ผลไม้
ช่วงสงกรานต์…ไม่ใช่แค่เทศกาลแห่งความสนุกสนานและการเล่นน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ใครหลายคนรอคอย เพื่อกลับไปหาครอบครัว กลับไปเยี่ยมบ้านที่จากมา กลับไปกอดพ่อแม่ หรือรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ที่เรารักและเคารพ แต่การ “กลับบ้าน” ในแบบของชาวสวน ชาวไร่ หรือคนทำเกษตรนั้น มันมีอะไรพิเศษกว่านั้น เพราะผลผลิตจากสวนของเราเองก็สามารถกลายเป็น “ของฝากที่มีคุณค่า” ได้ง่ายๆ แถมยังอบอุ่นหัวใจทั้งผู้ให้และผู้รับ เพราะเราไม่ได้กลับมือเปล่า แต่เรากลับไปพร้อมของขวัญที่เราปลูกเองกับมือ จากหยาดเหงื่อและความใส่ใจตลอดทั้งปี อาจเป็นผลไม้จากต้นที่เราเฝ้ารดน้ำทุกเช้า อาจเป็นพืชผักอินทรีย์ที่ปลอดภัยจากสารเคมี หรืออาจเป็นข้าวหอมๆ จากนาที่เราเพาะปลูกมาด้วยหัวใจ ของขวัญเหล่านี้ไม่ต้องหรู ไม่ต้องแพง แต่ “มีคุณค่า” เพราะมันเต็มไปด้วยความรัก ความตั้งใจ และความผูกพันที่ส่งต่อจากสวนถึงครัว ของฝากจากสวนที่ใครๆ ก็หลงรัก เลือก “วิธีจัด” ให้น่ารัก น่าให้ อย่าแค่ใส่ถุงพลาสติกแล้วจบ ลองจัดให้น่ามองขึ้นอีกนิด คนรับจะรู้สึกประทับใจยิ่งกว่า ไอเดียจัดเซ็ต ของฝากจากสวน อาจไม่ต้องซื้อ แต่กลับ “ล้ำค่า” เพราะมันเต็มไปด้วยความรัก
เคยสังเกตไหมว่าผลไม้ที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าส่วนใหญ่มักจะมีสติกเกอร์แปะอยู่ ซึ่งสติกเกอร์เหล่านั้นไม่ได้มีไว้แค่บอกราคา หรือตกแต่งผลไม้ให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีตัวเลขสำคัญที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการปลูกและการผลิตผลไม้นั้นๆ ด้วย! วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะพามาไขความลับว่าตัวเลขเหล่านี้บอกอะไรบ้าง “สติกเกอร์ที่มีตัวเลขบนผลไม้” ซึ่งเราจะเห็นบนแอปเปิ้ล กล้วย ส้ม ฯลฯ ที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้น เรียกว่า Price Look-Up (PLU) numbering codes หรือ รหัสเลข PLU สำหรับดูราคา สินค้าทางการเกษตรที่เป็นของสด ไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิต กำหนดตัวเลขโดยหน่วยงาน the International Federation for Produce Standards (IFPS) ที่คอยดูแลรายการรหัสตัวเลข 5 ตำแหน่ง (ที่บางที เห็นเป็น 4 ตำแหน่งนั้น ก็เพราะว่ามันมีเลขศูนย์ นำหน้า) ซึ่งใช้ระบุคุณลักษณะของสินค้า ตั้งแต่สายพันธุ์ ชนิด ขนาด พื้นที่เพาะปลูก และวิธีการเพาะปลูก (เช่น เป็นเกษตรอินทรีย์) ตัวเลขนี้ได้เริ่มนำมาใช้ในห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ ตั้งแต่ยุค ค.ศ.1990 เพื่อให้สามารถตรวจสอบและจัดจำแนกสินค้าทางการเกษตร ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และแม่นยำขึ
ขึ้นชื่อว่า เกลือ นึกถึงก็ต้องขยาดด้วยรสชาติความเค็ม กินเปล่าๆ คงไม่ไหว แต่รู้ไหมว่ารสเค็มๆ ของเกลือสามารถเพิ่มความหวานให้ผลไม้ได้ อีกทั้งยังช่วยลดสารพิษในผลไม้ได้ เกลือ ช่วยลดสารพิษ พ่อบ้านแม่บ้านยามที่ซื้อผลไม้หรือผักมาจากตลาด หากไม่มั่นใจว่าจะมีสารตกค้างในผักหรือผลไม้หรือไม่ สามารถสร้างความมั่นใจได้โดยนำผลไม้แช่ในน้ำเกลือนานพอสมควรแล้วล้างให้สะอาดอีกครั้งหนึ่งจึงรับประทาน ผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือก เช่น ฝรั่งและชมพู่ ใช้วิธีการนี้ได้ เกลือ ช่วยให้ผลไม้รสหวาน คุณสมศักดิ์ เดโชจิรกุล ผู้ปลูกส้มโอที่ชัยนาท บอกว่า อยากให้ส้มโอรสดีควรหว่านเกลือให้กับต้นส้มโอปีละ 1 ครั้ง ใช้เกลือที่เก่าๆ สีออกดำ ราคาไม่แพง คุณสวัสดิ์ เปาทุย ผู้ปลูกมะพร้าวที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร แนะนำว่า ผู้ที่ปลูกมะพร้าวน้ำหอมอยู่ไกลทะเล หากต้องการให้ติดผลดก น้ำมะพร้าวหอมหวาน หว่านเกลือเก่าๆ ให้บ้าง จะช่วยให้ต้นมะพร้าวที่ปลูก ติดผลดกและมีรสชาติหอมหวานอร่อยตามที่ต้องการ เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562
น.ส.นริศรา เอี่ยมคุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ภาพรวมไม้ผลภาคตะวันออก 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ปี 2567 (ข้อมูล ณ 4 เม.ย. 2567) ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ระยอง จันทบุรี ตราด ผลผลิตรวมจำนวน 1,114,070 ตัน เพิ่มขึ้น 6.48% หรือเพิ่มขึ้น 67,816 ตัน จากปี 2566 ที่มีจำนวน 1,046,254 ตัน โดย มังคุด เพิ่มขึ้นมากที่สุด 42% รองลงมา เงาะ เพิ่มขึ้น 8% ลองกอง เพิ่มขึ้น 3% และทุเรียน 1% ผลผลิตรวมของไม้ผลทั้ง 4 ชนิดเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศปีนี้มีความเหมาะสมต่อการออกดอกและติดผลของมังคุด เงาะ ลองกอง จากการได้พักต้นสะสมอาหาร ซึ่งปีที่ผ่านมาออกดอกติดผลน้อย ส่วนทุเรียนผลผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอัตราเนื้อที่ให้ผลทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราการลดลงของผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ซึ่งเนื้อที่เริ่มให้ผลผลิตในปี 2567 ได้เป็นปีแรกเพิ่มขึ้นกว่า 38,000 ไร่ ทั้งนี้ ผลผลิตไม้ผลทั้ง 4 ชนิด จะออกมากที่สุดในเดือนพ.ค. 2567 คิดเป็น 51% ของผลผลิตทั้งหมด เนื่องจากในปีที่ผ่านมาสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการออกดอกติดผลของไม้ผล จึงได้พักต้
เมื่อถึงช่วงเปลี่ยนฤดูกาลทีไร โรคที่คนส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาเป็นประจำคือ “โรคหวัด” หลายคนนิยมไปซื้อวิตามินรับประทานเพื่อบำรุงร่างกายให้มีภูมิต้านทานโรคในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลแบบนี้กันมากขึ้น วิตามินเม็ดรับประทานสะดวกก็จริง แต่สำหรับใครที่อาจมีงบประมาณไม่เพียงพอ หันมารับประทานผลไม้บางชนิด ก็สามารถช่วยต้านหวัดได้ไม่แพ้อาหารเสริม ผลไม้ที่ว่านี้ ได้แก่ มะข้ามป้อม (Star gooseberry) มะขามป้อม เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับมะยม โดยทั่วไปแล้วจะเจริญเติบโตดีในเอเชียเขตร้อน เป็นพืชที่เหมาะสำหรับภูมิอากาศในประเทศไทย มีผลกลม เนื้อหนา สีเขียว รสชาติฝาด ขม เปรี้ยว และอมหวาน ซึ่งมะขามป้อมนั้นเป็นผลไม้ที่เลื่องชื่อในด้านการมีวิตามินซีสูงมาก จึงช่วยป้องกันโรคหวัดได้ดี มะขามป้อม อุดมไปด้วยวิตามินซี โดยมีข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย ระบุว่า ในมะขามป้อมสด 100 กรัม จะมีวิตามินซีอยู่ถึง 276 มิลลิกรัม หากนำผลมะขามป้อมไปคั้นน้ำ จะมีวิตามินซีสูงกว่าน้ำส้มคั้นถึง 20 เท่า มะขามป้อมดีต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดอาการเจ็บคอ ทำให้เสมหะละลาย แก้หวัด ช่วยลดไข้ เป็นยาโบราณที่มีการใช้มานานแล้ว โดยการนำมะขามป้อมไป
อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวให้นอนไม่หลับ! และยิ่งเราพยายามข่มตาหลับกลับรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าพอเรานอนไม่หลับสิ่งแรกที่เราจะทำคือการลงไปหาอะไรกินเพื่อให้หนังท้องตึงหนังตามันจะได้หย่อน แต่ไม่ใช่ว่าจะกินอะไรก็ได้นะคะ เพราะกินผิดแทนที่จะหลับเราอาจจะได้โรคอื่นตามมาด้วยเช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือโรคกรดไหลย้อน เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปถ้าเราเปลียนมากินผลไม้ที่หากินได้ง่ายและราคาย่อมเยาว์เหล่านี้! นอกจากมันจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย พวกมันยังเป็นผลไม้ที่ช่วยให้เรานอนหลับสบายอีกด้วย!! 1.กล้วย ผลไม้รสหวานที่เดี๋ยวนี้หาทานได้ง่ายเพียงแค่เราเดินเข้าร้านสะดวกซื้อก็มีให้เลือกกลับมากินแล้ว ที่สำคัญกล้วยมีสารทริปโตเฟน ที่เป็นตัวช่วยให้นอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น และยังมีสารอาหารอย่างโพแทสเซียมกับแมกนีเซียมที่ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายแถมส่งผลดีต่อการนอน 2.กีวี่ กีวี่เป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำแต่มีคุณค่าทางอาหารสูง กีวี่มีทั้งวิตามินหลากชนิด แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โฟลิก แคโรทีนอยด์ โพลีฟีนอล และสารอื่น ๆ อีกมากมาย จากการศึกษาและทดลองพบว่าการรับประทานผลกีวี่ก่อนเข้าน
นายอดุลย์ ผิวเหลือง หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดพะเยา และคณะ นายการุณย์ มะโนใจ เกษตรอำเภอเชียงม่วน ลงพื้นที่แปลงปลูกลำไยนอกฤดูของ นายคุณากร มูลศรี หมู่ที่ 4 บ้านป่าแขมใต้ ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพื่อประเมินคุณภาพ และปริมาณผลผลิต โดยจะเปิดขายผ่าน Thailand post mart ทั้งระบบออนไลน์ และออฟไลน์ ประมาณกลางเดือนตุลาคม 2565 สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354
กาญจนบุรี เป็นอีกจังหวัดของบ้านเราที่มีพืชผักผลไม้อุดมสมบูรณ์ มีทั้งพืชไร่และพืชสวน พร้อมกันนั้น กลุ่มเกษตรกรหลายกลุ่มก็นำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งสร้างรายได้อย่างงาม โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่ปลูกแบบอินทรีย์เพราะสามารถขายได้ราคาสูงกว่าผักทั่วไปที่ใช้เคมี อย่างกลุ่มเกษตรอินทรีย์สุขใจไทรโยคที่มี คุณวิมล โพธิ์มี เป็นประธาน กลุ่มนี้เป็นเครือข่ายหนึ่งของสามพรานโมเดล โดยมี คุณอรุษ นวราช ผู้บริหารโรงแรมสามพรานฯ นั่งเป็นประธาน ผ่านมาตรฐาน PGS กลุ่มเกษตรอินทรีย์สุขใจไทรโยค ตั้งอยู่ที่อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี มีสมาชิกทั้งหมด 15 ราย ปลูกพืชพันธุ์พื้นเมืองและผักผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนั้น ยังนำผลผลิตหลายอย่างมาแปรรูป อาทิ ทำแป้งกล้วย กล้วยอบกล้วยฉาบหลากหลายรสชาติ ทำห่อหมกหัวปลี มะขามแช่อิ่ม และน้ำพริก ฯลฯ ผลผลิตของสมาชิกทั้งหมดปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ที่ผ่านมาตรฐานระบบการรับรองแบบมีส่วนร่วม (PGS) ที่ขับเคลื่อนโดยสามพรานโมเดล คุณวิมลและสมาชิกในกลุ่มได้สาธิตการปิ้งอบหัวปลี ลักษณะคล้ายๆ การทำห่อหมกหัวปลีแบบปิ้ง ซึ่งมีจุดเด่นตรงการใช้แป้งกล้วยที่ทำขึ้นเองประธานกลุ่มเกษตรอินทรีย์สุขใจไทรโยคแจงว่า ในชุม
ช่วงนี้กระแสพืชใบด่างกำลังมาแรง แต่ไม่ได้มีอะไรมาเขียนให้อ่านหรอกครับ เพียงแค่จะชวนไปรู้จักกับผลไม้สีแดงชนิดหนึ่งที่มีทางภาคใต้ของไทย เป็นผลไม้ท้องถิ่นพื้นบ้านที่มีมาช้านาน ในชื่อ “มะไฟกา” มะไฟกา หรือ มะไฟแดง ไม้ผลยืนต้นพื้นเมืองตามป่าธรรมชาติของภาคใต้ โดยเฉพาะในผืนป่าตอนล่าง มีผลกลมสีแดงแกมม่วง มีรสเปรี้ยว ชาวบ้านนิยมนำผลอ่อนใส่ในแกงคั่ว หรือบางพื้นที่นำเปลือกผลสุกที่เป็นสีแดงไปยำกับหนังหมูและกุ้งแห้ง ผลสดเมื่อสุกรับประทานได้ มีวิตามินซีสูง จึงมีสรรพคุณทางยามากมาย ผลมะไฟกามีลักษณะไม่ต่างจากมะไฟพันธุ์อื่น เพียงแต่เปลือกผลมีสีแดงเข้มเท่านั้น หากมองมะไฟกาเป็นผลไม้ อาจมีความด้อยในเรื่องรสเปรี้ยว แต่มีเสน่ห์ตรงผลสีแดงเข้ม เมื่อถึงช่วงผลผลิตที่มะไฟกาออกดอกติดผลตั้งแต่โคนต้นจากพื้นดินไปจนถึงปลายกิ่ง ผลที่สุกนั้นมีสีแดงสด เด่นสะดุดตา ทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมาปลูกมะไฟกาเป็นไม้ประดับสวนจะเกิดความสวยงาม เพราะเป็นพืชที่ดูแลง่าย ปลูกได้ในดินทั่วไป แต่โดยส่วนใหญ่จะชอบดินร่วน ควรปลูกในสภาพมีพืชร่วมช่วยบังแสง เพราะไม่ชอบแสงแดดจัด จึงควรปลูกร่วมกับไม้ยืนต้น โดยธรรมชาติผลไม้ชนิดนี้มีรสเปรี้ยว เจริญเติบโ
นายชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลสำรวจข้อมูลเอกภาพของไม้ผลตะวันออก (จันทบุรี ระยอง ตราด) ปี 2564 (ข้อมูล ณ 26 มีนาคม 2564) โดย สศก. ร่วมกับคณะทำงานสำรวจข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก พบว่า ไม้ผลทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง มีผลผลิตรวม 900,126 ตัน ลดลงจากปี 2563 ที่มีจำนวน 995,501 ตัน (ลดลง 95,375 ตัน หรือร้อยละ 10) เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หนาวเย็นนาน สลับกับมีฝนตกในช่วงปลายปี 2563 จนถึงต้นปี 2564 ทำให้ออกดอกได้น้อย ไม่เต็มต้น โดย ทุเรียน ให้ผลผลิต 575,542 ตัน (เพิ่มขึ้น 25,507 ตัน หรือร้อยละ 5) มังคุด 106,796 ตัน (ลดลง 105,549 ตัน หรือร้อยละ 50) เงาะ 197,708 ตัน (ลดลง 12,929 หรือร้อยละ 6) และลองกอง 20,080 ตัน (ลดลง 2,404 ตัน หรือร้อยละ 11) ทั้งนี้ ผลผลิตทั้ง 4 ชนิด จะออกมากช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 สำหรับสถานการณ์ภาพรวมไม้ผลทั้ง 4 ชนิด พบว่า ทุเรียน ขณะนี้ ออกดอกแล้วทั้งหมด ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวในช่วงแรกเป็นทุเรียนพันธุ์เบา และทุเรียนที่ใช้สารกระตุ้นการออกดอกจะเป็นพันธุ์กระดุมและ