นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีได้ลงมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคล เป็น “วันเกษตรกร” ประจำปี เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเกษตร ซึ่งเป็นภาคการผลิตและเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงได้กำหนดให้จัดงานวันเกษตรกรควบคู่กับวันพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพื่อบำรุงขวัญแก่เกษตรกรนับแต่นั้นเป็นต้นมา
เนื่องจาก ร.ต.สุรชัย บุญคง วัย 68 ปี มีผลงานโดดเด่นด้านการปลูกแฝกและเกษตรทฤษฎีใหม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงประกาศยกย่อง ร.ต.สุรชัย บุญคง ในฐานะปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ.2568 สาขาปราชญ์เกษตรเศรษฐกิจพอเพียงโดยจะเข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในวันศุกร์ที่ 9พฤษภาคม 2568 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

ทำเกษตรหลังเกษียณ
หลังลาออกจากข้าราชการทหาร ร.ต.สุรชัย บุญคง ผันตัวมาทำเกษตรโดยปลูกมันสำปะหลังและมะม่วง บนเนื้อที่ 26 ไร่ แต่รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายแถมมีปัญหาด้านสุขภาพจากการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก จึงเปลี่ยนมาทำเกษตรผสมผสาน ปลูกปุ๋ยพืชสดเช่น ถั่วพุ่ม ถั่วพร้า และปอเทือง เพื่อบำรุงดินพร้อมเลี้ยงหมูหลุม เพื่อนำมูลมาฟื้นฟูดิน ต่อมาเจอปัญหาดินลูกรังทำให้น้ำในสระมีสีแดงขุ่นไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จึงปลูกหญ้าแฝกบริเวณขอบสระ ใช้เวลาแค่ 6 เดือน ก็ทำให้น้ำใสตามที่ต้องการ และ การปลูกหญ้าแฝกยังช่วยลดการพังทลายของดินลูกรังได้อีกด้วย
สวนเกษตรผสมผสานของ ร.ต.สุรชัย ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เพราะตัดหญ้าแฝกมาคลุมรักษาความชุ่มชื้นหน้าดินและเป็นปุ๋ยบำรุงดินตามธรรมชาติ ทำให้ต้นมะพร้าวน้ำหอม มะม่วงและพืชต่างๆ ที่ปลูกได้ผลผลิตที่ดีโดยไม่ต้องพึ่งพาปุ๋ยเคมี ร.ต.สุรชัย เข้าร่วมกิจกรรม “เครือข่ายคนรักษ์แฝก” เป็นสภาเกษตรประจำหมู่บ้าน เป็นที่ปรึกษาศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรประจำตำบล เป็นเจ้าของศูนย์เรียนรู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำตำบลย่านรีแห่งที่ 2 ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 6 ตำบลย่านรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้เข้ามาเรียนรู้การเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ตลอดเวลา


ระบบรากหญ้าแฝกบำบัดน้ำเสีย
ร.ต.สุรชัยได้คิดค้นเทคนิค “ ปลูกหญ้าแฝก ขวางกั้นเขตน้ำ ” โดยใช้หญ้าแฝกและรากของหญ้าแฝกเป็นตัวกรองบำบัดน้ำเสียก่อนที่จะนำน้ำดังกล่าวมาใช้กับพื้นที่การเกษตร เดิมทีแล้ว เขตขั้นที่ รต.สุรชัยนำหญ้าแฝกมาปลูกนั้น เป็น 2 บ่อ ที่มีตลิ่งขั้น บ่อหนึ่งใช้สำหรับเลี้ยงปลา อีกบ่อหนึ่งใช้สำหรับการทำเกษดร เมื่อถึงฤดูฝน พื้นที่ดังกล่าวจะถูกน้ำท่วมเป็นประจำ ทำให้จาก 2 บ่อรวมกันเป็นบ่อเดียว น้ำสามารถเข้าหากันได้ทำให้บ่อที่ใช้เลี้ยงปลาเสียหายไปด้วย เนื่องจากบ่อที่ใช้ทำการเกษตรนั้น เป็นน้ำเสียจากเศษอาหาร หรือน้ำเสียจากการเลี้ยงหมูด้วย ทำให้บ่อปลามีกลิ่นเหม็น และทำให้ปลาเกิดโรคได้
ร.ต.สุรชัย จึงได้นำหญ้าแฝกมาปลูกดักน้ำทั้ง 2 บ่อไว้ เนื่องจากรากของหญ้าแฝกจะช่วยกรองปรับสภาพและบำบัดน้ำเสียได้เป็นอย่างดี ด้วยวิธีการและรายละเอียดต่างๆ ดังนี้
วัสดุอุปกรณ์ในการทำตัวกรองและบำบัดน้ำเสียด้วยหญ้าแฝก :
1.แผ่นยางทำรองเท้า ตามขนาดความยาวของบ่อน้ำทั้ง 2 บ่อ เพื่อให้หญ้าแฝกสามารถลอยน้ำได้
จนกว่าจะลงรากถึงดิน
2.พันธุ์หญ้าแฝก
3.อุปกรณ์ส่าหรับเจาะรูให้มีขนาดประมาณเท่ากับนิ้วก้อย เพื่อให้สามารถใส่ต้นหญ้าแฝกจำนวน1ต้นได้
4.เชือกสำหรับผูกติดกับฝั่ง ให้สามารถตั้งแนวได้ จนกว่าหญ้าแฝกจะลงรากถึงดิน

วิธีการทำตัวกรองและบำบัดน้ำเสียด้วยหญ้าแฝก :
1.นำแผ่นยางทำรองเท้า มาทำการเจาะรู ให้มีขนาดประมาณเท่านิ้วก้อย หรือให้สามารถใส่ต้น
หญ้าแฝกได้จำนวน1 ต้น โดยเจาะให้มีระยะห่างประมาณ 10 x 10เซนติเมตร
2.นำแผ่นยางลงไปในน้ำและนำพันธุ์หญ้าแฝก มาทำการปลูกลงไปในรูที่เจาะไว้
3.ใช้เชือกผูกเพื่อเป็นหลักยึดให้หญ้าแฝกลงรากนั่นเอง

สูตรอาหารหมูเร่งการเจริญเติบโตแบบลดต้นทุน
ร.ต.สุรชัย บุญคง ได้คิดค้นสูตรอาหารหมูเร่งการเจริญเติบโตแบบลดต้นทุน ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้
วัสดุ-อุปกรณ์
1. หัวอาหารสุกรสำเร็จรูป (ตามช่วงอายุของหมู) จำนวน 5 กิโลกรัม
2. รำอ่อน จำนวน 2 กิโลกรัม
3. ปลายข้าวไม่ต้ม จำนวน 2 กิโลกรัม
4. ปลายข้าวต้มสุกแล้ว จำนวน 1 กิโลกรัม
5. เกลือป่น จำนวน 2 ถุงเล็ก (ต่อสูตร)
วิธีการทำ
1.ปลายข้าว 1 ส่วน ที่ต้มแล้ว ตั้งพักทิ้งไว้ให้เย็น
2.นำส่วนผสม คือ หัวอาหารสุกรสำเร็จรูป รำอ่อน ปลายข้าวทั้งที่ต้มและไม่ได้ต้ม มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3.ปรุงรสด้วยเกลือป่นและนำน้ำสุกเล็กน้อย คนให้เข้ากัน อย่าให้เละมากจนเกินไปจากนั้นนำไปเลี้ยงหมูได้เลย สูตรนี้ สามารถนำไปเลี้ยงหมูได้ 9 ตัวต่อ 1 มื้อ (หมูน้ำหนักตัวละ 15 – 30 กิโลกรัม) จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ และประหยัดต้นทุนอาหารหมูได้
หมายเหตุ : การทำอาหารหมูตามสูตรนั้น สามารถต้มปลายข้าวไว้ได้แต่ไม่ควรจะผสมวัตถุดิบทุกอย่างทิ้งไว้ข้ามวัน เพราะอาหารหมูอาจจะเสีย ทำให้หมูท้องเสียได้ นอกจากนี้ สามารถนำเศษผักไปผสมคลุกเคล้าได้ตามความเหมาะสม

แหล่งอ้างอิงข้อมูล :
https://www.rakbankerd.com/agriculture/print.php?id=4257&s=tblplant