สวนผสมผสาน
หนุ่มน้อยนักฝัน ผู้สร้างฝันด้วยการลงมือทำ อดีตนักศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์สหกรณ์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในขณะเรียนก็เก็บเกี่ยวความรู้ในส่วนของวิชาการและความรู้รอบตัวเกี่ยวกับเกษตรสาขาต่างๆ จบมาก็ได้ทำงานประจำ เงินเดือนสำหรับบัณฑิตจบใหม่ก็น่าจะพอเลี้ยงดูตัวเองได้ไม่ขัดสนนัก แต่ยังมียาย มีแม่ มีคนในครอบครัวที่ต้องช่วยกันดูแล เงินเดือนแค่นั้นคงไม่ทำให้ฝันอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมาได้ การทำงานเสริมจึงเกิดขึ้น และคงไม่มีงานใดที่จะเหมาะกับมนุษย์ออฟฟิศคนหนึ่งได้มากไปกว่าการขายของออนไลน์ และที่ถนัดสุดก็ต้อง ขายต้นไม้ออนไลน์นั่นเอง น้องโอ – สรายุทธ วิทยะรัตน์ เบอร์โทร. (090) 891-2442 คือหนุ่มน้อยผู้เดินตามฝันคนนั้น ด้วยความที่ไม่มีที่ดินของตัวเอง และงานขายต้นไม้ออนไลน์ก็เริ่มมีลูกค้ามากขึ้น จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แม้จะถูกทัดทานจากเพื่อนร่วมงานและคนในครอบครัว แต่โอเชื่อว่าการเดินทางไปสู่ความฝันมีหลายเส้นทางจะทำให้ไขว้เขว สู้บุกเบิกในเส้นทางที่ตัวเองชอบน่าจะดีกว่า ประกอบกับในช่วงนั้นไปรู้จักกับสาวน้อยนางหนึ่ง ทั้งสองคนช่วยกันขายต้นไม้ออนไลน์เก็บหอมรอมริบอยู่ 3 ปี จึงมีเงินก้อนหนึ่งพอที่จะซื้อที่ดิ
เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่อีกคนที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล และถือว่าประสบความสำเร็จในอาชีพเพียงระยะเวลาไม่กี่ปี คุณกิตตินันท์ นุ้ยเด็น บัณฑิตจากคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ซึ่งตั้งแต่เรียนจบมาเมื่อปี 2549 ยึดอาชีพเกษตรกรรมมาโดยตลอด เริ่มเมื่อปี 2549 จนถึงปัจจุบัน มีแปลงเกษตรทั้งหมด 60 ไร่ ปลูกพืชหลายชนิด แต่ที่ทำเป็นหลักคือ มะละกอฮอลแลนด์ มะละกอแขกดำ กล้วยไข่ และกล้วยหอมทอง หนุ่มวัย 35 ปี รายนี้ เป็นเกษตรกรคนรุ่นใหม่ในโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเป็นเจ้าของไร่ “อ.การเกษตร.” อยู่ที่ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ซึ่งเริ่มต้นด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากสวนยางพาราที่มีอายุกว่า 30 ปี มาปลูกปาล์มน้ำมัน และพืชผักผลไม้แทน เพราะมองว่าทำเงินได้ดีกว่า อีกส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุราคายางตกต่ำ มีรายได้ทุกวัน วันนี้เขามีรายได้เฉลี่ย เดือนละ 30,000-50,000 บาท โดยไม่ต้องไปเป็นมนุษย์เงินเดือน มีความสุขอยู่กับเรือกสวน ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ และใช้เวลาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ตและแหล่งต่างๆ พร้อมทั้งสอบถามผู้รู้ คุณกิตตินันท์ เล่าว่า ในพื้นที่ 60 ไร่ แบ่งเป็น 2 แปลง
พื้นที่ที่เกือบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร และเป็นเกาะแก่งกลางน้ำ เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ถูกทิ้งไว้มาหลายปี เพราะเจ้าของต้องไปทำไร่อ้อยและไร่ข้าวโพดอีกที่หนึ่ง ไม่มีเวลาดูแล กระทั่งเมื่อ 6 ปีก่อน พื้นที่นี้ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง คุณวิทยา โพธิลำเนา เกษตรกรชาวตำบลบ้านโคก อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ 6 ไร่ แต่เพราะพื้นที่นี้ถูกน้ำท่วมหลากเป็นประจำทุกปี ทำให้คุณวิทยาไม่คิดปลูกพืชอะไรไว้ เพราะเกรงว่าจะไม่รอด แต่มีตัวอย่างเกษตรกรในพื้นที่ปลูกไม้ผลจนประสบความสำเร็จ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณวิทยาคิดทำตามแบบอย่าง เกษตรกรตัวอย่าง ปลูกเงาะ ให้ผลผลิตดี มีคุณภาพ คุณวิทยาจึงเอาแบบอย่าง ซื้อกิ่งพันธุ์เงาะมาบ้าง ลงปลูกเต็มพื้นที่ 6 ไร่ จำนวน 160 ต้น แต่เห็นพื้นที่ระหว่างต้นเงาะยังว่าง จึงนำกิ่งพันธุ์ฝรั่งกิมจูมาลงปลูกระหว่างเงาะแต่ละต้น ทำให้ได้จำนวนฝรั่งอีก 400 ต้น หลังปลูกก็ปล่อยไว้อย่างนั้น แล้วออกไปทำไร่ตามปกติ แต่หลังจากนั้น 6 เดือน เข้ามาดูเห็นฝรั่งเริ่มติดดอก หลังจากนั้นอีก 2 เดือน เข้ามาดู ก็พบว่า ฝรั่งให้ผลผลิตแล้ว “พอเข้ามาดูก็เห็นฝรั่งดกเต็มต้น แต่ห่อไม่ทัน ผลฝรั่งเน่าคาต้นเยอะมาก เห็นผล
หากพูดถึงการพัฒนาด้านการเกษตรให้ยั่งยืน เขาว่ากันว่า สิ่งที่จะทำให้การเกษตรพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น Agritech คือ คำตอบสำคัญที่จะเข้ามาช่วยยกระดับการเพาะปลูกให้สามารถเพิ่มปริมาณและปรับปรุงคุณภาพของผลผลิต รวมทั้งทำให้การใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น น้ำ ปุ๋ย พื้นที่เพาะปลูก แรงงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้นกว่าการทำเกษตรแบบดั้งเดิม และนอกจากนี้ ยังส่งผลไปถึงในแง่ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนลดลงอีกด้วย คุณณัฐวุฒิ จันทร์เรือง หรือ คุณณัฐ อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 2 ตำบลตรอกนอง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์รุ่นใหม่ไฟแรง อดีตวิศวกรเคมี ผันตัวเป็นเกษตรกรสืบทอดมรดกสวนผลไม้จากพ่อแม่ ใช้เทคโนโลยี IoT เข้ามาพัฒนาสวน ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้เข้าสวนได้เป็นอย่างดี คุณณัฐ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ก่อนที่จะมาเป็นเกษตรกรตนเองเคยทำงานเป็นวิศวกรเคมีมานานกว่า 10 ปี ซึ่งเวลา 10 ปี ในการทำงานประจำก็ถือว่าเดินทางมาถึงจุดอิ่มตัวและเป็นจังหวะที่คุณพ่อคุณแม่มีอายุที่มากขึ้น ตนเองเป็นลูกชายคนเดียว จึงมีความคิดที่อยากจะกลับมาสานต่องานสวนของที่บ้าน โดยใช้ประสบการณ
นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เชื่อแน่ว่าหลายคนที่อยู่ในวงการพืชปลอดสารพิษของจังหวัดชุมพร คงเคยได้ยินชื่อ “สวนศีล เกษตรอินทรีย์” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านเขาเหลียง หมู่ที่ 11 ตำบลหาดพันไกร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร บรรดาสื่อมวลชนจึงใช้เวลาว่างในวันหยุด เดินทางไปเยี่ยมชมสวนเกษตรดังกล่าว โดยได้รับการเชื้อเชิญจากสองสามีภรรยา คือ คุณบุญส่ง วันเสือ หรือ “พี่ปื๊ด” หนุ่มใหญ่วัย 58 ปี และ คุณสุมนมาลย์ หนูพันขาว หรือ “น้องมน” วัย 44 ปี ที่ลงมือทำอาหารมื้อเที่ยงไว้เตรียมต้อนรับพวกเรา มีทั้งแกงส้มแตงโมอ่อนใส่เนื้อปลา แกงเลียงฟักกับฟักทองและข้าวโพด ต้มกะทิเนื้อหมู ผัดผักกวางตุ้งน้ำมันหอย และน้ำพริกลูกมะอึก ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่สุดแสนอร่อย พร้อมทั้งฟังเพลงไพเราะ จาก “วงสวนศีล เกษตรอินทรีย์ ครู คลัง ช่าง หมอ” ที่สมาชิกล้วนเป็นญาติพี่น้องของสองสามีภรรยา นอกจากนั้น พี่ปื๊ดยังแสดงฝีมือในการดริปกาแฟสดๆ ที่บดและคั่วเองกับมือให้สื่อมวลชนได้ดื่มด้วย ท่ามกลางแมกไม้นานาชนิดในสวนที่มีเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ พี่ปื้ด เปิดเผยว่า พื้นที่สวนเกษตรของพวกตนเป็นของ คุณแม่เริ่ม หนูพันขาว อายุ 77 ปี มารดาของน้องมน ซึ่งเป็น
ลุงเสงี่ยม สีสันต์ อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 6 ตำบลบุเปือย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี อาชีพหลักสมัยก่อนโน้น ที่ลุ่มแบ่งทำนา สูงขึ้นมาหน่อยปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ก่อนปี 2535 มีคนชวนลุงเสงี่ยมไปเป็นเพื่อน เพื่อซื้อเงาะจากจังหวัดจันทบุรีมาขาย ลุงชอบเพราะได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ เรื่องเงินทองรายได้ไม่ได้คิด หลายครั้งหลายหนที่ไปเห็นต้นเงาะของชาวสวนเมืองจันท์สุกแดงเต็มต้น จึงอยากปลูก ที่อยากปลูกเนื่องจากท้องถิ่นอำเภอน้ำยืน อยู่ชายแดนติดกับกัมพูชา ดินดี ฝนตกดี ที่สำคัญ ลุงมีความขยันหมั่นเพียร ความรู้ และวิธีการปลูกน่าจะหาทางศึกษาได้ ลงมือเมื่อปี 2535 ลุงเสงี่ยม มีประสบการณ์เรื่องราคาข้าวโพด ช่วงเก็บผลผลิตขาย บางปีพออยู่ได้ แต่บางปีขาดทุน เมื่อไปเห็นเขาปลูกเงาะที่เมืองจันท์ จึงตัดสินใจปลูกเงาะโรงเรียนบนที่เนินใกล้บ้าน ทางเจ้าหน้าที่เกษตรแนะนำว่า งานปลูกไม้ผลควรขุดหลุมให้ลึก แล้วรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ขี้วัว ขี้ควายเก่าๆ ลุงตัดสินใจปลูกเมื่อปี 2535 ช่วงนั้นการทำนายังใช้ควายตัวเป็นๆ ยังไม่ใช้ควายเหล็ก ปุ๋ยคอกจึงหาได้ง่าย สำหรับระยะปลูก ระหว่างต้นระหว่างแถว 8 คูณ 8 เมตร พื้นที่ไร่หนึ่งจึงปลูกได้ 25
นครนายก อีกหนึ่งจังหวัดน่าเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจ เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง โดยใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็จะได้เห็นสองข้างทางที่แปลกตาไป จากท้องถนนที่แออัด เปลี่ยนเป็นสองข้างทางที่มองเห็นแต่สีเขียวสบายตา มีน้ำตกมากมาย อาทิ น้ำตกวังตะไคร้ น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง รวมไปถึงเขื่อนขุนด่านปราการชลที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมวิวเหนือสันเขื่อน สามารถมองเห็นตัวเมืองนครนายก และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้ที่สันเขื่อน และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวน้ำตกแล้ว นครนายกยังอุดมไปด้วยสวนไม้ผลนานาชนิด ด้วยพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ลักษณะดินเป็นดินทรายและดินเหนียวที่เหมาะกับการทำนา ทำสวนผลไม้ และการอยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง จังหวัดนครนายกจึงจัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวกรุงไม่ควรพลาด คุณจตุพงษ์ บุญประกอบ หรือ คุณแม็ค ทายาทเจ้าของสวนแม่รวย ผลไม้นครนายก ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ห่างจากเขื่อนขุนด่านปราการชลเพียง 9 กิโลเมตร ที่จัดเป็นอีกหนึ่งสวนที่มากคุณค่า ใครได้มาท่องเที่ยวที่จังหวัดนครน
อยู่เดชอุดม มองไปทางไหนเห็นแต่ทุ่งนาเวิ้งว้าง เมื่อครอบครัวชวนออกสำรวจที่ทำกินใหม่ เรืองศักดิ์ พรมกอง มองว่า ท้าทายดี จึงมาลงหลักปักฐานอยู่บ้านเลขที่ 294 หมู่ที่ 1 ตำบลบุเปือย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี 2505 สภาพทั่วไป มีป่าสมบูรณ์ ฝนฟ้าตกดี การดำรงชีวิตประจำวันเมื่อก่อน ยามค่ำคืนต้องระวังสัตว์ร้าย “ตอนเย็นจะไปอาบน้ำลำห้วย ต้องกระแอมให้มีเสียง ให้หมูป่าที่มีอยู่มาก เดินห่างไปไกลๆ หากไม่ส่งสัญญาณก่อน ไปจ๊ะเอ๋กัน จะตกใจทั้งสองฝ่าย เวลาผ่านมานานแล้ว เมื่อก่อนสัตว์ป่ามีมาก คนกลัวหมูป่า หลังๆ หมูป่ากลัวคน” คุณเรืองศักดิ์ เล่า เริ่มเลี้ยงชีพด้วยพืชไร่ ตามด้วยไม้ผลหลากหลายชนิด เมื่อเข้าอยู่อาศัย ทำกินในที่ดินจำนวน 30 ไร่ คุณเรืองศักดิ์ ทำพืชไร่ จำพวกมันสำปะหลัง ยุคแรกๆ ดินดำน้ำดี ไม่ต้องใส่ปุ๋ย เจ้าของสามารถเก็บเกี่ยวไปขายได้เงินทองไม่น้อย เพราะต้นทุนต่ำ เวลาผ่านไป ดินจืดลง ผลผลิตลด ราคาพืชไร่หลายชนิดไม่แน่นอน เพื่อนเกษตรกรหลายคน เริ่มปลูกไม้ผล คุณเรืองศักดิ์ เล็งเห็นว่า ราคาพืชไร่ไม่แน่นอน ในปี 2532 จึงทดลองปลูกน้อยหน่า ถึงแม้การซื้อขายไม่มากนัก แต่ปลูกครั้งเดียวอยู่ได้หลายปี ไม่
ผู้เขียนมีโอกาสลงพื้นที่ ได้พบสามีภรรยาในพื้นที่ หมู่ที่ 14 ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นคนขยันปลูกไม้ผลผสมผสานกันในพื้นที่ 4 ไร่ สร้างรายได้อย่างพอเพียงปีละกว่า 100,000 บาท โดยไม้ผลที่ปลูกคือ ลองกอง พันธุ์ตันหยงมัสแท้จากภาคใต้ ทุเรียน ทั้งก้านยาว หมอนทอง หลง-หลินลับแล คละเคล้ากันไปกว่า 20 ต้น เงาะโรงเรียน เงาะบาบาลู สาเก มะพร้าวน้ำหอม กระท้อน และสะตอ ที่ให้ผลผลิตสร้างรายได้ดีเกินคาด มีเท่าไรไม่พอขาย ลุงบรรจง ทองคำ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 224 หมู่ที่ 14 บ้านสันป่างิ้ว ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา เล่าให้ฟังว่า เนื่องจากที่บ้านมีพื้นที่ว่างบริเวณด้านหลังบ้าน ไม่ได้ปลูกต้นไม้หรือพืชอื่น ต่อมาลูกเขยซึ่งเป็นคนมาเลเซีย ประกอบอาชีพอยู่ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เห็นว่าหลังบ้านมีพื้นที่ว่างจึงได้ซื้อต้นพันธุ์ลองกอง โดยเป็นพันธุ์ตันหยงมัสแท้ นำมาให้ตนปลูก ขณะที่ตนและภรรยาก็อยากทดลองว่าไม้ผลจากทางภาคใต้จะสามารถนำมาปลูกในภาคเหนือได้หรือไม่ ขณะเดียวกันคนพื้นบ้านในพื้นที่ไม่เชื่อว่าจะปลูกได้ผลผลิต ดังนั้น ตนจึงตัดสินใจลองปลูกลองกองขึ้นในพื้นที่ว่างหลังบ้าน สังเกตพบว่
ด้วยสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจหลักอย่างข้าวและยางพารา ส่งผลให้เกษตรกรหลายรายมีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำสวนแบบใหม่จากเดิมปลูกพืชเชิงเดี่ยว ก็ปรับเปลี่ยนหันมาปลูกพืชผสมผสานเพื่อสร้างรายได้หมุนเวียน อย่างเช่นเกษตรกรหญิงเก่งรายนี้ ที่ได้ปรับผืนนาให้กลายเป็นสวนผสมผสาน ปลูกพืชผักผลไม้มากกว่า 30 ชนิด เพื่อสร้างระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหาร และนอกจากผลผลิตคุณภาพสร้างรายได้ไม่ขาดมือแล้ว ยังมีผลพลอยได้ที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้นมาให้โดยที่ไม่ต้องลงทุน คือการที่มีผึ้งมาอาศัยทำรังอยู่ในสวน เข้ามาช่วยผสมเกสรให้ผลผลิตภายในสวนออกดอกติดผลได้มากกว่าปกติ รวมถึงรายได้เพิ่มจากการขายน้ำผึ้งจำนวนไม่น้อย คุณสกาวเดือน จิ้มปุ๋ย หรือ พี่ผึ้ง อยู่ที่หมู่ที่ 4 บ้านห้วยน้อย ตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ เกษตรหญิงเก่งหัวก้าวหน้าแห่งเมืองนครสวรรค์ ใช้เวลาลองผิดลองถูกเริ่มต้นพัฒนาผืนนามรดกของพ่อกับแม่เปลี่ยนทำเกษตรผสมผสาน ช่วยให้ครอบครัวหลุดพ้นจากปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำ ให้กลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง พี่ผึ้ง เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ตนเองเป็นลูกหลานชาวน