เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
Featured News ประมง พืชทำเงิน

“หอยเชอรี่สีทอง” ทางเลือกสร้างรายได้ เลี้ยงง่าย โตเร็ว ตลาดคึกคัก พื้นที่น้อยเลี้ยงได้

หอยเชอรี่สีทอง เป็นสายพันธุ์ของหอยเชอรี่ที่มีเปลือกสีทอง หรือสีเหลืองอำพัน แตกต่างจากหอยเชอรี่ทั่วไปที่มักมีเปลือกสีน้ำตาลหรือน้ำตาลแดง

มีจุดเด่นคือ เลี้ยงง่าย กินอาหารหลากหลาย โตไว ใช้พื้นที่น้อย ต้นทุนต่ำ แต่สร้างรายได้ดี ไม่ว่าจะขายเป็นอาหาร หรือแปรรูปเพิ่มมูลค่า ก็ทำกำไรได้สบายๆ สำหรับใครที่กำลังอยากเริ่มต้นทำเกษตรแบบไม่ต้องลงทุนเยอะ หอยเชอรี่ตอบโจทย์ ใช้พื้นที่เล็กๆ ก็เลี้ยงได้ ขยายพันธุ์เร็ว ขายได้ทั้งตัวและไข่ แถมตลาดยังต้องการสูง

คุณเมย์-เมทินี ภาคีสุข ผู้จัดการ 123 อยุธยาฟาร์ม หอยเชอรี่สีทอง ตั้งอยู่ที่ 123 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านแป้ง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนรมิตพื้นที่ 30 ไร่ ทำฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองขนาดใหญ่ เพื่อรองรับความต้องของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันตลาดในประเทศโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าขยายความนิยมให้เหมือนเนื้อหมู เนื้อไก่ เพราะด้วยรสชาติของหอยเชอรี่ที่หวานกรอบ มีโปรตีนสูงไม่แพ้เนื้อหมูเนื้อไก่ จนได้รับฉายาว่าเป็น “หอยเป๋าฮื้อน้ำจืด”

คุณเมย์-เมทินี ภาคีสุข ผู้จัดการ 123 อยุธยาฟาร์ม หอยเชอรี่สีทอง

คุณเมย์ เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการทำฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองเกิดจากที่เจ้าของฟาร์มชอบกินหอยเชอรี่แต่ติดปัญหาที่หาซื้อกินได้ยาก จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการทดลองเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองขึ้นมา โดยช่วงแรกของการเลี้ยงยังมีพื้นที่ไม่มากเพื่อทดลองตลาดเป็นระยะเวลา 1 ปี ตลาดก็มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงตัดสินใจที่จะขยายพื้นที่การเลี้ยงให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่จะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจุบันที่ฟาร์มหอยเชอรี่สีทองของเรามีพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ แบ่งเป็นโซนบ่อปูนทั้งหมด 112 บ่อ บ่อดินขนาดใหญ่ 1 บ่อ และโซนปลูกพืชผักผลไม้ไว้สำหรับเป็นอาหารให้กับหอยเชอรี่ภายในฟาร์ม

เนื้อหอยเชอรี่แกะเปลือก หวานกรอบ คล้ายปลาหมึก

ซึ่งจุดเด่นของหอยเชอรี่สีทองเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหอยเชอรี่นาแล้ว จะมีความแตกต่างกันคือ 1. สีของเปลือก เปลือกของหอยเชอรี่สีทองสีจะออกเหลือง ส่วนหอยเชอรี่นาเปลือกจะเป็นสีดำ 2. เนื้อสัมผัสที่แตกต่าง เนื้อของหอยเชอรี่สีทองจะมีความกรึบกรอบคล้ายปลาหมึก มีโปรตีนสูง และไม่มีเส้นเมา ส่วนเนื้อของหอยเชอรี่นาจะเหนียว

 

หอยเชอรี่สีทอง เลี้ยงง่าย โตเร็ว
พื้นที่มาก-น้อย ทำเงินได้หมด

หอยเชอรี่สีทอง ถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง เพราะมีแนวโน้มความนิยมบริโภคเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยมีจุดเด่นที่เนื้อหวานกรอบเหมือนกับปลาหมึก และมีโปรตีนสูง ที่สำคัญคือเลี้ยงง่าย โตเร็ว เกษตรกรมือเก่ามือใหม่สามารถทำตามได้ไม่ยาก ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ จะมีพื้นที่มากน้อยสามารถเลี้ยงได้เหมือนกัน

คุณเมย์ อธิบายว่า การเลี้ยงหอยเชอรี่สามารถเลี้ยงได้หลากหลายวิธีตามความสะดวกและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ หากมีพื้นที่น้อย แนะนำให้เลี้ยงในบ่อกระชังบก หรือวงบ่อปูนซีเมนต์ก็ได้ แต่ถ้าหากท่านใดมีพื้นที่กว้าง สามารถทำบ่อเลี้ยงแบบก่อด้วยอิฐบล็อกอย่างของที่ฟาร์มได้ โดยความกว้างของบ่อที่ใช้คือ กว้าง 2 เมตร ยาว 10 เมตร หรือจะเลี้ยงในบ่อดิน และกระชังลอยน้ำก็ได้เหมือนกัน

วิธีการเลี้ยง จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง หรือแบ่งตามไซซ์ดังนี้ 1. ไซซ์อนุบาล ระยะตั้งแต่ไข่ไปจนถึง 2 เดือน 2. ไซซ์ขุน ระยะ 2 เดือน และ 3. ไซซ์พ่อแม่พันธุ์ จะมีหน้าที่ผลิตไข่อย่างเดียว

ระบบน้ำหยด

ระบบน้ำสำคัญ น้ำจะต้องสะอาด ถ้าน้ำสะอาดหอยจะโตดี แข็งแรง เลี้ยงง่าย โตเร็ว น้ำประปาเลี้ยงได้ น้ำบาดาลเลี้ยงได้ ปริมาณน้ำที่ใช้เลี้ยงประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของบ่อ แล้วปล่อยหอยลงเลี้ยงได้เลยโดยที่ไม่ต้องพักน้ำ สัดส่วนในการปล่อยปริมาณหอยต่อบ่อ หากเป็นไซซ์ขุนเป็นไซซ์ที่ตลาดต้องการมากที่สุด จะปล่อยอยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 ตัวต่อบ่อ และที่สำคัญจะต้องทำระบบน้ำหยดและท่อน้ำล้นไว้ทุกบ่อ เพื่อไม่ให้น้ำเน่าเสียเร็ว

ท่อน้ำล้น

อาหาร นับตั้งแต่วันที่เก็บไข่ใส่ตะกร้าจนถึงวันที่ 7 หอยจะเริ่มตกออกมาเป็นตัวเล็กไซซ์อนุบาล เราจะเริ่มให้อาหารที่เป็นพืชน้ำเช่น จอกแหน ผักตบชวา ใบกล้วย คะน้าแม็กซิกัน และผักบุ้งเอาไว้ให้หอยเกาะ เพื่อไม่ให้หอยจมน้ำ โดยปริมาณการให้อาหารจะดูจากการกินของหอยถ้าเป็นของที่ฟาร์มจะให้ทุกวัน วันละ 1 มื้อช่วงเย็น พอถึงวันที่ 14 จะเริ่มเปิดระบบน้ำหยดให้ ใช้ระบบนี้ไปเลยประมาณ 2 เดือน ทำแบบนี้ทุกวัน พอครบ 2 เดือน จะเป็นไซซ์ขุน จะให้อาหารเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออาหารปลาดุกเม็ดเล็กเพื่อเสริมเปลือกหอยให้แข็งแรง และปรับการให้อาหารเป็นวันเว้นวัน เท่ากับว่าจะใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงจากไข่ถึงไซซ์ขุนที่ขายได้ประมาณ 3 เดือน จับขายได้ในขนาดเหรียญสิบ

จอกแหน

อากาศที่เหมาะสมในการเลี้ยง ถ้าจะให้ดีต้องเป็นอากาศที่พอเหมาะ คืออากาศไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ถ้าอากาศร้อนมากหรือหนาวมากเกินไปหอยเชอรี่จะไข่น้อย โตช้า ดังนั้น ถ้าจะให้ดีต้องเป็นอากาศร้อนชื้น มีฝนตกบ้าง หอยเชอรี่จะไข่ดี โตเร็ว

สร้างรายได้หลากหลาย
ตลาดโตต่อเนื่อง
“ขายได้ตั้งแต่เนื้อยันเปลือก”

หากถามถึงการสร้างรายได้ของหอยเชอรี่สีทอง คุณเมย์ บอกว่า หอยเชอรี่สีทองนับเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่กำลังมาแรง และมีประโยชน์รอบด้านจริงๆ เพราะตั้งแต่เนื้อไปถึงเปลือกสามารถนำมาขายสร้างมูลค่าได้ทั้งหมด ตั้งแต่ไข่ พ่อแม่พันธุ์ตามขนาดไซซ์ที่ลูกค้าต้องการ เนื้อแกะแล้ว หอยเชอรี่เสียบไม้ ไปจนถึงเปลือกที่สามารถนำไปบดทำเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ได้ รวมถึงมีนักธุรกิจเข้ามาขอซื้อเปลือกหอยไปทดลองทำวัสดุก่อสร้าง

ปัจจุบันแบ่งลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่ม 1. กลุ่มที่ซื้อไปเพาะเลี้ยงต่อ 2. กลุ่มที่ซื้อเนื้อไปกิน หรือซื้อแบบเสียบไม้ไปขายต่อ 3. กลุ่มร้านอาหาร

พ่อแม่พันธุ์

โดยราคาจำหน่ายพ่อแม่พันธุ์อยู่ที่คู่ละ 20 บาท ซื้อ 10 คู่ แถม 5 คู่ สำหรับคนที่สนใจนำไปทดลองเลี้ยง ข้อดีคือจะไข่ให้เราได้ทุกวัน สามารถเก็บไข่ไปขยายพันธุ์เลี้ยงต่อได้

ไข่หอยเชอรี่

ไข่หอยเชอรี่ จำหน่ายในราคาขีดละ 100 บาท  ที่ฟาร์มจะทำการแซะไข่ในตอนเช้า นำไปตากให้แห้ง แล้วแพ็กส่งให้กับลูกค้า

เนื้อหอยเชอรี่แกะเปลือก

เนื้อหอยเชอรี่แกะแล้ว โดยทางฟาร์มจะนำหอยที่เพิ่งตักมาจากบ่อไปนึ่งทั้งเปลือกไว้ประมาณ 15-20 นาที เสร็จแล้วแกะเนื้อหอยออกมา แล้วแกะไส้ แกะตาออกให้หมด จากนั้นนำไปล้างน้ำทำความสะอาดทั้งหมด 4 รอบ โดยรอบที่ 3 ล้างน้ำเกลือ แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าเป็นครั้งสุดท้าย ผู้บริโภคที่ซื้อไปสามารถนำไปกินต่อได้เลย โดยเมนูที่นิยมนำไปประกอบอาหาร ได้ทั้งผัดกะเพราะ ผัดเผ็ด ผัดพริกแกง แกง ปิ้งย่าง จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 300 บาท ซึ่งวิธีการที่บอกมานี้ผู้ที่ซื้อไปเลี้ยงแล้วอยากแกะเนื้อหอยขายก็สามารถทำตามได้เลย

หอยเชอรี่เสียบไม้

หอยเชอรี่เสียบไม้ เรียกได้ว่าเป็นสินค้ายอดฮิตมากๆ เสียบไม่ทันขาย เพราะง่ายต่อการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม พ่อค้าแม่ขายนิยมซื้อแบบนี้ไปนึ่งขายกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ขายตามตลาดนัด และงานอาหารต่างๆ

จากการทำตลาดเพียง 2 แพลตฟอร์ม คือ เพจเฟซบุ๊ก และติ๊กต็อก แต่ผลผลิตไม่พอขาย ด้วยกลยุทธ์การอัปเดตกิจกรรมที่ทำในฟาร์มทุกๆ วัน รวมถึงการให้ความรู้สำหรับการเลี้ยงหอยเชอรี่ ทำให้ลูกค้าได้เห็นติดตาและจำได้ จนนำไปสู่การทดลองสั่งไปเพาะเลี้ยงและสั่งไปกิน โดยแนวโน้มการตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อก่อนลูกค้าส่วนใหญ่สั่งมาจากภาคเหนือ อีสาน และกลาง ยังไม่มีลูกค้าจากภาคใต้แต่ปัจจุบันมีแล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งในอนาคตวางแผนทำส่งออกต่างประเทศไทย

“ช่วงแรกคนยังไม่รู้จักเรา เราเป็นน้องใหม่ยังไม่มั่นใจ แต่เราทำมาก็มีแนวโน้มดีมากขึ้น ลูกค้าที่เคยซื้อไปกลับมาซื้อซ้ำอีก แล้วเรามีให้คำปรึกษา ให้ความรู้ ผู้ที่ซื้อไปสามารถปรึกษาได้ตลอด บวกกับความจริงใจที่มีให้กับลูกค้า ข้อนี้สำคัญมากถือเป็นสิ่งที่ทำให้ฟาร์มหอยเชอรี่ของเราทำตลาดได้ต่อเนื่อง”

แนะนำสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง

“สำหรับมือใหม่อยากทดลองเลี้ยง มีพื้นที่ไม่มากก็สามารถเลี้ยงได้ จะเลี้ยงในบ่อผ้าใบ วงบ่อซีเมนต์ได้ทั้งนั้น เริ่มต้นที่ 3 บ่อ บ่อ คือบ่ออนุบาล บ่อขุน บ่อพ่อแม่พันธุ์ ที่จะต้องเตรียมไว้ ถ้าเลี้ยงน้อยแนะนำให้แปรรูปสร้างมูลค่าเองก่อนแบบง่ายๆ คือนำไปหอยไปนึ่งแล้วไปทดลองขายตามตลาดนัด หากดีสามารถขยายพื้นที่เลี้ยงได้ไม่ยาก เก็บขายได้ทุกวัน และสามารถเอาไข่ไปเพาะต่อได้ หรือถ้าใครเลี้ยงแล้วไม่มีตลาดรับซื้อสามารถนำมาขายกับเราได้ เฉพาะในกรณีที่ซื้อพ่อแม่พันธุ์จากเราไป หรือถ้าเลี้ยงไปแล้วมีปัญหาหรือมีข้อสงสัยอยากสอบถามสามารถสอบถามเข้ามาได้ตลอดทางเรายินดีตอบคำถาม ถ้าใครสนใจอยากไปทำเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลัก หอยเชอรี่สีทองตอบโจทย์มาก มีพื้นที่น้อยก็สามารถเลี้ยงได้” คุณเมย์ กล่าวทิ้งท้าย

หากท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เพจ : 123 อยุธยาฟาร์ม หอยเชอรี่สีทอง

Related Posts