สมาร์ทฟาร์มเมอร์
“ตรัง” เป็นจังหวัดแรกที่ส่งเสริมให้คนไทยปลูกยางพารา ทุกวันนี้จังหวัดตรังเป็นแหล่งปลูกยางพาราที่สำคัญของภาคใต้ และมีพื้นที่ปลูกยางพารามากที่สุดเป็น อันดับ 4 ของประเทศ (พื้นที่สวนยางพารา 1.5 ล้านไร่) ยางพาราจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดตรัง และมีอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราแบบครบวงจรในท้องถิ่น เช่น สหกรณ์กองทุนสวนยางวังคีรี ที่มีผลงานแปรรูปยางแผ่นรมควันเกรดพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพสูง และชุมนุมสหกรณ์ตรัง ผู้นำด้านการแปรรูปยางอัดก้อนจำหน่ายทั้งในและส่งออก อย่างไรก็ตาม ปัญหาวิกฤตราคายางพาราตกต่ำที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่ออาชีพและรายได้ของเกษตรกรชาวสวนยางพาราจำนวนมาก รัฐบาลจึงวางเป้าหมายพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน ส่งเสริมการลดพื้นที่ปลูกยาง โดยการโค่นสวนยางเดิมและส่งเสริมให้ผู้ปลูกยางพาราปรับเปลี่ยนไปประกอบอาชีพเกษตรกรรมใหม่ เช่น การเลี้ยงสัตว์ หรือการปลูกพืชผัก ผลไม้ ทั้งนี้ รัฐบาลจะมอบทุนอุดหนุนแก่เกษตรกรชาวสวนยาง ที่สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน ไร่ละ 10,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่ทดแทนการทำสวนยาง ถือเป
ละทิ้งความแออัดจากสังคมเมืองที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ขับรถมาทางแปดริ้ว ลัดเลาะมาจนถึงแถววัดพระพิฆเนศองค์ใหญ่ (วัดสมานรัตนาราม) ผ่านทางเข้าสวนมะพร้าวน้ำหอมโคโค่คาวบอย สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวน้ำหอมที่มีทั้งออกลูกเต็มต้นและที่กำลังออกลูกมีใบพลิ้วไหว และสีเขียวขจี เป็นสีแห่งการพักสายตาที่ตัดกับร่องน้ำที่ดูแล้วสดชื่น เหมือนได้สูดอากาศสะอาดเข้าไปฟอกปอดยังไงยังงั้น ได้มะพร้าวน้ำหอมแช่เย็นทั้งลูกเฉาะดื่มในยามที่อากาศร้อนและกระหายน้ำ จินตนาการเห็นภาพได้เลยว่า สดชื่น ไม่ว่ายามไหน ยามเหน็ดเหนื่อยก็หายเหนื่อย ยามกระหายแก้ได้เป็นอย่างดี และเชื่อกันว่า มะพร้าวอ่อนนั้นยังมีสารชะลอความแก่ได้ดีอีกด้วย การปลูกมะพร้าวน้ำหอมเป็นอาชีพนั้น ยังไงก็ขายได้ เพราะเป็นผลไม้ที่เก็บได้หลายวัน นำไปประกอบอาหารคาวหวานได้หลากหลาย มะพร้าวน้ำหอมไทย เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อถึงความหอม เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยและมีหลายพันธุ์ แต่ในที่นี้มีสวนมะพร้าวน้ำหอมที่ดูแลโดย ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Young Smart Farmer) หรือมะพร้าวน้ำหอมของเกษตรกรรุ่นใหม่ อย่างสวน โคโค่คาวบอย ทางผู้เขียนได้สัมภาษณ์ น้องส้ม หรือ คุณยอดหญิง พรชัยสิทธิ์ อา
27 กันยายน 2564 – บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี เร่งยกระดับเทคโนโลยีภาคการเกษตรและเกษตรกรเพื่อก้าวสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ หรือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ผนึกความร่วมมือกับบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ดำเนินโปรเจกต์นำร่อง ARV x Samsung CSR Collaboration Project เพื่อให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับกลุ่มเกษตรกร พร้อมสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ควบคู่กับการใช้แอปพลิเคชัน “วรุณ (VARUN)” ซึ่งเป็นแอปเพื่อบริหารจัดการแปลงเกษตรอย่างครบวงจรบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ พร้อมเตรียมพัฒนา 3 เทคโนโลยีดีพเทคเพื่อลดปัญหาของภาคเกษตรกรไทยในช่วงปลายปี 2564 – 2565 ได้แก่ เทคโนโลยีเพื่อลดการใช้แรงงานมนุษย์ในการทำเกษตรกรรม เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการพืช แพลตฟอร์มเพื่อการจับคู่เกษตรกร และผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการทางการเกษตร ปัจจุบัน เออาร์วีมีการพัฒนาหลากโซลูชันเพื่อการเกษตรอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเพื่อการฉีดพ่นปุ๋ยน้ำที่มีความแม่นยำและช่วยเก็บข้อมูลจากพื้นที่ผ่านภาพถ่ายแอปพลิเคชัน “วรุณ (VARUN)” ซึ่งเป็นแอปฯ ใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่แ
คุณวิชิต ว่องวัฒนาการ กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย พร้อมด้วย คุณเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ดร.อภัวัฒน์ จ่าตา นายกสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย และ คุณกมลชนก ประเสริฐสม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย ร่วมแถลงข่าว การดำเนินโครงการฟอร์ดเติมฝันเกษตรกรหญิงรุ่นใหม่ (Ford Move Her Business) คุณเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีนโยบายในการส่งเสริมสตรีในภาคการเกษตรให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านการเกษตรมาโดยตลอด รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง และเชื่อมโยงการทำงานระหว่างกัน ซึ่งที่ผ่านมามีเกษตรกรหญิงจำนวนไม่น้อยพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรและเกษตรกรอัจฉริยะ (Smart Farmer) ที่สามารถเป็นต้นแบบในการประกอบอาชีพการเกษตรของชุมชนและเกษตรกรรายอื่นต่อไปได้ ดร.อภิวัฒน์ จ่าตา นายกสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ฟอร์ด ประเทศไทย และสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ได้ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมทั้งสื่อมวลชนเกษตรและเกษตรกร ให้มีโอกาสเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความรู้ในการทำก
พื้นที่ที่ถูกขุดปลูกเป็นไร่อ้อย กว่า 600 ไร่ ในเขตตำบลหนองจาน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในความดูแลของเกษตรกรวัยกลางคน คุณศรี ปานมา อายุ 63 ปี ชาวไร่อ้อย แต่กำเนิด แม้อายุจะเลยวัยเกษียณมาแล้ว แต่คุณศรี ก็จัดว่าเป็นเกษตรกรตัวยงคนหนึ่ง ที่ตรากตรำ คร่ำเคร่งกับงานในอาชีพอย่างมั่นคง และมุ่งมั่นศึกษา พัฒนา เพื่อต่อยอด ให้การปลูกอ้อยที่ทำมาตลอดชีวิตมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น คุณศรี ไม่มีวุฒิการศึกษาใดมาประดับ อ่านและเขียนหนังสือได้ไม่มาก แต่ ณ วันนี้ รางวัลที่เป็นเครื่องการันตีว่าเกษตรกรผู้นี้มีคุณสมบัติน่ายกย่องให้เป็น “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” ตามหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวจริง การปลูกอ้อยที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา ของคุณศรี มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การไม่เผาใบอ้อยในไร่เฉกเช่นเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยทั่วไป เป็นสิ่งที่คุณศรีทำมาตั้งแต่จำความได้ว่าเริ่มลงมือปลูกอ้อยทุกขั้นตอนด้วยตนเอง เหตุผลถูกอธิบายเพียงสั้นๆ ว่า ดินที่เสื่อมสภาพจากการเพาะปลูกหลายครั้ง ส่วนใหญ่เสื่อมสภาพจากการขาดธาตุไนโตรเจน ใบอ้อยที่ถูกตัดทิ้งหลังเก็บเกี่ยว เป็นใบอ้อยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง หากไถกลบไปพร้อมกับการเ
ด้วยเทคโนโลยีการเกษตรที่พัฒนาไปอย่างก้าวไกล เกษตรกรทุกท่านจึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองให้ก้าวทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับกับสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายมากขึ้น แล้งนานกว่าที่เคยเป็นมาก็สามารถรับมือได้ด้วยการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ตรวจสภาพดิน ฟ้า อากาศ เพื่อวางแผนการทำเกษตรได้ล่วงหน้า และเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว ช่วยประหยัดตุ้นทุน ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงานได้เกือบทั้งหมด คุณเฉลิมพล ทัศมากร (คุณต่าย) ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์จังหวัดตราด อยู่บ้านเลขที่ 49/2 หมู่ที่ 2 ตำบลเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด เล่าว่า เรียนจบคณะการจัดการอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี หลังจากจบมา ก็ทำงานเป็นผู้จัดการแผนกคลังสินค้าและคลังพัสดุภัณฑ์ที่บริษัทแห่งหนึ่งนานกว่า 10 ปี แต่มีสาเหตุที่ต้องลาออกจากงาน เพราะคุณพ่อคุณแม่มีอายุมากขึ้น จึงต้องกลับมาช่วยสานต่ออาชีพเป็นเกษตรกรทำสวน ปลูกเงาะ มังคุด มีทุเรียนเป็นพืชหลักสร้างรายได้ บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ ระบบจัดการสวน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ตามความถนัดของแต่ละคน คุณต่าย บอกว่า ระบบการจัดการสวน จะแบ่งหน้าที่ตามความถนัดของแต่ละคน คุณพ่อมีความเชี่ยวช
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) ขอเชิญเกษตรกรและผู้สนใจ เข้าอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “ฉลาดคิด ฉลาดปลูก ฉลาดขาย ให้ได้มะเขือเทศคุณภาพ” วันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2563 (2 วัน) เวลา 09.00-16.30 น. ณ ห้องบรรยาย 1 อาคารบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สวทช. จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้เกษตรกรรู้และเข้าใจในการผลิตมะเขือเทศผลสดภายใต้ระบบโรงเรือนอัจฉริยะ พร้อมสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและหลักวิชาการร่วมกับการใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่เดิม เพื่อให้เกิดการผลิตมะเขือเทศผลสดที่มีคุณภาพ รวมถึงเข้าใจและตระหนักเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และปริมาณความต้องการของตลาด ตลอดจนห่วงโซ่การตลาดของสินค้าภาคการเกษตร เพื่อพัฒนาสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ต้นแบบ ด่วน! รับจำนวนจำกัด 30 ท่านเท่านั้น มีค่าใช้จ่ายอบรม 3,500 บาท/คน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ http://bit.ly/2uaLcHO ตั้งแต่วันนี้ – 7 กุมภาพันธ์ 2563 สอบถามเพิ่มเติม โทร. (02) 564-7000 ต่อ 1742
กรมส่งเสริมการเกษตรให้ความสำคัญในการพัฒนานักส่งเสริมการเกษตร โดยเน้นการใช้กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง (Learning by Doing) สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง จึงได้จัดโครงการฝึกอบรมบุคลากรด้านการส่งเสริมการเกษตรตามโครงการพัฒนานักส่งเสริมการเกษตรมืออาชีพ ภาคตะวันออก ปี 2562 ขึ้น เป็นครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 15 -17 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยมีพิธีเปิดการอบรม ณ โรงแรม เดอะเวโล โฮเทล ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยมีนายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม นอกจากกิจกรรมการบรรยาย การฝึกปฏิบัติตามหลักสูตรแล้ว คณะยังได้ลงพื้นที่เพื่อฝึกปฏิบัติการจัดทำแผนชุมชนแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนางานส่งเสริมการเกษตร และวิเคราะห์ SWOT จัดหาแนวทางโครงการ/กิจกรรมการพัฒนากลุ่ม โดยแบ่งการลงพื้นที่จริง จำนวน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 วิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานเพื่อความยั่งยืน “ไร่ ณ ชายแดน” ตำบลทับพริก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว กลุ่มที่ 2 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ร.ร. ตชด.กา
นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ในปัจจุบันสังคมกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในทุกกลุ่มสังคมรวมถึงสังคมการเกษตร ที่ปัจจุบันมีเกษตรกรที่สูงอายุมากถึงร้อยละ 70-80 ในส่วนผลิตภาคการเกษตรถ้าไม่สามารถพัฒนาทายาทเกษตรกร หรือเกษตรกรรุ่นใหม่เข้ามาทดแทนได้ภาคการเกษตรก็คงขาดช่วงในการผลิต ขณะเดียวกันในการผลิตปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำงาน เกษตรกรรุ่นเก่าก็คงจะพัฒนาก้าวตามทันได้ยาก เช่น การนำโดรนมาใช้ในการฉีดสารชีวภัณฑ์ ไปจนถึงการให้น้ำด้วยระบบการกำหนดความชื้นของพื้นที่และความต้องการน้ำของแต่ละชนิดพืชตามช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเป็นตัวช่วย เป็นต้น ฉะนั้น การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ขึ้นมา และให้เป็น Young Smart Farmer ไปจนถึงระดับผู้จัดการแปลงที่สามารถคิดต้นทุนและเข้าใจในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ทดแทนแรงงานคนที่กำลังขาดแคลน พร้อมทั้งมีความเข้าใจในเรื่องของการตลาดสมัยใหม่ไปจนถึงการขายแบบออนไลน์ ภายใต้การนำประสบการณ์ด้านการผลิตจากเกษตรกรรุ่นเก่าเข้ามาผสมผสาน ก็จะทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่มีพัฒนาการด้านการผลิตภาคการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว
พื้นที่ที่ถูกขุดปลูกเป็นไร่อ้อย กว่า 600 ไร่ ในเขตตำบลหนองจาน อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ในความดูแลของเกษตรกรวัยกลางคน คุณศรี ปานมา อายุเกือบ 70 ปี ชาวไร่อ้อยแต่กำเนิด แม้อายุจะเลยวัยเกษียณมาแล้ว แต่คุณศรีก็จัดว่าเป็นเกษตรกรตัวยงคนหนึ่งที่ตรากตรำคร่ำเคร่งกับงานในอาชีพอย่างมั่นคง และมุ่งมั่นศึกษา พัฒนา เพื่อต่อยอด ให้การปลูกอ้อยที่ทำมาตลอดชีวิตมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น คุณศรี ไม่มีวุฒิการศึกษาใดมาประดับ อ่านและเขียนหนังสือได้ไม่มาก แต่ ณ วันนี้ รางวัลที่เป็นเครื่องการันตีว่าเกษตรกรผู้นี้มีคุณสมบัติน่ายกย่องให้เป็น “สมาร์ท ฟาร์มเมอร์” ตามหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวจริง การปลูกอ้อยที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา ของคุณศรี มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่การไม่เผาใบอ้อยในไร่เฉกเช่นเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยทั่วไป เป็นสิ่งที่คุณศรีทำมาตั้งแต่จำความได้ว่า เริ่มลงมือปลูกอ้อยทุกขั้นตอนด้วยตนเอง เหตุผลถูกอธิบายเพียงสั้นๆ ว่า ดินที่เสื่อมสภาพจากการเพาะปลูกหลายครั้ง ส่วนใหญ่เสื่อมสภาพจากการขาดธาตุไนโตรเจน ใบอ้อยที่ถูกตัดทิ้งหลังเก็บเกี่ยว เป็นใบอ้อยที่มีธาตุไนโตรเจนสูง หากไถกลบไปพร้อมกับกา