Exclusive
เพราะรักและผูกพันกับการเกษตร จึงมีแนวคิดอยากแปรรูปผลผลิต อย่าง ‘ถั่วเขียว’ วัตถุดิบสารพัดประโยชน์ที่มักถูกมองข้าม จากกระบวนการแปรรูปที่ซับซ้อนและยุ่งยาก แต่ด้วยความมุ่งมั่น บวกกับองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเกษตรที่ได้เรียนมา ทำให้ คุณอ๊บ-ทรรศิน อินทานนท์ เริ่มต้นแปรรูปเมล็ดถั่วเขียวธรรมดาๆ ให้กลายเป็น ‘เฟรนช์ฟรายด์ถั่วเขียว’ เจ้าแรกของโลก ภายใต้แบรนด์ ZENFRY เอสเอ็มอีตัวเล็กๆ จาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่เพิ่มมูลค่าพืชบ้านๆ ได้ถึง 10 เท่า และกำลังเดินทางสู่ระดับ Global ด้วยการสร้างมาตรฐานที่ถูกต้อง เริ่มต้นจาก SMEs ตัวเล็กๆ หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย คุณอ๊บเริ่มต้นชีวิตมนุษย์เงินเดือนในแวดวงอาหารและการตลาดในบริษัทเอกชนมานานนับสิบปี ก่อนตัดสินใจลาออกมาสู่เส้นทางการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรตามแนวคิดที่ตั้งใจไว้ โดยใช้เงินเก็บหนึ่งก้อนที่เก็บสะสมจากการทำงาน มาซื้อที่ดินผืนเล็ก เปิดโรงงาน ที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี แปรรูปสับปะรดกวน และเผือกกวน เป็นโปรดักต์แรกเริ่ม จากนั้นได้จุดประกายไอเดียทำเฟรนช์ฟรายด์ถั่วเขียว จาก ข้าวแรมฟืน อาหารพื้นเมืองจากภาคเหนือ ที่ใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถ
“กาแฟมันเป็นเสมือนจุดเชื่อมโยงของผู้คน มันเป็นความสบายใจ” เขากล่าว ท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตประจำวัน หลายคนคงโหยหาพื้นที่เล็กๆ ที่มอบความอบอุ่นและสบายใจ findgoodmorning.coffee ร้านกาแฟบนรถตู้สีขาวของ คุณชาลี-เมธาพัฒน์ วิสิฐเกษมหิรัญ หนุ่มวัย 30 ปี คือพื้นที่ที่ว่านั้น เรื่องราวของ findgoodmorning.coffee เริ่มต้นจากความฝันเล็กๆ ที่อยากจะสร้างร้านกาแฟที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ขายกาแฟ แต่เป็นพื้นที่ที่ผู้คนสามารถมาพักผ่อน พูดคุย และเติมพลังบวกให้กับชีวิตได้ เกือบหมดไฟ แต่ไม่หมดฝัน สานต่อให้ก่อเกิด เล่าย้อนไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว เป็นช่วงโควิค เขาทำงานอยู่ที่ภูเก็ต และมักจะทำงานในช่วงกลางคืน ด้วยสถานการณ์ในช่วงนั้น ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อต้องปิดในเวลากลางคืน ทำให้หากาแฟกินได้ยาก เลยลองซื้อชุดทำกาแฟไว้ทำกินเอง เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ศึกษาว่าแต่ละเมนูทำอย่างไร เมื่อได้ชุดทำกาแฟ ชุดเล็กๆ ไม่เกิน 1,000 บาท ช่วงที่ต้องออกไปทำงานก็จะเอาไปด้วย เมื่อไปตามเกาะต่างๆ ก็จะไปเจอพี่ๆ ที่อยู่ที่นั่น ไม่มีไฟฟ้าใช้ เลยลองทำกาแฟให้เขากิน เลยมีความรู้สึกชอบ ทางพี่ๆ ก็ชอบ เลยให้ที่พักฟรี เล
บทความโดย : อมร อำไพรุ่งเรือง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านแฟรนไชส์ โลกแฟรนไชส์ กำลังเปลี่ยนโฉมอย่างมีนัยสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือช่วยเหลือเท่านั้น แต่กลายเป็นผู้ช่วยที่ฉลาดที่สุดในระบบธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในแทบทุกขั้นตอนของธุรกิจ ตั้งแต่หลังบ้านยันหน้าร้าน สำหรับแฟรนไชซอร์ หรือเจ้าของระบบแฟรนไชส์ การนำ AI มาใช้งานไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ แต่เป็นการยกระดับระบบให้กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษามาตรฐานได้ทั่วถึง ในบริบทที่การแข่งขันรุนแรง การเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และแรงงานมีข้อจำกัด AI จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แฟรนไชส์เติบโตได้อย่างมั่นคง AI ยังเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ลูกค้าคาดหวังความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความเฉพาะตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคยุคใหม่คุ้นเคยกับการสั่งสินค้าแบบอัตโนมัติ การได้รับคำแนะนำแบบเฉพาะบุคคล และการเปรียบเทียบราคาได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ยังไม่มีระบบรองรับหรือใช้วิธีบริหารจัดการแบบเดิมๆ จึงเสี่ยงที่จะถูกมองว่าล้าสมัย สำหรับแฟรนไชซอร์ การปรับตัวด
ในปัจจุบัน ปัญหากองขยะมหาศาล กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้คน ซึ่งปริมาณขยะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดมลพิษทางดิน น้ำ และอากาศ ส่งผลเสียต่อสุขภาพและระบบนิเวศ อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ยังแฝงไว้ด้วยโอกาส ที่ทำให้หลายๆ ธุรกิจเริ่มหันมาต่อยอดไอเดียเพิ่มมูลค่าจากขยะเหล่านี้ อย่างเช่น การแปรรูปสินค้า เป็นต้น วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะพาทุกคนไปอ่านเรื่องราวของ คุณภู-ภูชิต มิ่งขวัญ เจ้าของวิสาหกิจชุมชนเพียวพลัสฟาร์ม ฟาร์มโคพันธุ์ดีปากน้ำโพ ที่มองเห็นปัญหา “เปลือกทุเรียน” ที่มีเยอะมาก จึงเกิดไอเดียทำเป็นอาหารให้วัวกิน และยังมีการเลี้ยงดูที่ดี ทำให้ช่วงชีวิตของวัวมีความสุข ส่งผลให้เนื้อมีคุณภาพดี อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง เลี้ยงด้วงไม่สำเร็จ ต่อยอดอาชีพสู่ ผักกะละมัง งานเสริมรายได้ดี เฉลี่ยเดือนละ 6 หมื่น รายได้เดือนละหลักหมื่น! ครูทำเกษตร เพาะต้นอ่อนทานตะวัน 7 วันได้เงิน ลงทุนน้อย ใช้ภาชนะใกล้ตัว เลิกเป็นลูกจ้าง อดีตสาวแบงก์ ทิ้งเงินเดือนหลายหมื่น ทำเกษตรอินทรีย์ จุดเริ่มต้นของ Do Beef คุณภูเรียนจบบัญชี จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ และมีพี่ชายที่เรียนด้
“สนใจเรื่องเมือง เพราะตอนเรียนสถาปัตย์ มีวิชาเกี่ยวกับการพัฒนาเมือง รู้สึกชอบเป็นพิเศษ แต่พอเข้าโหมดชีวิตจริง รู้สึกว่าสถาปัตย์ไม่ได้ทำเพื่อสังคมเลย เราใช้วิชาไปทำบ้านให้คนมีเงินกันมากกว่า ผมว่ามันย้อนแย้งอยู่เหมือนกัน” คุณชัช-ชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์ สถาปนิกหนุ่มในวัยสามสิบกว่า เริ่มบทสนทนากับ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” อย่างนั้น เจ้าของเรื่องราวครั้งนี้ พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ ดีกรีปริญญาตรี จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ประกอบอาชีพสถาปนิกเป็นงานหลัก ชอบงานขีดเขียน เคยออกพ็อกเก็ตบุ๊กของตัวเองมาแล้ว 2 เล่ม ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจรับออกแบบ ใช้ชื่อว่า Everyday Architect & Design Studio “เป็นสถาปนิกที่ชอบเขียนหนังสือเรื่องสังคม เรื่องคนจนเมือง ช่วงที่ออกจากงานประจำ ได้ไปทำงานชุมชน แนวสถาปนิกชุมชนลงพื้นที่คล้ายๆ เอ็นจีโอ แต่ไม่เข้มข้นขนาดนั้น โดยจะมีโจทย์สำรวจไปตามพื้นที่ต่างๆ แล้วคิดหาวิธีออกแบบเพื่อแก้ปัญหา สุดท้ายมีหนังสือตีพิมพ์ออกมา 2 เล่ม เล่มแรก ชื่อ อาคิเต็ก-เจอ และ สถาปัตยกรรม คณะเรี่ยราด” คุณชัช ย้อนประวัติให้ฟัง กระทั่งช่วงทำธุรกิจของตัวเอง เขาเริ่มนำงานเขียนที่สนใจเกี่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “มัทฉะ” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างรวดเร็วในประเทศไทย จากเดิมที่อาจเป็นที่รู้จักในวงจำกัด ปัจจุบันมัทฉะได้แทรกซึมเข้าไปในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ ผู้ที่มองหาเครื่องดื่มที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ หรือแม้แต่ผู้ที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมการดื่มชาแบบญี่ปุ่น ความนิยมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เครื่องดื่ม แต่ยังขยายไปสู่ขนมหวาน เบเกอรี่ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของมัทฉะอย่างแพร่หลาย ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเทรนด์มัทฉะในไทยนั้นมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นกระแสรักสุขภาพหรือความชื่นชอบในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย จนทำให้มัทฉะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดื่มของผู้บริโภคชาวไทยไปแล้ว เรื่องราวของ คุณวิน-นนท์นิพัทธ์ เสถียรบำรุงกิจ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจของหนุ่มรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสและหลงใหลในเสน่ห์ของมัทฉะอย่างแท้จริง ที่แม้จะเติบโตในแวดวงธุรกิจของครอบครัว แต่เสน่ห์อันลุ่มลึกของมัทฉะกลับตรึงใจเขาไว้อย่างแนบแน่น ความชื่นชอบนี้ได้จุดประกายความมุ่งมั่นอันแรงกล้า จนนำไปสู่การก่อตั้ง K
เมื่อพูดถึงอาหารอีสาน หลายคนอาจจะนึกถึงเมนูง่ายๆ รสชาติจัดจ้าน ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ แต่สำหรับร้าน ‘เผ็ดเผ็ด’ การนำเสนออาหารอีสานกลายเป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้งและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน สูตรอาหารที่ผ่านการทดลองและพัฒนาโดย คุณต้อม-ณัฐพงศ์ แซ่หู และ คุณโอม-ณัฐกร จิวะรังสินี เจ้าของร้าน ‘Phed Phed – ร้านเผ็ดเผ็ด’ ซึ่งทั้งคู่ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่เต็มไปด้วยแพชชัน ปัจจุบันเปิดมาแล้ว 8 ปี ขยายสาขาไปกว่า 8 แห่ง ซึ่งแต่ละสาขาจะมีคอนเซ็ปต์และเมนูที่แตกต่างกันตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ หากใครอยากทานต้อง Walk-In เข้ามาเท่านั้น ซึ่งพีกสุดเคยมีลูกค้ามาต่อคิวมากถึง 120 คิว โดยจากผลประกอบการ บริษัท รสเผ็ดดี จำกัด เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ 116 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.2 ล้านบาท เรียกได้ว่าเติบโตพุ่งสูงขึ้นจากปีก่อนๆ จุดเริ่มต้นของเผ็ดเผ็ด คุณต้อม เล่าว่า ก่อนที่จะมาทำร้านอาหาร เขาเคยทำร้านกระเป๋ามาก่อน ซึ่งก็มีการทำกระเป๋าบวกกับการลงรูปอาหารไปด้วย แล้วเหมือนกับว่าลูกค้ามีความสนใจในเรื่องอาหาร ทำให้เขาจุดประกายลองเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่ชื่อว่า
“ข้าวเหนียวมะม่วง” เมนูของหวานไทยๆ ที่หารับประทานได้ทั่วไป แต่จะว่าไป อาจหาเจ้าที่อร่อยจริงๆ ได้ยาก แต่มีอยู่เจ้าหนึ่งที่การันตีความอร่อยและแตกต่าง ด้วยการใช้วัตถุดิบมีคุณภาพ ผ่านกรรมวิธีการทำที่เจ้าของศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมาอย่างลึกซึ้ง จนกลายเป็นร้านที่เคยเกิดปรากฏการณ์ลูกค้าต่อคิวซื้อมาแล้ว ร้านที่ว่าคือ “อยู่ ดี มี สุข ข้าวเหนียวมะม่วง” ของ คุณเบสท์–ณัฐธนนท์ สิทธิปัญญพัฒน์ ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการ Haus Ari3 ซอยอารีย์ บริเวณเดียวกับร้านข้าวผัดอเมริกัน Lucky’s Hungry และมีบูธขายที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เจ้าตัวเล่าว่า กว่าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้ ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย “ธุรกิจที่บ้านเจอวิกฤตทางการเงิน ผมจึงตัดสินใจเลิกเรียนกลางคัน ทั้งๆ ที่เพิ่งเรียนไปปีเดียว เพื่อไม่ให้เป็นภาระของที่บ้าน” คุณเบสท์ เกริ่น ก่อนย้อนให้ฟังว่า “ครอบครัวเปิดร้านขายหมูในตลาดคลองเตย เรียกว่ามีฐานะปานกลาง แต่พอปี 2554 ทางบ้านประสบวิกฤตทางการเงิน เพราะพ่อกับแม่ทำการค้าแบบไม่มี Know How เลย ประกอบกับก่อนหน้านั้นมีสถานการณ์ทางการเมืองและน้ำท่วมใหญ่ อีกทั้งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยม
จากเสียงคลื่นและกลิ่นคาวทะเลในวัยเยาว์ สู่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์บนโต๊ะอาหาร ชีวิตคลุกคลีกับ “ปู” ตั้งแต่ยังไม่ลืมตา โอบล้อมด้วยเรื่องราวของ “วัตถุดิบ” จากท้องทะเลอันอุดมในอดีต คือรสชาติที่บริสุทธิ์ ดั่งผืนป่าโกงกางที่น้ำยังใส แร่ธาตุยังเต็มเปี่ยม เมื่อวันเวลาผันผ่าน แหล่งวัตถุดิบเปลี่ยนไป แต่หัวใจของการปรุงยังคงแน่วแน่ การเดินทางตามหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด แม้ต้องโบยบินข้ามทวีป สู่พม่า ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม หรือแม้กระทั่งมาดากัสการ์ ทุกการเดินทาง ทุกหยาดเหงื่อ คือการบ่มเพาะความเข้าใจในวัตถุดิบอย่างลึกซึ้ง ดุจงานฝีมือที่ต้องใช้เวลาและความใส่ใจ เฮียจก-สมชาย ตั้งสินพูลชัย หรือที่รู้จักกันในวงการร้านอาหารว่า “จกโต๊ะเดียว” ตัวจริงเรื่องวัตถุดิบ ผู้ที่เดินทางไปทั่วสารทิศเพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบชั้นเลิศ กับเรื่องราวที่เคยล้มเหลวมาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง จากเด็กเก็บออร์เดอร์ สู่จกโต๊ะเดียว ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก ทางครอบครัวก็ประกอบอาชีพเกี่ยวกับอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ที่ทางบ้านจะถูกขนานนามว่าเป็นเอเยนต์ใหญ่ที่ขายปูในหลายๆ จังหวัด เท่าที่เขาเองจำความได้ เมื่อตอนอายุได้ 14-1
70 ปี ดีไซน์เดิม แต่ขายได้! เปิดกลยุทธ์ นันยาง เปรียบตัวเองเป็นปลาตามซอก ว่ายในเรดโอเชียน ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ได้ขึ้นเวทีเสวนาในหัวข้อ “ถอดวิธีคิด เส้นทาง กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของโทฟุซังและนันยาง” พร้อมกับ คุณสุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โทฟุซัง จำกัด พร้อมเผยเคล็ดลับการทำธุรกิจในงานสัมมนา “Thailand 2024 : beyond RED OCEAN” ที่จัดโดย “ประชาชาติธุรกิจ” เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ย้อนไปเมื่อประมาณ 100 ปีกว่า คุณวิชัย ซอโสตถิกุล มาจากเมืองจีน อายุได้ 10 ปีกว่าๆ อพยพจากเมืองจีนมากับครอบครัว ได้ทำอาชีพต่างๆ จนครั้งหนึ่งได้ทำกิจการซื้อมาขายไป หนึ่งในนั้นได้มีการนำเข้ารองเท้าจากประเทศสิงคโปร์ มีชื่อว่า หนำเอี๊ย เป็นภาษาแต้จิ๋ว เมื่อแปลมาเป็นภาษากลาง คือ นันยาง มาถึงในช่วงที่สอง คือช่วงก่อนปี 2500 ประเทศไทยมีการส่งเสริมการทำสินค้าไทย แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศสิงคโปร์เริ่มเปลี่ยนจากการไม่ผลิต จึงมีการเจรจาและเริ่มผลิตนันยางในประเทศไทยเมื่อปี 2496 เป็นปีแรก จนมาถึงปัจจุบัน 70 ปี ยุคเปลี่ยน แต่ นันยาง ไม่เปลี่ยน