ส้มเขียวหวาน
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการจัดทำข้อมูลเชิงพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (Geo-Informatics: GI) ซึ่งเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการจัดทำข้อมูลด้านเกษตรในการสำรวจและจัดเก็บค่าพิกัดทางภูมิศาสตร์ของเนื้อที่ยืนต้นการเพาะปลูกพืช ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความถูกต้อง แม่นยำขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการสำรวจ มีการแปลผลวิเคราะห์เบื้องต้นด้วยภาพถ่ายดาวเทียมก่อนการสำรวจ รวมถึงไม่ต้องใช้เวลาในการสำรวจเพื่อหาหมู่บ้านตัวอย่าง เนื่องจากวิเคราะห์เป็นลักษณะของเนื้อที่ยืนต้นที่ปรากฏขึ้นจริง และเป็นปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมา สศก. ได้เริ่มพัฒนาและดำเนินการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ หรือ GI มาตั้งแต่ปี 2550 ในพืชสำคัญ อาทิ ข้าว (ข้าวนาปี และข้าวนาปรัง) มันสำปะหลังโรงงาน สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ซึ่งอาจมีการปรับพืชดำเนินงานเพิ่มเติมตามนโยบายด้านเกษตร ล่าสุด สศก. โดยศูนย์สารสนเทศการเกษตร และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก ได้บูรณาการลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-25 ธันวาค
ส้มเขียวหวาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ส้มบางมด” เทคนิคการเลี้ยงต้นส้มบางมดในช่วงแรกมีการลองผิดลองถูกเรื่องการเลี้ยงต้นส้ม ต้นส้มใช้ระยะเวลาในการเติบโตอยู่ที่ 3 – 6 ปีกว่าจะได้ต้นส้มที่โตเต็มที่และสามรถเก็บเกี่ยวได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ช่วงปีแรกต้นส้มจะแตกใบอ่อนออกมาชาวสวนจะเริ่มกักท้องร่องให้น้ำแห้งเพื่อให้ต้นเหี่ยว และพอถึงฤดูฝนเจ้าฝนที่ตกลงมาในหน้านั้นจะทำให้ต้นส้มยิ่งผลิดอกและออกผลเป็นอย่างดี ปีที่ 2 ชาวสวนจะทำการกักน้ำอีกครั้งเหมือนปีแรก เมื่อเริ่มเข้าปีที่ 3 ต้นส้มจะโตเต็มที่ผลสุกกินได้ ซึ่งโดยส่วนมากชาวสวนจะเก็บผลส้มแค่ช่วงล่างๆ เท่านั้น พวกเขาจำเป็นต้องเหลือส้มไว้เลี้ยงลำต้นด้วย ถัดมาปีที่ 4-5 ปี ชาวสวนถึงจะเก็บช่วงบนของต้นส้มได้ ทำให้ชาวสวนเก็บผลผลิตได้มากกว่าปีแรกๆ และเมื่อเข้าสู่ปีที่ 6 ต้นส้มพร้อมโตเต็มที่เราจึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงลูกไว้อีกแล้ว ชาวสวนสามารถเก็บผลส้มได้ทั้งต้น สรุปได้ว่าเมื่อครบ 1 ปีชาวสวนสามารถเก็บผลผลิตได้เลยไม่จำเป็นต้องเลี้ยงลำต้น ซึ่งนั้นส่งผลทำให้ชาวสวนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และพอส้มเขียวหวานหรือส้มบางมดเริ่มติดผลดก มีผลผลิตตลอดทั้งปี ทำให้ผลตอบแทนต่อไร่จ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ กลุ่มสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ นำสื่อมวลชนร่วมงาน “ส้มสีทอง ประจำปี 2565” พร้อมลงพื้นที่ติดตามผลสำเร็จโครงการวิจัยที่ วช. ได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยฯ โดยงานส้มสีทอง ประจำปี 2565 วช. ได้ร่วมจัดกับสำนักงานเกษตรอำเภอทุ่งช้าง องค์กรส่วนท้องถิ่นอำเภอทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ณ บริเวณกาดนัดคลองถม อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 9 -11 ธันวาคม 2565 โดยมี นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน นายสุจิโรจน์ คงเมือง นายอำเภอทุ่งช้าง กล่าวต้อนรับ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนกลุ่มการผลิตไม้ผลเพื่อการตลาดบ้านวังผา ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จากความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร ส้มสีทองน่าน ในการอนุรักษ์และส่งเสริมรวมทั้งเ
ส้มเขียวหวานเมืองลอง เมื่อครั้งอดีตมีชื่อเสียงอันลือเลื่องในรสชาติ ความอร่อย ผลผลิตมีการส่งออกไปทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ย้อนไปเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2525 ผู้เขียนได้ไปเยือนเมืองลอง (อำเภอลอง จังหวัดแพร่) เห็นรถบรรทุกสิบล้อจอดเรียงรายริมถนนหน้าโรงพยาบาลลอง คนงานกำลังขนถ่ายส้มเขียวหวานจากรถบรรทุกสี่ล้อ ทราบว่ากำลังจะขนส่งไปยังปลายทาง ณ ประเทศสหพันธรัฐมาเลเซีย จึงได้เข้าไปดูแหล่งผลิตต้นทางสวนส้มเขียวหวานแถบริมฝั่งแม่น้ำยม ซึ่งมีสวนส้มเขียวหวานเต็มพื้นที่ บนต้นกำลังติดผลดก มีทั้งผลเล็ก ผลใหญ่ ทั้งสีเขียวและสีทอง ถัดจากนั้นมา 25 ปี ให้หลัง หลายพื้นที่กลายเป็นสวนส้มร้าง ทราบว่าสภาพดินเป็นกรด ดินขาดอินทรียวัตถุ ต้นส้มเขียวหวานอายุมากแล้ว ต้นโทรม ผลผลิตตกต่ำจากโรคและแมลง จึงไม่สามารถคัดเกรดของผลส้มได้ เกษตรกรที่สู้ต่อไปไม่ไหว ก็วางมือ แต่ปัจจุบันเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ปริมาณผลผลิตส้มเขียวหวานในตลาดมีน้อยลง ราคาสูงขึ้น และหาซื้อได้ยาก จึงมีเกษตรกรรุ่นต่อๆ มา ได้หันมาปรับพื้นที่ปลูกส้มเขียวหวานมากรายขึ้น และได้นำบทเรียน ปัญหาจากอดีตมาปรับเปลี่ยนทั้
หนุ่มบ้านห้วยเม็ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พบรักสาวพะเยา นำประสบการณ์การทำสวนส้มเขียวหวานมาบุกเบิกที่พะเยา คาดอนาคตไร้คู่แข่ง คุณอภิวัฒน์ จันต๊ะคาด หรือ คุณบอม บัณทิตหนุ่มจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น จบการศึกษาเมื่อปี 2555 ถูกเกณฑ์ทหาร 1 ปี หลังจากนั้นได้ไปทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตำแหน่ง Load Control (เจ้าหน้าที่ควบคุมน้ำหนักและจัดระวาง) บริษัท Bangkok Flight Services ทำอยู่ประมาณ 1 ปี จึงกลับมาช่วยพ่อแม่ทำสวน แล้วจึงเริ่มมาลงทุนทำสวนที่พะเยา โดยพักอยู่ที่ บ้านเลขที่ 91 บ้านร่องคำหลวง ซอย 8 หมู่ที่ 3 ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ถ้าเอ่ยถึง บ้านห้วยเม็ง หลายคนคงจะรู้จักว่าเป็นหมู่บ้านที่ผลิตส้มเขียวหวานที่มีชื่อเสียงมานาน คุณอภิวัฒน์ สั่งสมประสบการณ์การทำสวนส้มเขียวหวานจากพ่อแม่ที่บ้านห้วยเม็งมาแต่เด็กๆ และทราบดีว่าปัจจุบันสวนส้มเขียวหวานประสบปัญหามากมาย ทั้งเรื่องโรคจากเชื้อรา สาเหตุจากเชื้อโรคอื่น แมลงศัตรูส้ม ธาตุอาหาร เมื่อพบรักกับแฟนสาวชาวพะเยา จึงมาบุกเบิกการปลูกส้มเขียวหวานที่บ้านแฟน ตอนนี้ปลูกไป 2 แปลง แปลงแรกปลูกเมื่อ 4 ปีท
โดยปกติส้มเขียวหวานที่เข้าสู่ตลาดเดือนธันวาคม ถือว่ามีรสชาติอร่อยมากสุดในรอบปี เพราะต้นส้มเจริญเติบโตอย่างเต็มที่หลังผ่านฤดูฝนและผ่านช่วงฤดูหนาวมาสักระยะแล้ว ในทางวิชาการเท่ากับว่าเป็นระยะที่ต้นไม้พักตัว จะไม่มีการแตกใบอ่อนหรือแตกราก อาหารที่ปรุงได้ทั้งหมดก็จะถูกเก็บสะสมในผลส้ม จึงเรียกได้ว่าเดือนธันวาคมเป็นฤดูกาลรับประทานส้มเขียวหวานที่มีรสชาติอร่อยสุดในรอบปี กรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งตนเองได้ ส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรให้มีขีดความสามารถในการผลิตและจัดการสินค้าเกษตรตามความต้องการของตลาด ให้บริการทางการเกษตรและผลิตปัจจัยทางการเกษตรเพื่อสนับสนุนและจำหน่ายแก่เกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับความต้องการสินค้าเกษตรปลอดภัยที่กำลังเป็นกระแสความนิยมของตลาดปัจจุบัน เกษตรกรและผู้บริโภคทั่วไปจึงควรทราบเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่จำเป็นสำหรับการผลิตส้มเขียวหวานที่ปลอดภัยนั้นควรปฏิบัติอย่างไรให้สอดคล้องกับสถานกาณ์ปัจจุบัน ส้มเป็นไม้ผลกึ่งเขตร้อนมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีสารอาหารที่สำคัญเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินซี และวิตามินเอ สามารถเจร
หากจะกล่าวถึงการผลิต ส้มเขียวหวาน ที่มีคุณภาพเป็นที่ถูกใจในรสชาติของผู้บริโภค เราต้องลงไปสัมผัสถึงในสวน พูดคุยกับเกษตรกรผู้ผลิตถึงกระบวนการผลิต ดูตั้งแต่สายพันธุ์ของส้มเขียวหวาน การดูแล (ดิน น้ำ ปุ๋ย โรคและแมลง) พัฒนาการของผลและการเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่จังหวัดแพร่ มีเกษตรกรคนหนุ่ม อายุ 25 ปี สืบทอดเจตนารมณ์ของครอบครัว รุ่นปู่ รุ่นพ่อ สานต่อการเกษตรทำสวนส้มเขียวหวาน วางแผนการผลิตเพียงรุ่นเดียวใน 1 ฤดูกาล เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า ส้มเขียวหวานรุ่นนี้มีรสชาติเป็นเลิศ เป็นที่กล่าวขานกันเป็นวงกว้าง ผู้เขียนจึงหาโอกาสขอไปดูสวนดังกล่าวว่า เกษตรกรคนนี้เขาดูแลสวนอย่างไร คุณสุริยะ ต่อมแก้ว หรือ คุณยะ อายุ 25 ปี ยังเป็นโสดอยู่นะครับ คุณยะ เล่าว่า ทำสวนส้มเขียวหวานมาตั้งแต่อายุ 16 ปี ขณะนั้นเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคแพร่ ระดับ ปวช. และเรียนจนจบ ระดับ ปวส. รับช่วงต่อเป็นเกษตรกรสวนส้มเขียวหวาน จำนวน 8 ไร่ ของคุณปู่ เป็นส้มเขียวหวานที่คุณปู่บอกว่าเป็นส้มสายพันธุ์จากบางมด ซึ่ง ณ วันนี้ มีต้นส้มเขียวหวานคงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ต้น แต่ได้ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่งมาปลูกไว้อีกแปลงหนึ่ง ต่อมาได้ซื้อที่ดินไว้อีกหล
นายภูผา บัวบุญ หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดแพร่ กล่าวว่า “ส้มเขียวหวาน” เป็นผลไม้ขึ้นชื่อประจำอำเภอลอง และอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เป็นที่รู้จักกันมาไม่น้อยกว่า 50 ปี มีชื่อเสียงในด้านรสชาติดีที่ไม่เหมือนถิ่นอื่น คือ หวานกลมกล่อมและหวานอมเปรี้ยวในบางฤดู ผลใหญ่ กลมแป้น ผิวเนียน สีผิวเขียวอมเหลือง เส้นใยไม่ติดเนื้อ หรือส้มเปลือกล่อนเนื้อ สีเหลืองส้ม ฉ่ำน้ำ น้ำในผลสม่ำเสมอ เนื้ออวบเต้ง* มีพื้นที่ปลูกรวม 17,422 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 14,294 ไร่ จำนวนเกษตรกร 2,460 ครัวเรือน ผลผลิตจะออกสู่ตลาดปีละ 3 รุ่น รุ่นที่ 1 ช่วงเดือนตุลาคม-มกราคม จะมีปริมาณมากที่สุด ส้มมีรสหวาน รุ่นที่ 2 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ปริมาณอยู่ในระดับปานกลาง ส้มมีรสหวานนำเปรี้ยว และรุ่นที่ 3 ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม มีปริมาณน้อย และส้มมีรสเปรี้ยวนำ ซึ่งแต่ละปีผลผลิตจะออกมาพร้อมๆ กัน เกษตรกรขาดการวางแผนการผลิตต่างคนต่างขาย ตัดราคากันเองทำให้พ่อค้าคนกลางกดราคา ปัจจุบันส้มเขียวหวานเบอร์ใหญ่สุดคือ 000 , 00 และ 0 ซื้อในราคาเดียวกันที่ไม่เกินกิโลกรัมละ 20 บาท เบอร์ 1 ขายได้ราคา 10 บาท เบอร์ 2-3 ราคา 3 บาท แ
สภาพอากาศแห้งแล้ง ในช่วงเช้าจะมีอากาศเย็น และกลางวันมีอากาศร้อน กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรสวนส้มเขียวหวาน ให้เฝ้าระวังไรแดงแอฟริกันในระยะติดผล จะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยง อยู่ที่บริเวณหน้าใบหรือด้านบนใบ กรณีที่มีการระบาดรุนแรง อาจพบการทำลายของไรที่บริเวณหลังใบ และที่ผลส้มเขียวหวาน ทำให้ใบและผลมีสีเขียวจางลงเพราะสูญเสียคลอโรฟิลล์ หากมีการระบาดรุนแรง อาจทำให้ใบและผลร่วงในที่สุด แนวทางในการป้องกันและแก้ไขการเข้าทำลายของไรแดงแอฟริกัน เกษตรกรควรหมั่นสำรวจใบส้มทุกสัปดาห์ในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนธันวาคม – พฤษภาคม และในช่วงฤดูฝนที่ฝนทิ้งช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม หากพบไรแดงแอฟริกันเริ่มลงทำลายส้มเขียวหวาน ให้เกษตรกรป้องกันกำจัดด้วยการให้น้ำติดต่อกันหลายๆ ครั้ง กรณีระบาดรุนแรง เกษตรกรจะสังเกตเห็นใบส้มเริ่มมีสีเขียวจางลง เมื่อใช้แว่นขยายส่องดูบนใบ จะพบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดทำลายอยู่ทั่วไป จากนั้น ให้พ่นด้วยสารฆ่าไรชนิดใดชนิดหนึ่ง คือ สารโพรพาร์ไกต์ 30% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเฮกซีไทอะซอกซ์ 2% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอะมิทราซ 20%
เกษตรกรสวนส้มที่ฝาง เผยเทคนิคปลูกส้ม 100 กว่าไร่ ส่งห้างสรรพสินค้าชั้นแนวหน้า คุณชัยชาย พิพัฒนามงคล เกษตรกรเจ้าของสวนส้ม อยู่ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ปลูกส้มเลี้ยงครอบครัวมานานกว่า 20 ปี ผลผลิตที่ได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่ต้องการของตลาด ลูกใหญ่ ผิวสวย รสชาติดี พ่อค้าแม่ค้ารับไปขายมีกำไรเพิ่ม เทคนิคปลูกส้มให้เป็นที่ต้องการของตลาด “น้ำดี ดินดี ปุ๋ยดี” ผลผลิตดี ขายได้ราคา เจ้าของสวนยิ้มได้ #ส้ม #สวนส้ม #ส้มเขียวหวาน