

คีย์โฮล แปลงผักพร้อมหมักปุ๋ย ย้ายได้ไม่จำกัด

“โคก หนอง นา โมเดล” คือ รูปแบบหรือแบบแผนการพัฒนาจัดการพื้นที่ทางการเกษตรที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ให้เป็นระบบมากขึ้น เน้นแนวทางการทำเกษตรแบบอินทรีย์ และการสร้างชีวิตที่มีความยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประโยชน์ของโคก หนอง นา โมเดล มีส่วนช่วยเรื่องการประหยัด ช่วยในเรื่องการพึ่งพาตนเองจากกิจกรรมเกษตรที่มีความหลากหลายครอบคลุมทุกปัจจัย บรรเทาปัญหาด้านเศรษฐกิจครัวเรือน ที่สำคัญยังลดปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้งภายในพื้นที่ในช่วงเกิดวิกฤตทางธรรมชาติ ขนาดพื้นที่ทำโครงการโคก หนอง นา มักเริ่มจาก 1 ไร่ เพื่อสร้างกรอบการเรียนรู้ตามลักษณะองค์ประกอบที่กำหนดเป็นพื้นฐานแต่ละอย่างให้เข้าใจและปฏิบัติถูกต้องตามวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนเสียก่อน จากนั้นผู้ดำเนินโครงการจะขยายพื้นที่ออกไปตามศักยภาพเป็นจำนวนเท่าไรก็ได้ ที่ท่าม่วง กาญจนบุรี มีอดีตสจ๊วตใช้พื้นที่ตัวเองจำนวน 1 ไร่ ทำโครงการโคก หนอง นา ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาเพียง 6 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิดนำไปใช้ในธุรกิจโฮมสเตย์ของตัวเองได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถือเป็นการพึ่งพาตัวเองช่วยลดต้นทุนได้อย่
ระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา มีงานพืชสวนก้าวหน้าครั้งที่ 15 (hortex 2018) ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนจันทบุรี ในงานมีนิทรรศการ การจำหน่ายผลผลิต ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร งานแสดงความก้าวหน้าทางด้านเครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งงานสัมมนาวิชาการ งานสัมมนาที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “สวน 100 ไร่ทำได้คนเดียว” วิทยากรประกอบด้วยชาวสวนชั้นนำของจังหวัดจันทบุรีได้แก่ คุณชนันท์ เขียวพันธุ์ คุณสุเทพ นพพันธ์ คุณภานุศักดิ์ สายพานิชและอาจารย์ปราโมช ร่วมสุข ในฐานะผู้อำนวยการสถาบันทุเรียนไทย และเป็นประธานการจัดงานพืชสวนก้าวหน้า ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงานสัมมนาครั้งนี้ งานสัมมาสวน 100 ไร่ทำได้คนเดียว เป็นการพูดถึงทุเรียน เนื่องจากที่ผ่านมา ทุเรียนราคาดี คนหันมาปลูกกันมาก คุณชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจันทบุรี กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า เนื่องจากทุเรียนราคาดี เกษตรกรส่วนหนึ่งที่ก้าวหน้ามากๆ ไม่ได้พูดถึงเงินล้าน แต่พูดถึงรายได้จากการทำสวนระดับ 10 ล้านกันแล้ว หัวข้อสัมมนา “สวน 100 ไร่ทำได้คนเดียว” ไม่ได้หมายความว่า สวนที่มีอยู่จำนวนมาก มีคนเก่งทำสวน 100 ไร่ได้เพียงคนเดียว แต่หัว
มะตาด หรือแอปเปิ้ลมอญ เป็นไม้ยืนต้นประเภทหนึ่งที่คนไทยเชื้อสายมอญต่างรู้จักกันมาเนิ่นนาน นิยมปลูกกันแทบทุกหลังคาเรือนในแหล่งชุมชนชาวมอญ ส่วนที่มาของชื่อ แอปเปิ้ลมอญ เนื่องจากผู้เฒ่าผู้แก่เห็นว่า ผลมะตาดสวยและมีรสเปรี้ยว ในเมื่อมีแอปเปิ้ลฝรั่งแล้วก็ต้องมีแอปเปิ้ลมอญนั่นเอง มะตาด (matat) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dillenia indica Linn. เป็นพืชที่เจริญได้ในป่าดิบชื้น หรือป่าฝนเขตร้อนใกล้แม่น้ำ ป่าพรุ ในภาคใต้ของไทย เรียกว่า ” แส้น ” พบในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพังงา และมีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่นว่า ส้านกวาง ส้านท่า ส้านใหญ่ ส้มปรุ และ ส้าน สำหรับภาคเหนือ เรียกว่า ส้านป้าว (จังหวัดเชียงใหม่) ภาคกลางพบในจังหวัดปทุมธานี กาญจนบุรี และปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นอกจากนี้ยังพบการกระจายตัวของ มะตาดในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า ยูนนาน ชวา คาบสมุทรมาลายู ลาว เวียดนาม กัมพูชา ฯลฯ ลักษณะทั่วไป ต้นมะตาด เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร ใบใหญ่ สีขาว ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ตามง่ามใบก้านดอก ลำต้นมักคดงอ เปลือกหนาสีเทา หรือน้ำตาลแดง ลอกเป็น ยาว 3-5 เซนติเมตร มีขนสาก กลีบรองกลีบดอกเป็
ผักกูด เป็นชื่อของผักชนิดหนึ่งจัดอยู่ในตระกูลเฟิร์น สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู และนอกจากจะนำมาเป็นอาหารได้แล้วยังใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วย ผักกูดมักจะขึ้นอยู่ตามริมน้ำหรือพื้นที่ชุ่มน้ำมากกว่าในป่าทึบ เจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้แล้ว ผักกูด ยังเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพแวดล้อม ให้ได้รู้ว่าบริเวณไหนอากาศไม่ดี ดินไม่บริสุทธิ์ มีสารเคมีเจือปนอยู่ ผักกูดจะไม่ขึ้นหรือแตกต้นในบริเวณนั้น ด้วยสรรพคุณและคุณค่าที่มีมากมาย จึงทำให้ในปัจจุบันเกษตรกรหันมาปลูกผักกูดเชิงการค้ามากขึ้น คุณชาญณรงค์ พวงสั้น อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ที่ 7 ตำบลวังจันทร์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี เล่าถึงงานปลูกผักกูดว่า เกิดนึกสนใจและมองเห็นอนาคตของผักกูดว่าน่าจะไปได้ดี ผักกูดเป็นผักที่หาได้จากธรรมชาติในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันเริ่มหารับประทานยากขึ้นทุกวัน ตนจึงมองเห็นโอกาสจากตรงนี้ ใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำงานสวนปลูกผักกูดอินทรีย์แซมสวนสัก โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 คือปลูกพืช 3 อย่าง ประโยชน์ 4
กลางพื้นที่สีเขียวของบ้านนาส้มโฮง ตำบลนาแก อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีฟาร์มเกษตรเล็กๆ ที่กำลังเติบโตอย่างมั่นคงในโลกยุคดิจิทัล จากกระแสการขายที่กำลังได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ ฟาร์มแห่งนี้ชื่อว่า “โกโก้ฟาร์ม” ผู้เป็นเจ้าของคือ คุณโกโก้-อริสรา จุลกองฮ้อ เกษตรกรรุ่นใหม่ผู้จับมือกับคุณแม่ลุยทำการเกษตรวิถีใหม่ โดยปลูกพืชพื้นบ้านที่หลายคนมองข้าม อย่าง “ผักไห่หวาน” และ “บุกหวาน” จนสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องทุกวัน พร้อมก้าวสู่การเป็นเกษตรกรออนไลน์ตัวจริง ส่งตรงสินค้าจากสวนถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ จากผืนดินเปล่า…สู่แปลงผักทำเงิน คุณโกโก้ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนครอบครัวเปิดร้านขายต้นไม้เล็กๆ อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ เมื่อมีเงินเก็บได้ตัดสินใจซื้อที่ดินขนาดประมาณ 7 ไร่ คุณแม่จึงเริ่มปรับพื้นที่และพัฒนาดินให้เหมาะกับการปลูกผักพื้นบ้าน โดยเลือกผักไผ่หวานเป็นพืชหลัก เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง ทั้งกลุ่มร้านอาหารและแม่ค้าในตลาดสด มีความต้องการผักสดปลอดสารทุกวัน ต่อมาคุณโกโก้ได้ขยายการปลูกบุกหวานพืชที่กำลังเป็นที่นิยม สามารถทานได้ทั้งหัวและลำต้น โดยเฉพาะรสสัมผัสกรอบอร่อย ใช้ประกอบอาหารได้หลายเมนู
ส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิตล็อตแรกไปอินโดนีเซียเป็นการเปิดประตูการค้าให้แก่สินค้าเกษตรมูลค่าสูงของไทย โดยเฉพาะไก่สายพันธุ์พื้นเมือง ที่มีความนิยมทั้งด้านกีฬาและวัฒนธรรม นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานพิธีส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิต (Ayam Bangkok) ล็อตแรกไปยังประเทศอินโดนีเซีย ณ อาคารคลังสินค้าการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีผู้แทนจากภาครัฐและผู้ประกอบการร่วมเป็นสักขีพยาน พิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในการเปิดตลาดส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิตของไทยบินตรงไปสู่ประเทศอินโดนีเซีย ภายหลังจากที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้เดินทางไปพบ Dr. drh.Agung Suganda อธิบดีกรมปศุสัตว์และบริการสุขภาพสัตว์แห่งอินโดนีเซีย (DGLASH) ณ กระทรวงเกษตร กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยได้ร่วมกันประชุมเจรจาหารือจนบรรลุข้อตกลงร่วมกับกรมปศุสัตว์และบริการสุขภาพสัตว์แห่งอินโดนีเซีย (DGLASH) ในการรับรองเอกสารสุขภาพสัตว์ (Veterinary Health Certificate: VHC) สำหรับการส่งออกสัตว์ปีกมีชีวิต ซึ่งเป็นการเปิดประตูการค้าให้แก่สินค้าเกษตรมูลค่าสูงของไท
คุณเคยลองกินแมลงไหม? คำถามนี้ อาจจะฟังดูแปลกสำหรับคนไทยหลายๆ คน แต่ที่จริงแล้วการกินแมลงเป็นเรื่องปกติในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก และปัจจุบันการบริโภคแมลงกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะแหล่งโปรตีนทางเลือกที่ยั่งยืน แมลงมีโปรตีนสูงเทียบเท่าหรือสูงกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป เช่น เนื้อวัวหรือเนื้อไก่ และยังมีไขมันต่ำกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป ส่วนทางด้านวิตามินและแร่ธาตุของแมลงนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น เหล็ก แคลเซียม และวิตามินบี 12 หากมองไปในเรื่องของความยั่งยืนการเพาะเลี้ยงแมลงใช้ทรัพยากรน้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์ทั่วไป ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ในอนาคตการบริโภคแมลงจะกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากแมลงออกมาหลากหลายรูปแบบ เช่น ผลิตภัณฑ์โปรตีนจากแมลงสำหรับนักกีฬา อาหารว่างจากแมลง และส่วนผสมในอาหารแปรรูปต่างๆ ปัจจุบันแมลงไม่ใช่เพียงเป็นอาหารของคนเท่านั้น ในวงการของสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ Exotic แมลงถือเป็นอาหารและแหล่งโปรตีนชั้นดีด้วยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยกำลังขยายตัวมากขึ้นเช่นกัน
“ผักชี” พืชผักสวนครัวมากประโยชน์ และเป็นผักโปรดของใครหลายคน ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน โดยเฉพาะต้นและรากที่นิยมนำมาใช้ประกอบอาหาร ไม่ว่าจะใช้ต้มทำน้ำซุป ทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวให้มีรสชาติหอม หรือจะนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์เพื่อดับกลิ่นคาวก็ได้ หรือถ้าใครเป็นสายแซ่บ ชอบกินอาหารทะเลที่ต้องคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด รากผักชีถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย เทคโนโลยีชาวบ้านจะมาแชร์วิธีการปลูกผักชีแบบง่ายๆ ไว้กินเอง ใช้พื้นที่ไม่มาก มีตะกร้าใบเดียวก็สามารถมีผักชีไว้เก็บกินได้ตลอด วิธีปลูกผักชีสำหรับมือใหม่ การเตรียมดิน – ดินร่วน 2 ส่วน – ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน – ทราย 1 ส่วน – แกลบดำ 1 ส่วน – แกลบเก่าหรือขุยมะพร้าว 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ผักชีเป็นพืชที่ขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด ดังนั้น ก่อนที่จะปลูกต้องเตรียมเมล็ดพันธุ์ให้พร้อม – โดยการนำมาบดให้แตกเป็นสองซีก เพื่อช่วยให้เมล็ดงอกเร็วขึ้น – นำไปแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง – นำมาผึ่งลมให้แห้งแล้วเคล้ากับทรายหรือขี้เถ้าทิ้งไว้จนเมล็ดเริ่มงอก แล้วนำไปหว่านในแปลงปลูก หรือในภาชนะปลูกที่เตรียมไว้ วิธีป
คุณศักดา ล้ำบริสุทธิ์ หรือ คุณนุ เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมและเจ้าของสวนศักดากล้วยหอมทอง ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ที่นำความชอบที่มีต่ออาชีพเกษตรกรมาต่อยอดสร้างเป็นอาชีพด้วยการทำสวนกล้วยหอมทอง ปัจจุบันภายในสวนมีการปลูกกล้วยหอมมากกว่า 20 สายพันธุ์ จำหน่ายหน่อกล้วยและกล้วยนานาชนิด ส่งขายในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ตลอดทั้งปี จุดเริ่มต้นของการทำสวนศักดากล้วยหอมทอง คุณศักดา เล่าว่า ในอดีตเคยทำนาข้าวมาก่อนจริงจัง แต่เนื่องจากสถานการณ์ในเรื่องของราคาปุ๋ยมีราคาที่สูงขึ้น จึงส่งผลกระทบกับตนเองโดยตรง จึงเปลี่ยนมาทำสวนกล้วยแทน เป็นเวลากว่า 15 ปี ปลูกกล้วยในพื้นที่กว่า 9 ไร่ มีกล้วยกว่า 3,600 ต้น และภายในสวนมีกล้วยกว่า 20 สายพันธุ์ให้เลือกสรรปลูกตามความต้องการของลูกค้า “เมื่อก่อนผมไม่คิดที่จะทำตรงนี้ เมื่อก่อนทำนาอยู่ แต่ทีนี้พอทำนาช่วงหลังๆ ปุ๋ยเริ่มมีราคาแพงขึ้น จึงเปลี่ยนมาทำกล้วยแทน ทำมา 15 ปีแล้ว ในพื้นที่ 9 ไร่กว่าๆ มีกล้วยไร่ละ 400 ต้น มีกล้วยมากกว่า 20 สายพันธุ์ครับ เช่น กล้วยหอมทองปทุม กล้วยน้ำว้าสายพันธุ์มะลิอ่อง กล้วยน้ำว้า
เมื่อถึงฤดูฝนเกษตรกรหลายท่านคงอดกังวลไม่ได้ที่หอยทากที่จะบุกมาถึงสวนของเรา ฤดูฝนเป็นช่วงเวลาของการเจริญเติบโตที่เหมาะสมของหอยทาก เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ตามธรรมชาติหอยทากจะวางไข่ตามซากใบไม้ ขอนไม้ผุพัง รวมถึงบริเวณใต้ดินร่วนซุย การกำจัดหอยทากจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากเรามีวิธีกำจัดที่ถูกต้อง และสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้สารเคมี 1. เก็บไปโยนทิ้ง เป็นวิธีเบสิกที่ทำได้ง่ายแต่ต้องอาศัยแรงขยันคือการเก็บหอยทากทิ้งให้ไกลจากสวน โดยเลือกเก็บช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นจะเป็นเวลาที่หอยทากจะออกหากินและปรากฏตัวให้เห็นได้ชัด หลังจากเก็บทิ้งแล้วควรเก็บซากใบไม้ เพื่อป้องกันการวางไข่ซ้ำ 2. ใช้เปลือกไข่ ตากแห้ง แล้วบดให้เป็นชิ้นละเอียดโรยรอบๆ แปลงปลูกต้นไม้ ผิวของเปลือกไข่จะทำให้หอยทากรู้สึกระคายเคืองเนื่องจากผิวของหอยทากมีความบางมาก 3. เกลือ นอกจากผิวหอยทากจะบางแล้ว ยังไม่ชอบความเค็มอีกด้วย เกลือจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่สามารถกำจัดหอยทากที่ได้ผลเสมอ โรยเกลือรอบๆ ต้นไม้ ระวังอย่าให้โดนรากไม่เช่นนั้นต้นไม้อาจจะตายได้ 4. กระเทียม กลิ่นของกระเทียมที่มีธาตุกำมะถัน สามารถไล่สัตว์และแมลงได้หลายชนิด