามารถควบคุมหรือคาดเดาได้ เมื่อฝนที่ควรตกลงมาให้ความชุ่มชื้นกลับไม่เป็นไปตามฤดูกาล หรือตกลงมาน้อยกว่าปกติ พื้นดินจึงเกิดความแห้งแล้ง ส่งผลกระทบต่อผู้คน เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะภาคเกษตรกร ประเทศไทยเราพบได้บ่อยในภาคอีสาน หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะเกิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน ทั้งความชื้นในอากาศ ความชื้นในดิน ระยะเวลาที่แห้งแล้ง ขนาดของพื้นดินที่แห้งแล้ง เป็นต้น อย่างไรแล้ว ภัยแล้งเกิดขึ้นได้ทั้งทางธรรมชาติ อย่างที่บอกคือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป อุณหภูมิโลก ระดับน้ำทะเล ภัยทางธรรมชาติ อย่างฝนไม่ตก
“ผักเป็นยา” เป็นแนวคิดที่เชื่อว่าผักสามารถนำมาใช้ในการบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่างๆ ได้ เนื่องจากผักมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งมีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ เทคโนโลยีชาวบ้านจึงได้รวบรวมพืชสมุนไพร ผักกินได้ ใกล้ตัว ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกายกว่า 10 ชนิดมาฝาก อันดับ 1 ขิง สมุนไพรที่ใช้ทำอาหาร และมีสรรพคุณในการรักษาโรค ซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และช่วยบรรเทาอาการไมเกรนลดความเจ็บปวดจากการปวดหัวได้ อันดับ 2 กระสัง พืชมนต์ขลัง ยาดีไม่มีลืมเลือน ผักที่เป็นอาหารและเป็นยา มีประโยชน์และคุณค่าทางอาหารช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ใช้เป็นยาสมุนไพรนำใบมาต้ม ใช้ล้างหน้ารักษาสิว และทำให้ผิวหน้าใส อันดับ 3 หูเสือ สมุนไพรประจำบ้าน ช่วยแก้หวัด ซึ่งเป็นพืชผักสมุนไพรมาใช้รักษาบรรเทาอาการไอ แก้หวัดคัดจมูกได้อย่างยอดเยี่ยม อันดับ 4 ตดหมู ตดหมา(พาโหม) สมุนไพรที่ใช้ลดน้ำตาล-ไขมันในเลือด ทั้งยาบำรุงที่ดี เป็นยาอายุวัฒนะ โดยเชื่อว่าการรับประทานเป็นประจำ สามารถเพิ่มกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยทำให้กระดูกที่หักติดกันง่าย ช่วยทำให้สีผิวเงางาม ช่วยกำจัดพ
หน่อไม้ฝรั่ง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและปลูกได้ดีในประเทศไทย ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ และปริมาณความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเกษตรกรในหลายพื้นที่ปลูกเป็นอาชีพที่ทำเงิน พร้อมทั้งปลูกแบบอินทรีย์ นอกจากเป็นการผลิตที่มีความปลอดภัยแก่เกษตรกรเองแล้ว การปลูกในระบบอินทรีย์ยังช่วยให้ผลผลิตจำหน่ายได้ในราคาที่สูงตามไปด้วย คุณสันติภาพ จุลิวัลลี หรือ คุณอิ๊ เป็นเกษตรกรที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่งในระบบอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ในช่วงแรกยังไม่ได้เน้นในเรื่องของการทำแบบอินทรีย์มากนัก ต่อมาเมื่อรับรู้ถึงความต้องการของตลาดจึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนการปลูกหน่อไม้ฝรั่งให้เป็นระบบอินทรีย์อย่างเต็มตัว นอกจากได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพส่งจำหน่ายให้กับตลาดแล้ว ยังส่งต่อองค์ความรู้ให้กับเพื่อนเกษตรกรท่านอื่นๆ จนเกิดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งรวมกันผลิตหน่อไม้ฝรั่งที่มีคุณภาพส่งสินค้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จากหนุ่มออฟฟิศ ผันตัวเป็นเกษตรกร ต่อยอดธุรกิจเกษตร ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ คุณอิ๊ เล่าให้ฟังว่า ในช่วงแรกทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ ซึ่งในระหว่างนั้นเกิดความคิดอยู่เสมอว่าอยากทำการเกษตรก่อนที่จะมีอายุ 30 ปี ต่อมา
หลายปีที่ผ่านมา คนรุ่นใหม่จำนวนมากเลือกเดินออกจากธุรกิจเกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม เนื่องจากมองเป็นงานหนัก บางคนมองว่าไม่เท่ รวมถึงบางคนมองว่าเป็นงานยากในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่สำหรับ นิ้ง-สิริยากร บัณฑิตป้ายแดง เจ้าของแบรนด์ทุเรียน “ลูกสาวกำนัน” จ.จันทบุรี เลือกยืนหยัดกลับมาสานต่อธุรกิจสวนทุเรียนของครอบครัว กลายเป็น New Gen ยุวเกษตรกร ที่มุ่งมั่นให้ธุรกิจเกษตรเติบโตอย่างมีนวัตกรรม นิ้งเล่าว่า เดิมเป็นเด็กที่ชื่นชอบงานด้านวิชาการ จุดเปลี่ยนสำคัญคือ ช่วง ม.6 คุณพ่อไปเห็นทุนการศึกษา ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตร และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) เพื่อเข้าศึกษาต่อคณะเกษตรนวัตและการจัดการ (IAM) คณะที่ช่วยให้เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ สร้างรายได้สูง “ตอนแรกเคยตั้งคำถามว่า ถ้าเรียนด้านเกษตรกรรมเฉยๆ จะไหวหรือไม่ แต่ที่บ้านบอกเราชัดเจนว่า ไม่ได้อยากให้เรากลับมาเพื่อทำสวน แต่อยากให้มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม—” “—ทางคณะให้เราเรียนรู้ด้านเกษตรควบคู่กับธุรกิจ ไม่ใช่เรียนแค่ทฤษฎี แต่ให้เราได้เข้าสู่ภาคปฏิบัติจริงๆ ตลอด 4 ปี ทั้งการฝึกงานที่สวนทุเรียนในจังหวัดอื่น การฝึกงานเป็
สมัยก่อน “กระจับเขาควาย” เป็นวัชพืชเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นพืชที่สามารถสร้างรายได้ให้ไม่น้อย ใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวเพียงแค่ 4 เดือนก็ได้ผลผลิตจำหน่าย สามารถเก็บขายได้ 2-3 รอบเลยทีเดียว กระจับเป็นพืชน้ำล้มลุกอายุหลายฤดู มีอยู่ทั่วไป ลักษณะเป็นกอลอยน้ำ ชอบน้ำนิ่ง มีรากหยั่งยึดดินและมีไหล ใบเดี่ยวมี 2 แบบ ใบที่ลอยน้ำมีก้านยาว อวบน้ำและพองเป็นกระเปาะตรงกลาง ทำให้ลอยน้ำได้ดี แผ่นใบมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนหรือรูปพัด ใบจะเรียงรอบลำต้นเวียนเป็นเกลียวถี่ๆ ทำให้ดูเหมือนใบแผ่เป็นวงรอบต้น ใบอีกแบบหนึ่งอยู่ในน้ำ เป็นเส้นฝอยๆ คล้ายราก ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีขาว ออกที่โคนก้านใบ มีกลีบดอก 4 กลีบ บานอยู่เหนือน้ำ เมื่อติดผลแล้วก้านดอกจะงอกลับลงน้ำและผลจะเจริญอยู่ใต้น้ำ ผลอ่อนสีม่วงอมแดงจะเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อแก่ ส่วนที่เป็นเขาโค้ง 2 ข้าง เจริญมาจากกลีบเลี้ยง ผลหรือฝักกระจับมีสีดำขนาดใหญ่ เปลือกหนาแข็งงอโค้งคล้ายเขาควาย เมื่อกะเทาะเปลือกนอกที่แข็งออก จะได้เนื้อในสีขาว มีแป้งมาก สำหรับประโยชน์ของกระจับมีมากมาย ซึ่งส่วนมากและการใช้ประโยชน์จากกระจับจะนิยมนำฝักกระจับ มากิน เนื้อของฝักกระจับสามาร
ช่วงหน้าฝนเป็นปัญหาใหญ่ที่จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายได้ โดยเฉพาะการปลูกพืชผักทั้งการค้าและรอบบ้าน กรมส่งเสริมการเกษตรได้แนะนำให้เกษตรกรวางแผนการปลูกและรักษาพืชผัก เนื่องจากในช่วงฤดูฝนมีปริมาณน้ำมากและความชื้นในอากาศสูง อาจทำให้ผลผลิตเสียหายได้ หากเกษตรกรวางแผนการผลิตและดูแลรักษาไม่ดี ขอแนะนำ 7 เทคนิคการปลูกพืชผักให้เหมาะกับช่วงฤดูฝน ดังนี้ 1. เลือกชนิดพืชผักที่เหมาะสมสำหรับปลูกในฤดูฝน ได้แก่ ผักที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นจำพวกผักใบ เช่น กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น คะน้า ผักเถาเลื้อย เช่น ตำลึง ถั่วลันเตา แฟง มะระ ผักยืนต้น เช่น ชะอม พริก มะเขือ เป็นต้น 2. เมล็ดพันธุ์ควรใช้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ และเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อราที่ติดมากับเมล็ดควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น ประมาณ 50 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที 3. การเตรียมแปลงในฤดูฝนดินมีการอุ้มน้ำมาก จะทำให้ขาดอากาศและตายในที่สุด ดังนั้น พืชผักที่มีรากไม่ลึกมาก ควรยกแปลงให้สูงไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักมากกว่าเดิม เพื่อลดความเป็นกรดของดิน 4. การจัดการแปลงหาวัสดุคลุมแปลง เพื่อป้องกันเม็ดฝนที่ส
คนไทยกับต้นกล้วยเป็นความผูกพันมาช้านาน แม้วันนี้เราจะใช้ใบตองกล้วยน้อยลง หรือเลิกใช้เชือกกล้วยไปแล้วก็ตาม แต่ประเพณีชีวิตคนไทยกับต้นกล้วยยังแยกกันไม่ได้ ไม่ว่าพิธีขึ้นบ้านใหม่ หรือขบวนแห่ขันหมากแต่งงานก็จะขาดต้นกล้วยไม่ได้ ไปจนถึงพระราชพิธีพระบรมศพก็ยังมีการแทงหยวกกล้วยเป็นลวดลายประกอบพระเมรุ ที่สำคัญคือ เครื่องบายศรีใหญ่น้อยทั้งหลายที่ใช้ในพิธีศักดิ์สิทธิ์ล้วนทำมาจากใบตองที่นำมารีดเป็นกลีบเป็นกรวยสวยงาม อันเป็นที่มาของคำสำคัญที่ผูกพันชีวิตคนไทยกับต้นกล้วยว่า “พิธีรีตอง” ข้างต้นเป็นเรื่องของกล้วยกับประเพณีไทย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการ “กินกล้วยเป็นอาหารและยา” ซึ่งดำรงอยู่ในวัฒนธรรมโภชนาการและแพทย์พื้นบ้านไทยมาแต่โบร่ำโบราณไม่ขาดสายมาจนถึงทุกวันนี้ คนไทยรู้จักกินกล้วยหลายชนิด แต่ที่ฮิตที่สุดก็คือ “กล้วยน้ำว้า” นอกเหนือจากประโยชน์ทางด้านอาหารแล้ว กล้วยยังมีคุณค่าอนันต์ในทางยา หมอพื้นบ้านใช้ใบตองอ่อนที่ยังม้วนอยู่ นำมาอังไฟสำหรับประคบรักษาอาการปวดหน้าอก อาการอักเสบพุพองของผิวหนัง หรือนำมาต้มน้ำดื่มแก้ท้องเสีย บิด แก้ผื่นคัน สมัยที่ยาเพนิซิลินหายาก น้ำคั้นสดจากหยวกกล้วยช่วยเยียวยาโรคหนองใน