เกษตรกรกลุ่มผู้ผลิตผัก ตำบลหนองพระ อำเภอวังทรายพูน และตำบลห้วยแก้ว อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร ที่มีรายได้หลักจากการปลูกถั่วฝักยาว เนื้อที่ 132 ไร่ ประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยเคมีและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จ.พิษณุโลก (สวพ.2) จึงได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรลงไปช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ให้กับเกษตรกร สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตถั่วฝักยาวให้มีผลผลิตเพิ่มเกือบเท่าตัว จากเดิมผลิตที่มีผลผลิตเฉลี่ย 2,000 กิโลกรัม/ไร่ หลังใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นถึง 3,850 กิโลกรัมต่อไร่

รู้จัก 5 เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต “ ถั่วฝักยาว ”
ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร แนะนำ 5 เทคโนโลยีการผลิตของกรมวิชาการเกษตรเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตถั่วฝักยาว ดังต่อไปนี้
1.เทคโนโลยีปุ๋ยชีวภาพ
ส่งเสริมเกษตรกรใช้ปุ๋ยชีวภาพละลายฟอสเฟต 5 กิโลกรัม คลุกผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ 100 กิโลกรัม ให้เข้ากันแล้วใช้รองก้นหลุมพร้อมปลูกหรือใส่รอบโคนต้นถั่วฝักยาวที่อายุ 1-2 สัปดาห์
2. เทคโนโลยีการผสมปุ๋ยใช้เอง
จากเดิมที่เกษตรกรใช้เทคโนโลยีปุ๋ยเคมีสูตรสำเร็จ ก็เปลี่ยนเป็นการผสมปุ๋ยใช้เองตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร โดย ปุ๋ยรองพื้น ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 7 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับ 18-46-0 อัตรา 17 กิโลกรัมต่อไร่ และ 0-0-60 อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อถั่วฝักยาวมีอายุ 1 เดือนใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 13 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยสูตร 0-0-60 อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่

3. เทคโนโลยีไส้เดือนฝอยกำจัดแมลงสายพันธุ์ไทย ป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกหนอนกินใบในระยะตัวอ่อน เช่น หนอนกระทู้ หนอนชอนใบ หนอนคืบ เป็นต้น โดยใช้อัตรา 5-10 ถุงต่อน้ำ 20 ลิตร ปริมาณและความเข้มข้นต่อพื้นที่จะแปรผันตามความรุนแรงของการระบาด
4. เทคโนโลยีการใช้มวนพิฆาต ควบคุมหนอนกระทู้ หนอนคืบ และหนอนเจาะผลมะเขือ ทำการปล่อยมวนพิฆาตจำนวน 1,000-3,200 ตัวต่อไร่ต่อครั้ง ตามความรุนแรงของการระบาดของศัตรูพืช

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตรส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกถั่วฝักยาวพันธุ์พิจิตร 3 ของกรมวิชาการเกษตรแทนพันธุ์การค้า สำหรับถั่วฝักยาวพันธุ์พิจิตร 3 มีลักษณะเด่น คือ เนื้อหนา อายุเก็บเกี่ยวสั้น 43 วัน ให้ผลผลิตสูง 3,861 กิโลกรัมต่อไร่ที่สำคัญเกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองในฤดูกาลผลิตต่อไปได้
ภายหลังจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร ถ่ายทอดความรู้ 5 เทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตร รวมทั้งการผลิตพืชปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP สามารถช่วยเกษตรกรลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพการผลิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการเพาะปลูกแบบเดิม เกษตรกรจะได้ผลผลิตเฉลี่ย 2,000กิโลกรัมต่อไร่ แต่หลังใช้เทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตร ได้ผลผลิตสูงขึ้นถึง 3,850 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าเดิมถึง 1,850 กิโลกรัมต่อไร่ คิดเป็นผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ขณะเดียวกันสามารถลดต้นทุนการผลิตลง 1,250 บาทต่อไร่ เกษตรกรมีรายได้ 36,700 บาทต่อไร่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรหลังการทำนา ช่วยสร้างความยั่นยืนในอาชีพให้กับชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
