รัชกาลที่ 9
วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๖.๓๐ น. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พร้อมด้วย นายปรีชา ลิ้มถวิล รองเลขาธิการ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นางสาวอมรรัตน์ แขวงโสภา ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง นายสุริยะ ลิภตะไชยโย รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ และคณะ ร่วมวางพวงมาลาเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเนื่องในวันนวมินทรมหาราช วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลที่ ๙ ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๑๓ ตุลาคม “วันนวมินทรมหาราช” เป็นปีที่ ๘ ของวันสวรรคตในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๖ ได้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ ๑๓ ตุลาคมของทุกปี ว
“จน เครียด กินเหล้า” เป็นช่วงต่ำสุดของชีวิต พ่อคำเดื่อง ภาษี ปราชญ์ชาวบ้านแห่งจังหวัดบุรีรัมย์ สุดยอดคนเกษตรแห่งแดนอีสาน ในอดีต พ่อคำเดื่องปลูกพืชเชิงเดี่ยวอย่างปอ มันสำปะหลัง ถั่วลิสง อ้อย ยาสูบ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ยิ่งทำมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นหนี้เป็นสินมากขึ้นเท่านั้น เพราะเครียดจากความล้มเหลวทางการเกษตร จึงหันหน้าไปหาเหล้ายาจนชีวิตเกือบพังไม่เป็นท่า โชคดีพ่อคำเดื่องได้สติยั้งคิดว่านี่ไม่ใช่ทางออกของปัญหา หันมาเรียนรู้การพึ่งพาตัวเองโดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในชีวิต ยึดหลักความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี ออมน้ำ ออมดิน ออมต้นไม้ ให้สภาพแวดล้อมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกพันธุ์ไม้นับหมื่นต้นพลิกฟื้นผืนดินให้อุดมสมบูรณ์ เติบโตอย่างมั่นคงในวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติ จนสามารถปลดหนี้สินได้ภายใน 4 ปี ยึดหลักวิถีเกษตรกรรมธรรมชาติ พ่อคำเดื่องค้นพบวิถีทางที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี เพราะธรรมชาติได้จัดสรรให้แมลงศัตรูพืชแต่ละ
ชุมชนคลองน้อย ตำบลคลองน้อย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตริมสองฝั่งคลอง เพราะเป็นพื้นที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ มีแม่น้ำและลำคลองตามธรรมชาติล้อมรอบหลายสาย “สวนมะพร้าว” คืออาชีพหลักของชาวชุมชนคลองน้อย ชาวบ้านส่วนใหญ่จะปลูกมะพร้าวกันแทบทุกครัวเรือน อาชีพรองคือ การปลูกไม้ผล ได้แก่ กระท้อน มังคุด ส้มโอ มะนาว ชมพู่ทูลเกล้า กล้วย พืชผักต่างๆ และสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2560 ชาวสวนปาล์มน้ำมันตำบลคลองน้อย จำนวน 68 ราย รวมตัวกันเป็นแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลคลองน้อย เนื้อที่ 771 ไร่ ภายใต้การนำของ คุณสุมาตร อินทรมณี ในฐานะผู้จัดการเกษตรแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันตำบลคลองน้อยและเป็นนายกสมาคมชาวสวนปาล์ม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากในอดีตชาวชุมชนคลองน้อย ทำสวนมะพร้าวเป็นอาชีพหลัก หลังประสบปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำก็หันมาทำสวนปาล์มน้ำมันกันมากขึ้น แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ขาดความรู้เรื่องการปลูก การบำรุงรักษาสวนปาล์มน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเกิดการรวมกลุ่มแปลงใหญ่มีการสนับสนุนให้สมาชิกเรียนรู้วิธีการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตปาล์มน้ำมัน ผสมปุ๋ยใช้เอง และใช้ปุ๋ยหมักจากทะลายปาล์ม และแนะนำให้สมาชิกใส่ปุ๋ยตามผลกา
พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯปลื้ม ประชาชนร่วมใจภักดี น้อมรำลึกวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ “วันดินโลก” ในงาน “มหกรรมภูมิพลังแผ่นดิน” ประจำปี 67ตลอด 4วันอย่างคึกคัก โดยประชาชนได้ให้ความสนใจกิจกรรมอบรมวิชาของแผ่นดินและอบรมเวิร์คช็อปอาชีพด้านเกษตร เพื่อน้อมนำแนวพระราชดำริสู่การทำเกษตรยั่งยืน แม้จะจบไปแล้วสำหรับงานมหกรรม “ภูมิพลังแผ่นดิน” งานยิ่งใหญ่แห่งปี ซึ่งสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) จัดขึ้นระหว่างวันที่2-5 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้านการจัดการดินเพื่อการเกษตร ถ่ายทอดองค์ความรู้นวัตกรรมเกษตรตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงแก่สาธารณชน ผู้ทรงเป็นดั่งกำลังของแผ่นดิน พร้อมเชิดชูพระเกียรติในฐานะที่ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม โดยปีนี้มีนิทรรศการที่จัดขึ้นภายใต้ชื่อ ดินดี น้ำอุดม ป่าสมบูรณ์ เกื้อกูลชีวิต นิทรรศการจากเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ คนรุ่นใหม่ผู้น้อมนำคำสอนพ่อ ดิน น้ำ พลังงาน สร้างคลังอาหารชีวิต และนิทรรศก
พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เตรียมจัดงานมหกรรมใหญ่ “แรงบันดาลใจ” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้และนำไปใช้ประโยชน์ ในการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 15 ตุลาคม 2566 ตั้งแต่เวลา08.00 – 17.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จ.ปทุมธานี พลอากาศเอก เสนาะ พรรณพิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า “13 ตุลาคม เวียนมาบรรจบครบ 7 ปีแห่งการเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย หากแต่พระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง ยังคงจารึกอยู่ในหัวใจและความทรงจำของพสกนิกรชาวไทย ผ่านหลักคำสอน โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ หลักการทรงงานที่พระองค์พระราชทานไว้ เปรียบดั่งเข็มทิศนำทางเป็นต้นแบบ และสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตของคนไทยเสมอมา สำหรับการจัดงานมหกรรมแรงบันดาลใจในครั้งนี้ เ
“ทำไม่เยอะ ทำน้อยๆ แต่เรามีกำลังใจที่จะทำตลอดเวลา ทำไม่ต้องเยอะ ทำแล้วมีเงินมีตังค์ใช้ เหลือกินก็แจก เหลือแจกก็ขาย” นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ คุณเจริญ สุขวิบูลย์ ชาวสวนเกษตรผสมผสาน ที่คลุกคลีอยู่กับการเกษตรมาเกือบ 20 ปี ถือเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ หันมาทำเกษตรผสมผสาน หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ คุณเกษตรชัย แปลนดี เกษตรอำเภอลำปลายมาศ เล่าว่า สำหรับเกษตรผสมผสานของ คุณเจริญ สุขวิบูลย์ เป็นเกษตรต้นแบบอย่างแท้จริง เนื่องจากว่าการทำการเกษตรครอบคลุมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพืชไม้พุ่มอย่าง ไผ่ ที่สร้างรายได้จากการนำเอาหน่อไม้จากต้นไผ่มาขาย และยังมีการเจาะน้ำจากกอไผ่เพื่อไปขาย ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ที่ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีรายได้เสริมเข้ามาจากการทำปุ๋ยหมักชีวภาพขาย ที่ได้มาจากการเลี้ยงโค โดยวิธีการทำปุ๋ยหมัก จะนำมูลโคมาทำตามกระบวนการและปล่อยทิ้งไว้ให้ครบกำหนดวัน จากนั้นนำมาขายและสามารถใช้กับพืชที่ปลูกภายในสวนของเขาเองอีกด้วย “ด้วยประสบการณ์มากถึง 10 กว่าปี ที่คลุกคลีอยู่กับการเกษตร ศึกษาเรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกษตร จนทำให้ได้รับการยกย่องจากชาวบ้
“ได้ไปที่ประจวบคีรีขันธ์ ที่คลองวาฬ ซึ่งมีสถานีประมงที่คลองวาฬเขาเลี้ยงปลาที่เป็นปลาทะเล เรียกว่า ปลานวลจันทร์ทะเล เขาจับปลานวลจันทร์เล็กๆ ที่อยู่ในทะเลเอามาขาย และสำหรับเลี้ยงในบ่อ ซึ่งถ้าเลี้ยงในบ่อน้ำมันจืดลง ปลานวลจันทร์ทะเลนั้นก็เติบโตได้ เป็นอันว่าจะเป็นอาชีพสำหรับชาวบ้าน ไปซื้อมา เขาไม่ได้ซื้อ เราซื้อให้ไป ซื้อเอามาปล่อยในอ่างเก็บน้ำ และเมื่อปล่อยแล้วมันก็เติบโต เติบโตดีปีหนึ่งมันเติบโตมาขายได้เป็นเงิน เป็นหลายแสน แต่ชาวบ้านก็ไม่ค่อยสนใจ จึงเลิกปลานวลจันทร์ทะเลมันไม่ มันไม่เติบโต เอ้อมันไม่แพร่พันธุ์ในบ่อ ในอ่างมันจะแพร่พันธุ์ได้แต่ในทะเล แต่ก็ยังไงก็จับได้และขายได้ ซึ่งถ้าสมมติว่าไปซื้อมาแล้วมาปล่อยแล้วก็ดูแล และถึงเวลาก็ขาย ก็เป็นอาชีพที่ดี” พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2544 ปลานวลจันทร์ทะเล เป็นปลาที่สามารถเลี้ยงได้ทั้งน้ำจืดรวมถึงน้ำเค็ม สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรได้อย่างมากมาย ทั้งยังมีรสชาติที่อร่อย นำไปประกอบอาหารได้หลายประเภท เป็นที่ต้อ
วันที่ 14 ตุลาคม 2565 พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เปิดงานนิทรรศการหมุนเวียน ในความทรงจำนิรันดร์เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ระหว่างวันที่ 13-16 ตุลาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ทาง Online Facebook พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ และ Onsite ที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ปทุมธานี พลอากาศเอก เสนาะ พรรณพิกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปิดเผยว่า “เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม ครบรอบ 6 ปี ที่พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย แต่พระเกียรติยศ พระเกียรติคุณพระองค์ยังปรากฏท่วมท้นเหนือเกล้า เรื่องราวความดีงามของพระองค์ยังคงสถิตอยู่ในความทรงจำและประทับอยู่ในดวงใจชาวไทยนิรันดร์ การจัดงานนิทรรศการหมุนเวียนในความทรงจำนิรันดร์ในครั้งนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพของพระมหาก
“เมื่อก่อนที่ยังไม่มีโครงการลำพะยังตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกษตรกรส่วนมากอาศัยเฉพาะน้ำฝนถ้าปีไหนฝนดีตกต้องตามฤดูกาลก็อาจจะได้ผลลผลิตดี ถ้าฝนน้อยจะทำให้ได้ผลผลิตต่ำมาก พื้นที่แห้งแล้งหาน้ำให้สัตว์เลี้ยงยังยาก” นายวิศักดิ์ อารมณ์สวะ ผู้ใหญ่บ้านโนนสูง บ้านโนนสูง หมู่ที่ 7 ต.คุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เผยในระหว่างการเตรียมต้อนรับ นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วย นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ นายหทัย วสุนันต์ ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการฯ สำนักงาน กปร. และคณะอนุกรรมการฯ ที่เดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบนพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.สงเปลือย อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามความก้าวหน้า และผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯผู้ใหญ่บ้านโนนสูงเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า แต่ก่อนพื้นที่ที่นี่แห้งแล้งกันดาร ถ้าต้องการน้ำเพื่อเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย หรือน้ำบริโภคของคนจะหายากมาก หลังจากได้รับน้ำจากโครงการฯ ก็สร้างความเป็นอยู่ให้เกษตรกรในพื้นที่ดีขึ้นมาก บางราย
“ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย เมื่อก่อนไม่เคยได้เห็นเงิน ปีหนึ่งได้ 300 – 400 บาท แต่มาทุกวันนี้บางเดือนได้จับเงินแสน เป็นความภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนสกลนคร รู้สึกปลื้มใจที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ ทุกวันนี้ได้จัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวฮางงอก บ้านนาเลาและศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เมื่อก่อนทำนาขายข้าวได้ราคาที่ถูกมาก กิโลกรัมละ 7 – 8 บาทเมื่อนำมาแปรรูปเป็นข้าวฮางงอกขายได้กิโลกรัมละ 70 – 80 บาท ทำให้สมาชิกในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียงมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมสามารถส่งลูกเรียนจบปริญญาตรีได้อย่างไม่ขัดสน” นางดวงตา ดากาวงค์ ประธานศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ “แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร” บ้านนาเลา ตำบลบึงทวาย อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนครกล่าวในระหว่างสื่อมวลชนเยี่ยมชมผลงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวฮางงอก บ้านนาเลากลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้มีสมาชิกเริ่มต้น 11 คน โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร เข้ามาส่งเสริมด้วยการฝึกอบรมการผลิตข้าวฮางเพื่อเพิ่มมูลค่า ปัจจุบันมีสมาชิก 21 คน ผลผ