ราคาข้าว
ในระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยนำคณะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อสำรวจผลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2560/2561 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยประชุมร่วมกับตัวแทนเกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด 17 จังหวัดจากทั้งหมด 20 จังหวัด ที่ได้รายงานประเมินความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ปลูกข้าวเบื้องต้น (ยังไม่สิ้นสุด) รวมได้ 2.68 ล้านไร่ จากเนื้อที่ปลูกข้าวทั้งหมดในภูมิภาครวม 36.6 ล้านไร่ หากคิดตามผลผลิตต่อไร่ 400-430 กก.ไร่ จะคิดเป็นข้าวเปลือกเสียหาย 1.0-1.1 ล้านตัน จากปริมาณผลผลิตที่คาดการณ์จะได้ 7-8 ล้านตัน โดยจังหวัดที่มีความเสียหายมากที่สุด ได้แก่ จ.ร้อยเอ็ด 724,562 ไร่ สกลนคร 377,355 ไร่ ยโสธร 252,288 ไร่ มหาสารคาม 239,848 ไร่ และกาฬสินธุ์ 184,656 ไร่ ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคาดว่าภาพรวมข้าวเปลือกนาปีจะมีปริมาณลดลง โดยข้าวหอมมะลิลดลง 5-6% ข้าวเหนียวลดลง 8% ถือเป็นตัวเลขที่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ สวนทางกับความรู้สึกทุกภาคส่วนที่มองว่า ปกติปริมาณน้ำมากจะส่งผลดีต่อข้าวที่ปลูกในนาดอน ทำให้มีผลผลิตมากขึ้น ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกนาปีขณะน
พาณิชย์ถกเกษตรฯ-คลัง แก้ปมวัตถุดิบอาหารสัตว์ หากขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลี 27% ยกเลิกมาตรการ 3 ต่อ 1 ปลายปีนี้ ดันต้นทุนอาหารสัตว์พุ่ง หวั่นกระทบผู้ส่งออกกุ้ง-เกษตรกร-ผู้ผลิตอาหารคน “อภิรดี” นำคณะลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ติดตามสถานการณ์ผลผลิตข้าวโพดปี’60/61 รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมการค้าภายในได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมประมง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ เพื่อให้ความเห็นกรณีพิจารณายกเลิกมาตรการบังคับให้ซื้อข้าวโพด 3 ส่วน เพื่อนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน หรือ (มาตรการ 3 ต่อ 1) ในปลายปีนี้ แล้วให้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าข้าวสาลี 27% เท่าเดิม แต่ที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า กรมการค้าภายในวิเคราะห์ว่า หากปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าข้าวสาลีเป็น 27% จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตอาหารสุนัขและแมว จากปัจจุบันใช้ข้าวสาลี กก.ละ 11.18 บาท หากรวมภาษีนำเข้าเพิ่มเป็น 14.20 บาท ซึ่งมีปริมาณการใช้ข้าวสาลีในสูตรอาหารสัตว์ 8-45% จะทำให้ต้นทุนอาหารสุนัขและแมวที่จำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นตันละ 338.74 บาท, อาหารสุนัขส่งออกเพิ่ม
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในขณะนี้ไม่มีสต็อกของรัฐบาลมากดดันเรื่องราคาข้าวในตลาดแล้ว และข้าวเริ่มกลับมามีคุณภาพมากขึ้นจากที่เกษตรกรไม่เร่งผลิตมากเกินไป มีเวลาเอาใจใส่ดูแลใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ นอกจากนี้บางประเทศผู้ผลิตข้าวยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม คืออินเดีย และบัคลาเทศ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ไทยจะแข่งขันในตลาดข้าวได้มากขึ้น โดยหวังว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะผลักดันให้ข้าวที่กำลังจะออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้ประเภทหอมมะลิ ที่ 1.1 -1.2 หมื่นบาทต่อตันข้าวเปลือก ข้าวขาว ซึ่งมีปริมาณมากที่สุด มีราคาสูงกว่า 8,000 – 9,000 บาทต่อตันข้าวเปลือก อย่างไรก็ตามจากการแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่เริ่มไต่ระดับขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ถึงปัจจุบันเฉลี่ยมากถึง 8 % ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรัฐบาลยังไม่มีแนวทางป้องกัน แก้ไขหรือระมัดระวังปัญหานี้ ดังนั้นจึงคาดว่าจะส่งผลอย่างยิ่งต่อการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ใช้วัตถุดิบและผลลผิตในประเทศทั้งหมด 100% ซึ่งในส่วนของข้าวที่มีคู่แข่งสำคัญคือเวียดนาม ปัจจุบันเงินด่งแข็งค่าขึ้นเพียง 2 % เท่านั้น ซึ่งต่างจากไทยอยู่ถึ
“คลังกลาง” รับสภาพจ่ายค่าชดเชยส่วนต่างราคาข้าวผิดเกรดหลังรัฐบาลเมินไม่ตรวจสต๊อกข้าวซ้ำ แถมเร่งให้ผู้ชนะประมูลเดินหน้าขนข้าวออก เจ้าของคลังลั่น ขอต่อสู้คดีทางกฎหมาย “ทำความจริงให้สังคมรับรู้” TDRI ชี้ หากขายแยก “ข้าวดี-ข้าวเสื่อม” ต้องใช้เวลา 12 ปี รัฐแบกต้นทุนค่าเก็บรักษาอ่วม ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเข้ามาว่า เมื่อต้นสัปดาห์นี้ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ประชุมร่วมกับ “เจ้าของคลัง” รับฝากเก็บข้าวจากโครงการรับจำนำปี 2554-2557 โดยมีเจ้าของคลังเข้าร่วมทั้งหมด 159 คลัง จากทั้งหมด 700 คลัง แบ่งเป็น เจ้าของคลังพื้นที่ 1 ภาคเหนือ จำนวน 35 ราย, พื้นที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 70 ราย, พื้นที่ 3 ภาคกลาง จำนวน 34 ราย และพื้นที่ 4 ภาคใต้ จำนวน 20 ราย เพื่อแก้ไขปัญหาค้างค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของคลังสินค้าที่รับฝากเก็บข้าวโครงการรับจำนำ โดยการประชุมกับเจ้าของคลังครั้งนี้ อคส.ต้องการตรวจสอบ “ตัวเลขค่าเช่าคลังที่ อคส.ค้างชำระ” เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนในการชำระหนี้จะได้ถูกต้องรวดเร็ว แต่มีข้อสังเกตว่า เจ้าของคลังกลาง 8 คลัง ซึ่งร้องเรียนเรื่องการจัดเกร
ราคาข้าวสารผันผวนหนัก ต้นสัปดาห์ร่วงอีกรอบเหลือตันละ 11,400 บาท ตลาดตื่นไทยพลาดออร์เดอร์ประมูลข้าวบังกลาเทศให้โอแล่ม 50,000 ตัน ด้านสมาคมผู้ส่งออกฯมั่นใจส่งออก ก.ค.ยังได้ 900,000 ตัน หลังครึ่งปีแรกทะลุ 5.4 ล้านตัน “เอเซีย โกลเด้นไรซ์” ครองเบอร์ 1 แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวเปิดเผยกับ ?ประชาชาติธุรกิจ? ถึงสถานการณ์ราคาข้าวสารได้ปรับลดลงอีกครั้ง โดยล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ผู้ส่งออกเปิดราคารับซื้อข้าวขาว 5% จากโรงสีเหลือตันละ 11,400-11,600 บาท จากที่เคยปรับลดลงมาระลอกหนึ่งก่อนหน้านี้มาอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท จากราคาที่เคยสูงถึงตันละ 14,000-14,500 บาท ผู้ส่งออกข้าวหลายรายได้ให้เหตุผลว่า ผู้ซื้อในต่างประเทศมองผลผลิตข้าวเดือนหน้าของไทยยังมีปริมาณมาก ประกอบกับผลการประมูลข้าวฟิลิปปินส์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฏ ไทยชนะประมูลเพียง 25,000 ตัน ขณะที่เวียดนามชนะไปถึง 175,000 ตัน และการประมูลซื้อข้าวนึ่งจากเอกชนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาของบังกลาเทศ 50,000 ตัน ทางบริษัทโอแล่ม เทรดเดอร์ข้าวก็เป็นผู้ชนะไปอีก นอกจากนี้รัฐบาลก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ให้กับบังกลาเทศได้ ทั้งหมดน
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตตามหลักเกณฑ์ของโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอให้แก่เกษตรกรกลุ่มที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของโครงการแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเนื่องจากความคลาดเคลื่อนในกระบวนการดำเนินงาน จำนวน 40,985 ราย คิดเป็นวงเงินไม่เกิน 409.85 ล้านบาท โดยให้ดำเนินการภายในระยะเวลา 90 วัน นับถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และให้ กค. กำกับดูแลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรโดยผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้ถูกต้องครบถ้วน โดยจะต้องไม่มีการหักเงินที่เกษตรกรพึงได้รับจากโครงการไปใช้เพื่อการอื่นก่อน เช่น การชำระหนี้ที่เกษตรกรมีอยู่กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลที่มีลักษณะเป็นโครงการที่ดำเนินงานครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศและมีประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากในอนาคตเป็นไปอย่างมีประ
คอลัมน์ แตกประเด็น โดย ชุติมา บุณยประภัศร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้าวไทยมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเกือบ 200,000 ล้านบาทต่อปี แต่ต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ส่งออกข้าวรายใหม่ที่มีความสามารถในผลิตข้าวด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศไทย ประกอบกับ “ข้าว” เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาไทย 17 ล้านคน ซึ่งเป็นรายย่อยกว่า 10 ล้านคน ยังคง “ติดกับดักความยากจน” จากต้นทุนการผลิตสูง ทั้งต้องเช่าที่ดินทำนาในอัตราค่าเช่าสูง พื้นที่เพาะปลูกขนาดเล็ก ขาดความรู้ในการทำนาอย่างถูกวิธีในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ใช้สารเคมีมากเกินขนาดจนดินเสื่อมสภาพ ขาดเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ต่างคนต่างทำ ทำนาหลายรอบใน 1 ปีแต่ไม่มีการวางแผนการตลาด เมื่อผลผลิตออกต้องเร่งขาย ทำให้ขาดอำนาจต่อรอง และได้ผลตอบแทนน้อย เรียกว่า “ยิ่งทำนายิ่งยากจน” ด้วยเหตุนี้ “รัฐบาล” ทุกยุคทุกสมัยมักมุ่งแก้ไขปัญหาเฉพาะราคาผ่านมาตรการรับจำนำ ประกันราคา แจกปัจจัยการผลิต ซึ่งไม่ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและยังไม่สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรแบบยั่งยืน การแก้ไขปัญหาในวันนี้จะคิดและทำแบบเดิมไม่
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต๊อกรัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ใน 32 จังหวัด เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพฤติกรรมและความเคลื่อนของบริษัทเอกชน จำนวน 13 ราย ที่ชนะการประมูลซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนครั้งที่ 1 /2560 ว่า มีการดำเนินการถูกเป็นไปตามเงื่อนไข และวัตถุประสงค์หรือไม่ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับเบาะแสว่า จะมีการลักลอบนำข้าวในสต็อกดังกล่าวไปจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่มั่นใจในการทำงานของทุกฝ่ายส่วน โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายในและองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้มีการตั้งคณะติดตามเรื่องนี้ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อติดตามการระบายข้าวในสต็อกจากระบายทุกขั้นตอนจากโกดัง ไปสู่โรงงานของผู้ประกอบการ ให้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ดังนั้น ตนมั่นใจว่า จะไม่มีการลักลอบนำข้าวในสต็อกรัฐบาล
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ ข้าวไทยในตลาดโลกว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม – 27 มิถุนายน 2560 ส่งออกได้แล้วปริมาณ 5.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20% มูลค่าเงินบาท 87,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และเงินเหรียญสหรัฐ 2,535 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16% ประเมินว่าปีนี้ยอดส่งออกข้าวทั้งปีจะทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10 ล้านตัน และมีแนวโน้มที่จะทำสถิติการส่งออกข้าวใหม่ อาจจะ ส่งออกได้สูงถึง 11 ล้านตัน “ขณะนี้ตลาดข้าวไทยเป็นขาขึ้นชัดเจน ไม่ใช่ดีขึ้นแค่ยอดการ ส่งออก แต่ราคาส่งออกก็ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว ราคาส่งออกข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 458 เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากตันละ 440 เหรียญ ข้าวนึ่งตันละ 476 เหรียญ จาก 460 เหรียญ และข้าวหอมมะลิตันละ 778 เหรียญ เพิ่มจากตันละ 700 เหรียญ ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,700-8,900 บาท และข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 10,000-11,000 บาท” “ปัจจัยทำให้ตลาดข้าวไทยขาขึ้นเพราะรัฐบาลดำเนินนโยบาย ถูกทาง การดูแลเกษตรกร เร่งระบายข้าวในสต๊อก ขณะนี้ระบายอีก แค่ครั้ง 2 ครั้งก็จะไม่มีข้าวเหลือในสต๊อกแล้ว ทำให้แรงกดดัน ต่อตลาดข้าวไทยหมดไป” นางอภิรดี กล่าว ขอบคุณข้อ
ชาวนา เถ้าแก่โรงสีข้าวภาคใต้ใจชื้น ราคาข้าวขยับขึ้น 20% โรงสีกำลังการผลิตล้นเกือบ 50% ข้าวไม่พอขาย เหตุเกษตรกรหันไปปลูกปาล์มหลังรัฐบาลยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นายสุทธิพร กาฬสุวรรณ เจ้าของโรงสีพัฒนโสภณเจริญพาณิชย์ ในฐานะนายกสมาคมโรงสีข้าวและกลุ่มชาวนาภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าปีนี้ธุรกิจโรงสีข้าวและกลุ่มชาวนาในภาคใต้เริ่มมีรายได้ดีขึ้น เนื่องจากราคาข้าวได้ขยับขึ้นประมาณ 20% เช่น ข้าวขาวจากเดิมราคาตันละ 5,800-6,000 บาท ขยับขึ้นถึง 7,100-7,200 บาท ส่วนข้าวพันธุ์พื้นเมือง เช่น เล็บนก ข้าวเฉี้ยง และข้าวสังข์หยด ราคาดีต่อเนื่องและมีเสถียรภาพในระดับ 10,000-18,000 บาท/ตัน แต่ชาวนาจะมีรายได้ที่ดีหากราคาข้าวเปลือก (ข้าวขาว) อยู่ที่ 8,500 บาท/ตัน และข้าวพันธุ์พื้นเมือง 10,000 บาท/ตัน ในระดับความชื้น 15% ทั้งนี้ประเมินว่าแนวโน้มราคาข้าวจะดีขึ้น เพราะได้ปรับฐานราคา และที่สำคัญปริมาณข้าวในสต๊อกของรัฐบาลเหลือน้อยและเป็นข้าวเสื่อมคุณภาพ ขณะนี้ชาวนาได้ตื่นตัวในการปลูกข้าวอีกครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการที่จะทำนาปรัง ซึ่งแหล่งปลูกข้าวรายใหญ่ของภาคใต้คือ จังหวัดพัทลุง สงขลา แ