จังหวัดสระบุรี
สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ขานรับนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนการใช้ “แหนแดง” เพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร เผยประโยชน์จากแหนแดงตอบโจทย์ในด้านการเกษตร ประมง และปศุสัตว์ นางสาวอัจฉรา สุขสมบูรณ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอหนองแค กล่าวว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้เปิดตัวโครงการขยายผลการผลิตและใช้แหนแดงเพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร อันเนื่องมาจากสถานการณ์ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงและผันผวน จึงมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสม ใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ) และใช้พืชปุ๋ยสด มีการรณรงค์ให้มีการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) เป็นต้นแบบและกลไกในการขยายผลการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการจัดการดินและปุ๋ยอย่างเหมาะสมสู่ชุมชน ซึ่งเทคโนโลยีที่เกษตรกรสนใจใช้เพื่อแก้ปัญหาปุ๋ยแพงในขณะนี้คือ การผลิตและใช้แหนแดง สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เห็
สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เชิญชวนผู้เพาะปลูกพืชขึ้นทะเบียนเกษตรกรปี 2566 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ควรปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เพาะปลูกแล้ว 15 วัน ให้แจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกร หากเป็นไม้ผลหรือไม้ยืนต้นควรแจ้งปรับปรุงข้อมูลทุกปี นางสาวอัจฉรา สุขสมบูรณ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอหนองแค กล่าวว่า จากนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของ นายปรีชา สายแสง เกษตรจังหวัดสระบุรี ที่มอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปี 2566 กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยให้สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องเกษตรกรให้มาแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เมื่อเกษตรกรทำการเพาะปลูกแล้ว 15 วัน ให้แจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกร หากเป็นไม้ผลหรือไม้ยืนต้น ให้แจ้งปรับปรุงข้อมูลทุกปีให้เป็นปัจจุบัน เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน และเป็นข้อมูลการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร รวมถึงเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืช และสนับสนุนโครงการตามมาตรการภาครัฐต่างๆ นั้น สำนักงานเกษตรอำเภอหนอง
สำนักงานเกษตรจังหวัดสระบุรี ร่วมกับ สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค เร่งฟื้นฟูการเรียนรู้ตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกร ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมที่นำมาพัฒนาและใช้ในการอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการเกษตร โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ของเกษตรกร การทำงานโรงเรียนเกษตรกรมุ่งเน้นให้เกษตรกรร่วมกันทำการศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเอง (Learning by doing) เริ่มตั้งแต่การวางแผนการศึกษา วิเคราะห์ ทดลอง และทำกิจกรรมร่วมกันโดยมีการพบปะกันระหว่างเกษตรกรกับเจ้าหน้าที่เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ในไร่นา ตั้งแต่เริ่มปลูกเพื่อจะได้เรียนรู้การเจริญเติบโตของพืชในแต่ละช่วงอายุการเจริญเติบโต ความสัมพันธ์ และการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศดิน น้ำ และพืช แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจจัดการกับพืชที่ปลูก ซึ่งวิธีการนี้เป็นการฝึกให้เกษตรกรได้มีโอกาสคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจด้วยตนเอง รวมถึงการนำวิธีการที่ได้ผลจากคำแนะนำของทางราชการหรือความรู้จากแหล่งอื่นๆ รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นมาฝึกทำเองอย่างง่ายๆ เพื่อพิสูจน์และเปรียบเทียบผล โดยแบ่งเกษตรกรออกเป็นกลุ่มทำงานที่สอดคล้องกับปัญหาของเกษตรกรแต่ละ
โคนม ถือเป็นสัตว์ที่มีมูลค่าสูงทางเศรษฐกิจ โคนมเพศเมียมีหน้าที่สร้างน้ำนม ในส่วนของโคนมเพศผู้นั้นเมื่อเกิดมาได้ไม่นานก็จะต้องถูกขายเข้าโรงฆ่าสัตว์เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่มีราคาค่อนข้างต่ำ เนื่องด้วยเนื้อโคนมไม่เป็นที่นิยมมากนักในกลุ่มของผู้ที่กินเนื้อวัว ในขณะที่เนื้อโคขุนจะได้รับความนิยมที่มากกว่า เพราะโคขุนถูกเลี้ยงเพื่อสร้างเนื้อสำหรับบริโภคโดยเฉพาะ ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยว่า ธุรกิจด้านอาหารในประเทศไทยเติบโตมากขึ้นทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อโคขุนมีความต้องการมากเพิ่มขึ้นไปด้วย ทำให้มีการนำเข้าเนื้อโคขุนจากต่างประเทศซึ่งทำให้เนื้อโคขุนนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาที่สูงขึ้น ดังนั้น เนื้อโคนมจึงเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง หากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศสามารถเพิ่มคุณภาพของเนื้อโคนมได้เทียบเท่ากับเนื้อโคขุนจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นและยังช่วยลดการนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศ คุณบุษกร บุญส่ง หรือ คุณโม อายุ 18 ปี อาศัยอยู่ บ้านโคกเชือกใต้ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นเกษตรกรเพาะเลี้ยงโคนมเพศผู้ มาเป็นระยะเวลา 3 ปี คุณบุษกรเล่าถึงจุดเริ่ม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม ถ่ายทอดเทคโนโลยีเตาชีวมวลเพื่อผลิตก้อนเพาะเห็ด ภายใต้โครงการสนับสนุนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเหมาะสมเพื่อชุมชน (CTAP) ให้แก่ กลุ่มเกษตรกรผู้เพาะบ้านโพธิ์พร้อมจิต ซึ่งเป็นต้นแบบของการดำเนินโครงการฯ และเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ได้จากการพัฒนาและปรับปรุงเตาชีวมวลให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเห็ดอย่างเป็นรูปธรรม โดยการสนับสนุนของสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดสระบุรี การถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวประกอบด้วย กิจกรรมการสาธิตวิธีการใช้งาน การบำรุงรักษา และแก้ไขปัญหาเบื้องต้น รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกลุ่มเกษตรกรและนักวิจัย วว. โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาและสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกรด้วยกันเอง รวมทั้งเครือข่ายการดำเนินงานระหว่างเกษตรกรและภาครัฐเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม ประสบผลสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา เตาชีวมวลเพื่อชุมชน ซึ
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายอำเภอของจังหวัดสระบุรียังไม่คลี่คลาย มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเฉพาะด้านอาหารและน้ำดื่มที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เครือซีพี และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จึงระดมทีมจิตอาสาลงพื้นที่นำอาหารและน้ำดื่ม ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ สู้ภัยน้ำท่วม” ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเคียงข้างพี่น้องชาวสระบุรีผู้ประสบอุทกภัย ผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปด้วยกัน นางสาวญาณิพัชญ์ ศรีโคตร นายอำเภอดอนพุด พร้อมด้วยชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอดอนพุด ร่วมกันรับมอบผลิตภัณฑ์อาหารสด ทั้งเนื้อหมูสด เนื้อไก่สด และไข่ไก่ จากซีพีเอฟ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน สำหรับแจกจ่ายแก่ประชาชนใน 3 ตำบล ของอำเภอดอนพุด ได้แก่ ตำบลไผ่หลิ่ว ตำบลบ้านหลวง และตำบลดอนพุด ที่ชาวชุมชนยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พื้นที่บ้านเรือนมีน้ำขัง ประชาชนต้องอยู่อย่างยากลำบาก และบางจุดเส้นทางถูกตัดขาดต้องใช้เรือท้องแบนในการสัญจรเข้าออกพื้นที่ โดยมี นายชาญณรงค์ ส้มแก้ว และ นายภัทรพงษ์ มงคล ผู้แทนซีพีเอฟ นำทีมงานซีพีเอฟจิตอาสาจากธุรกิจไก่เนื้อ ธุรกิจสุกร แ
จังหวัดสระบุรี เหล่ากาชาดจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับ ซีพี-เมจิ ส่งมอบผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตคุณภาพสูง แก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย สู้ภัยโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วย นางวรสุดา รัตนสุคนธ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี และ นายแพทย์กฤษณ์ สกุลแพทย์ นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดสระบุรี รับมอบผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตคุณภาพสูง ซีพี-เมจิ มูลค่ากว่า 200,000 บาท ในโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” ตามนโยบายเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อเป็นกำลังใจและแทนคำขอบคุณแก่บุคลากรทางการแพทย์ในการปฎิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ พร้อมเสริมพลังกายให้เเข็งแรงและพลังใจที่เข้มแข็งแก่ผู้ป่วยสู้ภัยโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี 10 แห่ง ได้แก่ รพ.สระบุรี รพ.หนองแค รพ.พระพุทธบาท รพ.บ้านหมอ รพ.วิหารแดง รพ.ดอนพุด รพ.หนองแซง รพ.เสาให้ รพ.สนามสระบุรี และสถานกักตัวผู้ป่วยโควิด-19 สระบุรี โดยมี นายวิวัฒน์ ภูมิพิทักษ์กุล ที่ปรึกษา และ นางสาวชาลินี พูนลาภมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เป็นผู้แทนมอบ ความช่วยเหลือดังกล่าว เป็นไปตา
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) โดยมี นายวิศิษฐ์ ศรี สุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานกรรมการ อ.ส.ค. นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ อ.ส.ค. นายพิษณุ คล้ายเจตน์ดี สหกรณ์จังหวัดสระบุรี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และเกษตรกร ให้การต้อนรับ ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ในการนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบเวชภัณฑ์ยาฆ่าแมลง และถังฉีดพ่นให้กับสหกรณ์ในเขตภาคกลาง จำนวน 15 แห่ง ที่ส่งนมให้ อ.ส.ค. เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม พร้อมรับชมการสาธิตฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงด้วย นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ กล่าวว่าจากสถานการณ์โรคระบาดการติดเชื้อไวรัส ลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤติหนักในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีมีควา
รังไหม มีเส้นใยให้นำไปทอร้อยเรียงอย่างเป็นระเบียบได้ผืนผ้าที่งดงาม ส่วนรังไหมเปล่ามักถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่า แต่ปัจจุบันมีหลายกลุ่มกิจกรรมรวมทั้งวิสาหกิจชุมชนรังไหมประดิษฐ์ ได้นำรังไหมเปล่ามาแปรรูปประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ประเทืองผิว เหมาะที่จะเป็นของใช้และเป็นของฝาก เป็นทางเลือกสู้กับวิกฤตเศรษฐกิจด้วยการสร้างโอกาสสร้างงานทำในยามว่างที่ก่อให้มีรายได้นำไปสู่วิถีการยังชีพที่มั่นคง คุณสุพจน์ ประสมทอง เกษตรอำเภอบ้านหมอ เล่าให้ฟังว่า สภาพพื้นที่โดยทั่วไปในเขตอำเภอบ้านหมอมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเกษตร ทั้งการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และทำการประมงเพาะเลี้ยง การพัฒนาการผลิต ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรสู้กับสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ผันแปรด้วยการทำการเกษตรผสมผสานหรือทำไร่นาสวนผสม ให้ผลิตในระบบเกษตรดีที่เหมาะสม GAP เพื่อให้ได้สินค้าเกษตรคุณภาพมาตรฐาน ให้มีการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนทำกิจกรรมด้านการแปรรูปหรือประดิษฐ์ผลผลิตเกษตรเพื่อการเพิ่มมูลค่า และใช้เวลาในยามว่างให้เกิดประโยชน์ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงด้านการผลิตและการตลาดเกษตร รังไหมสู่การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า รังไหมที่เอาเส้นใย
ดร. เรวดี อนุวัฒนา นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม (ศนพ.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นายทรงเกียรติ รอดแดง นักวิจัย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลอัตโนมัติ (ศนย.) วว. พร้อมคณะวิจัย ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ เรื่อง “การจัดการขยะและการเพิ่มมูลค่าขยะ” ให้แก่ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชนจังหวัดสระบุรี โอกาสนี้ยังได้รับความอนุเคราะห์จาก นายรัฐ เรืองโชติวิทย์ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อมวิทยากร ร่วมเป็นวิทยากรด้วย เมื่อวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2564 ณ อาคารคัดแยกขยะตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว วว. ร่วมกับ มูลนิธิรักษ์ไทย จัดขึ้น โดยการสนับสนุนของ บริษัท ซันโทรี เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผ่านการดำเนินโครงการการคัดแยกขยะให้กับโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ประกอบด้วยการจัดอบรมเพื่อเสริมศักยภาพชุมชน และการเยี่ยมชมเทคโนโลยีการจัดการขยะชุมชนผลงานของ วว. ที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งขยะเก่าและขยะใหม่ และใช้เทคโน