ราคาสินค้าเกษตร
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ราคาผลผลิตสินค้าเกษตร ไตรมาส 1 ปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% ราคา 11,449 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 17.82% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 9,717 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้านาปี 15% ราคา 11,447 บาทต่อตัน ราคาเพิ่มขึ้น 17.97% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 9,700 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้านาปรังความชื้น 15% ราคา 11,425 บาทต่อตัน ราคาเพิ่มขึ้น 17.10% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 9,756 บาทต่อตัน ข้าวนาปีหอมมะลิราคา 14,068 บาทต่อตัน ราคาเพิ่มขึ้น 5.68% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 13,313 บาทต่อตัน หัวมันสำปะหลังสดคละราคา 3.05 บาทต่อกิโลกรัม ราคาเพิ่มขึ้น 6.36% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 2.87 บาทต่อกิโลกรัม อ้อยโรงงานราคา 1,438 บาทต่อตัน ราคาเพิ่มขึ้น 27.58% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 1,127 บาทต่อตัน สับปะรดปัตตาเวียส่งโรงงานราคา 10.95 บาทต่อกิโลกรัม ราคาเพิ่มขึ้น 48.12% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าที่ราคา 7.39 บาทต่อกิโลกรัม ยางแผ่นดิบชั้น 3 ราคา 62.86 บาทต่อกิโลกรัม ราคาเพิ่มขึ้น
ต้อนรับปีมังกร เข้าสู่เดือนที่สองกุมภาพันธ์ กว่าจะถึงเดือนนี้ทำเอาหลายคนเหงื่อตกเลยทีเดียว สำหรับวันนี้จะพาทุกคนไปดูทิศทางแนวโน้มสินค้าเกษตรไทยในปี 2567 จะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาแค่ไหน ทิศทางราคาสินค้าหลายรายการมีการปรับตัวขึ้น ทั้งข้าวเปลือก มันสำปะหลัง ยางพารา แต่ก็มีบางรายการที่ปรับตัวลดลง ปัจจัยที่แท้จริงที่ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับราคาขึ้น ไม่ได้เกิดจากตัวของสินค้าเกษตร แต่เป็นปัจจัยของสถานการณ์ภายนอกที่ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นนั่นเอง ราคาข้าวที่ปรับขึ้นเป็นผลมาจากอินเดียมีการระงับการส่งออกข้าวทำให้ตลาดโลกมีความต้องการ ส่งผลให้ราคาข้าวดี หากเมื่อดูราคาสินค้าข้าวของไทยจริงๆ นั้น ไม่ได้ปรับขึ้นจากต้นทุนราคาข้าว เพราะต้นทุนการปลูกข้าวยังสูง ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ราคามันสำปะหลังที่ปรับขึ้นในตอนนี้เป็นผลมาจากผลผลิตลดลง จากปัญหาโรคใบด่าง ถึงแม้ว่าสินค้าจะปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ ทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ราคาสินค้าเกษตรในประเทศที่ผันผวนในทุกปี ซึ่งราคาที่แกว่งขึ้น-ลงส่งผลกระทบต่อเกษตรกร แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด #เทคโนโลยีชาวบ้าน #ราคาสินค้าเกษตร #สินค้าเกษตรไทย #เช็
จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รู้ว่าอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการกักตัวอยู่บ้าน เพราะช่วงที่มีประกาศจากภาครัฐให้ลดการออกจากบ้าน เพื่อช่วยหยุดเชื้อลดการติดต่อของโรคโควิด-19 ทำให้ช่วงเวลานั้นเกษตรกรหลายท่านที่ทำเกษตรแบบผสมผสานในบริเวณบ้านของตนเอง สามารถมีแหล่งอาหารที่สามารถนำมาประกอบอาหารเองได้ พร้อมกับส่วนที่เหลือนอกจากแจกจ่ายให้กับญาติแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้เป็นเงินนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนอีกด้วย ทำให้แม้ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ผู้ที่ทำเกษตรรอบบ้านยังสามารถมีผลผลิตกินเองและสร้างรายได้อีกด้วย คุณเชษฐา แก้วทับคำ อยู่บ้านเลขที่ 226 หมู่ที่ 6 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จงหวัดตาก ทำเกษตรแบบผสมผสาน บนเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ พร้อมทั้งมีการสร้างปุ๋ยหมักและน้ำหมักใช้เอง จึงทำให้ผลผลิตที่ปลูกสามารถลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี และนอกจากมีผลผลิตไว้ใช้บริโภคเองภายในครัวเรือนแล้ว ส่วนที่มีมากก็นำมาจำหน่ายสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านเกิดความสนใจและอยากที่จะเรียนรู้การทำเกษตรผสมผสานตามวิถีของเขา จึงส่งผลให้บ้านของเขาเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้การทำเกษตร คุณเชษฐา เล่าว่า ช่วงแรกทำการเกษ
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และการเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนธันวาคม 2563 ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลัง กุ้งขาวแวนนาไม และสุกร มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว น้ำตาลทรายดิบ และปาล์มน้ำมัน มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.64-7.66 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.20-0.50 เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่ความต้องการใช้เพื่อผลิตอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์และการส่งออกอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวและปีใหม่ ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 54.85–57.85 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.13-5.60
คุณมงคล จอมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า สำนักงานได้จัดประกวดแปลงใหญ่ดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2563 ขึ้น โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมคัดเลือกการประกวดแปลงใหญ่ดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2563 โดยมีประธานแปลงใหญ่ดีเด่นระดับจังหวัดทั้ง 8 จังหวัดภาคตะวันตก เข้าร่วมประชุม พร้อมนำเสนอผลการดำเนินงานแปลงใหญ่ ณ ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี จากนั้นคณะกรรมการได้มีการพิจารณา ผลปรากฏว่าแปลงใหญ่ดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2563 ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ แปลงใหญ่สับปะรดผลสด ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ แปลงใหญ่เมล่อน ตำบลดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ แปลงใหญ่โคนมนครปฐม 1 หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และรางวัลชมเชย ได้แก่ แปลงใหญ่มะพร้าว ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สำหรับแปลงใหญ่ที่ได้รับรางวัลระดับเขตจะได้รับรางวัลโดย รางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบ
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนพฤษภาคม 2563 ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สุกร และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น มีเพียงยางพาราแผ่นดิบที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2563 โดยส่วนมากมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,525-10,412 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.10-10.52 เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อาทิ ประเทศอินเดียและเวียดนาม มีมาตรการล็อกดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว ประกอบกับประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลกอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าว จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งออกข้าว ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 14,496-14,579 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.88-1.46 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวจากประเทศฮ่อ
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว ยางพาราแผ่นดิบ ปาล์มน้ำมัน และสุกร มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง กุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,764-8,466 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.52-9.61 เนื่องจากภาวะภัยแล้งทำให้ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในการผลิตข้าวนาปรังรอบแรกและรอบที่สอง ส่งผลให้ผลผลิตข้าวนาปรังทั้งปี อยู่ที่ 4.814 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงมากถึงร้อยละ 32.86 เมื่อเทียบกับปีก่อน ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 13,790-13,939 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.09-1.18 เนื่องจากผลผลิตข้าวหอมมะลิส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2562 ทำให้ไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาด ประกอบกับภาวะภ
รมว.กษ. รุกนโยบายการผลิตสินค้าเกษตร ให้สอดคล้องความต้องการของตลาด เพื่อให้ราคาสินค้าเกษตรมีเสถียรภาพ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ต้องการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำกว่าต้นทุนการผลิตของชาวนา จึงได้จัดทำโครงการปลูกพืชอื่นๆ หลังฤดูทำนาปี โดยในรายการพืชอื่นๆ นั้น มีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นทางเลือกหนึ่งและมีพืชใช้น้ำน้อยอื่นๆ ด้วย แต่สำหรับมันสำปะหลังนั้นไม่ได้อยู่ในรายการพืชอื่นๆ หลังฤดูทำนาปี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมันสำปะหลัง กระทรวงเกษตรฯ พิจารณาว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีอนาคต ที่จะปรับปรุง พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง สำหรับสถานการณ์การผลิตข้าว ปัจจุบัน พบว่า ข้าว มีผลผลิตส่วนเกินจากความต้องการตลาด โดยไทยมีพื้นที่เพาะปลูกทั้งประเทศ ประมาณ 71.8 ล้านไร่ ปริมาณผลผลิตประมาณ 32.63 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการทั้งในและนอกประเทศเฉลี่ย 5 ปี ประมาณ 30.88 ล้านตัน ดังนั้น จึงเกิดผลผลิตส่วนเกิน 1.75 ล้านตัน เมื่อคำนวณกลับเป็นพื้นที่จะมีเนื้อที่ปลูกข้าวมากเกินความต้องการ 2.6 ล้านไร่ ขณะที่พืชเศรษฐกิจหลักอีกหลายชนิดที่ให้ผลตอบแทนสูงก
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาธ.ก.ส. คาดการณ์สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต้อนรับปีใหม่ 2561 ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า 5% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.52-4.87% อยู่ที่ราคา 8,440-8,719 บาท/ตันข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.30-3.85% อยู่ที่ราคา 12,470-12,658 บาท/ตัน และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.20-4.32% อยู่ที่ราคา 9,515-9,810 บาท/ตัน เนื่องจากยังมีความต้องการของตลาดต่างประเทศและมาตรการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2560/61 ที่ช่วยชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดและมาตรการภาครัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลาดข้าวเหนียวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเหนียวเพื่อช่วยสนับสนุนราคาให้สูงขึ้น ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ความชื้นไม่เกิน 14.5% จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.10-0.30% อยู่ที่ราคา 6.79-6.93 บาท/ก.ก. เนื่องจากเข้าสู่การปลูกข้าวโพดช่วงฤดูแล้ง (เริ่มปลูกเดือนธ.ค.) ประกอบกับมาตรการดำเนินการเชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของภาครัฐที่ได้เริ่มขยายผลจา
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ จะเชิญนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมจัดทำแผนเร่งด่วนกับพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัดและสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ ในการผลักดันปัญหาราคาสินค้าเกษตรแบบครบวงจร ทั้งราคายางพารา ปาล์ม ข้าว,มันสำปะหลัง และผลไม้ เป็นต้น ถือเป็นการทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างแก้ปัญหา ทำให้ราคาสินค้าเกษตรไม่มั่นคง เบื้องต้นเน้นการส่งเสริมด้านพันธุ์พืช พื้นที่เพาะปลูก การทำเกษตรแปรรูป การสร้างแบนรด์สินค้า และการหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ “ พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด และสหกรณ์ มีข้อมูลที่สมบูรณ์อยู่แล้ว แต่หากไม่มีการบูรณาการร่วมกัน ก็จะไปกันคนละทิศคนละทาง ช่วงที่ผ่านมาได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแล้ว จนในที่สุดจึงเป็นที่มาในการประชุมร่วมกันทั้งสองกระทรวง ดังนั้น มั่นใจว่าเมื่อมีการทำแผนและทำงานร่วมกันจะช่วยผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรค่อยๆฟื้นตัว และอยู่ในระดับที่เกษตรกรค่อนข้างพอใจแน่นอน ” นายสนธิรัตน์ กล่าว