หน่อไม้
“ หน่อไม้ ” เป็นหน่ออ่อนของต้นไผ่ หน่อไม้อุดมด้วยสารอาหารมีใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุสูงทั้งโพแทสเซียม แมงกานีส ทองแดง มีปริมาณไขมันและแคลอรี่ต่ำจึงเป็นที่สนใจของคนรักสุขภาพ นิยมนำมาอาหารหลากหลายเมนู รวมทั้งใช้หน่อไม้แปรรูปเป็นอาหารเสริมและเครื่องสำอางค์จำหน่ายไปทั่วโลก เนื่องจาก หน่อไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง และมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนัง หน่อไม้จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายประเภท รวมถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า มอยเจอร์ไรเซอร์ มาส์ก จำหน่ายไปทั่วโลก ตลาดหน่อไม้ทั่วโลกมีมูลค่าตลาดในปี2023 อยู่ที่ 0.44 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.68 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 “หน่อไม้” แปรรูปอาหารได้หลากหลาย หน่อไม้ เป็นสินค้าขายดีตลอดทั้งปี ทั้งหน่อไม้สด หน่อไม้แห้ง หน่อไม้ดอง สามารถแปรรูปเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่คนไทยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้กิมซุงหรือไผ่ตงลืมแล้ง หน่อไม้บงหวาน ทั้งหน่อไม้นึ่ง หน่อไม้ไผ่รวกที่เก็บจากป่าธรรมชาติ และปลูกในสวนไผ่ของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเลย นครนายก ปราจีนบุรี และกาญจนบุรี ฯลฯ ในอดีตการต้มหน่
สองสามี – ภรรยา ที่ชอบค้าขายและความท้าทาย เงินเดือนรวมกันเฉียดแสน ตัดสินใจโบกมือลาชีวิตมนุษย์เงินเดือนในเมืองกรุง ออกเดินทางตามความฝัน ด้วยการปักหมุดสร้างสวนไผ่แห่งความสุข 9 ไร่ ที่จังหวัดอุดรธานี เก็บหน่อไม้ขายวันละ 30 กิโลกรัม ขายกิ่งพันธุ์ร่วมด้วย รายได้เดือนละ 75,000 บาท ชีวิตแฮปปี้ ได้อยู่กับลูกชาย 2 คน ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ แถมได้กินหลากเมนูอร่อยๆ ทำจากหน่อไม้ตลอดทั้งปี คุณเพ็ญศิริ ลลิตวิภาส หรือคุณโบว์ ภรรยาคุณสมเจตน์ หรือคุณสิงห์ สองสามีภรรยาเจ้าของสวนไผ่ ณ บ้านทุ่ง ที่จังหวัดอุดรธานี เล่าว่า ฝ่ายสามีเคยทำงานด้านคอมพิวเตอร์ 14 ปี รับหน้าที่เป็นอาจารย์สอนระบบเซิร์ฟเวอร์ ณ บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือนราว 60,000 บาท ส่วนตัวเองจบบัญชี จากโรงเรียนเทคนิคกรุงเทพพณิชยการ ทำธุรกิจส่วนตัว ขายงานศิลปะตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์ระบายสี และกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน รวมรายได้ 2 คนต่อเดือนก็เกือบ 1แสนบาท อย่างไรก็ตามแม้รายได้จะดี แต่ภรรยาในวัย 37 ปี บอกว่า ไม่ได้ชื่นชอบวิถีชีวิตในกรุงเทพฯ ตรงกันข้ามวางแผนบั้นปลายชีวิตไว้ว่า อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากเลี้ยงลูกเอง และที่สำคัญอยากประกอบอาชีพอิสระ นี่คือแรงบ
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ จะเห็นมนุษย์เงินเดือนลาออกจากงานประจำ หันมายึดอาชีพเกษตรกรรมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นอย่างหนึ่งของคนกลุ่มนี้คือ ก่อนปลูกพืชชนิดใด จะศึกษาหาความรู้ว่าพืชชนิดนั้นๆ เหมาะกับดินประเภทใด พร้อมหาตลาดรองรับไว้เรียบร้อย ซึ่งเมื่อมีการวางแผนและมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบก็สามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาไม่นานนัก จากนั้นเก็บเกี่ยวผลผลิตที่เป็นผลกำไร ซึ่งถือเป็นรายได้ดีทีเดียว อย่าง คุณวิชิต ทองประสาร หรือ คุณแมน อายุ 41 ปี เจ้าของ “สวนไผ่ทองประสาร” และ คุณสุภาวดี บุญทศ หรือ คุณมด อยู่ที่ตำบลโคกสำราญ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร สองสามีภรรยาที่เคยทำงานในบริษัทเอกชนมาก่อน โดยคุณแมนนั้นเป็นถึงผู้จัดการศูนย์รถยนต์มิตซูบิชิ ในจังหวัดบุรีรัมย์ สุดท้ายเมื่อปลายปี 2557 ตัดสินใจมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว เพราะมองว่าแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใด แต่ก็คือลูกจ้างอยู่วันยังค่ำ สู้ออกมาทำอาชีพอิสระเป็นเจ้าของกิจการเองดีกว่า ซึ่งวันหนึ่งลูกๆ ก็ยังสามารถสืบทอดต่อไปได้ คุณวิชิต ทองประสาร และ คุณสุภาวดี บุญทศ จุดเด่น ไผ่ตงอินโดฯ คุณวิชิต เล่าที่มาที่ไปของการปลูกไผ่ตง สายพันธุ์อินโดฯ ว่า ก่อนหน้านี้ได้เริ่มศึ
ในบรรดาพืชป่าที่คนหรือสัตว์ใช้เป็นอาหารในการดำรงชีพมาตั้งแต่ดั้งเดิมมีอยู่มากมายในป่าบ้านเรา เชื่อว่าตราบใดที่บ้านเรายังมีป่า เราและสัตว์จะอยู่รอดได้ ถ้าเราช่วยกันรักษาป่าไม้ไว้ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป อาหารจากป่าถือได้ว่าเป็นอาหารอินทรีย์ เป็นอาหารบริสุทธิที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ให้เรา ทั้งผักใบ ดอก ต้น หัว ผลไม้เห็ดหลากหลายชนิด รวมทั้งหน่อไม้กว่าร้อยสายพันธุ์ “หน่อไม้” หมายความถึง หน่อหรือต้นอ่อนของต้นไผ่ที่แทงออกมาจากเหง้ากอไผ่ โผล่ผิวดินเพื่อเจริญเป็นลำต้นไผ่ มีข้อปล้องเพื่อแตกตากิ่งก้านใบ เป็นไม้ไผ่ ที่เป็นวัสดุชนิดแรกๆ ที่คนนำมาใช้สารพัดประโยชน์ หน่อหรือต้นอ่อนไผ่ที่เพิ่งงอกโผล่ดิน เรียกว่า “หน่อไม้” ใช้เป็นอาหารได้ นั่นคือสุดยอดอาหารที่หลายคนกำลังจ้องมอง และต้องการลิ้มรส ไผ่พันธุ์อะไร หน่อที่ออกมา ก็คือหน่อไม้พันธุ์นั้น แตกต่างกันบ้างที่รสชาติ สีสัน ขนาด แต่ต้นอ่อนที่งอกออกมาเราเรียกเหมือนกันว่า “หน่อไม้” หน่อไม้ หรือ Bamboo Shoot เป็นต้นอ่อนของไผ่ พืชตระกูลหญ้า POACEAE วงศ์ย่อย Bambusoideae ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bambuseae แตกเป็นหน่อจากเหง้าไผ่ใต้ดิน แทงโผล่ดิน มีเปลือกหุ้ม จ
ช่วงฝนลงชุกๆ นี้ ไปเดินตลาดสดตามตำบลอำเภอไหนๆ เป็นต้องเห็นหน่อไม้วางขายเต็มตลาด มีทั้งแบบหน่อสดทั้งหน่อ แบบลอกกาบออกให้แล้ว ฝานบ้างสับบ้างมาเป็นชิ้น ต้มบ้างเผาบ้าง ไหนจะหน่อดองทั้งดองเค็มดองเปรี้ยว แถมบางแห่งมีแบบดองจืดให้กินนุ่มๆ ปาก เรียกว่าคนบ้านเรายังกินหน่อไม้ไผ่ตามฤดูกาลกันอย่างทั่วถึง แล้วก็มีพันธุ์ใหม่ๆ อย่างไผ่ตงหวาน ไผ่กิมซุ่ง ไผ่เลี้ยง ที่รสชาติไม่ขมเฝื่อนมาก ทำกินได้ง่ายขึ้นกว่าพันธุ์พื้นเมืองเดิมๆ ด้วย แต่ผมเคยไปตลาดแถบเมืองเชียงรุ่ง สิบสองปันนา ในจีนตอนใต้ พบว่า พวกเขากินหน่อไม้หลากหลายรูปแบบกว่าคนไทยเสียอีก โดยเฉพาะประเภทดองทั้งหน่อใหญ่ๆ อวบๆ ขนาดเท่าโคนขานั้นเร้าใจคนชอบทำกับข้าวยิ่งนัก ชวนให้นึกอยากกลับมาหาโอ่งหาปี๊บใหญ่ๆ ดองแบบเขาบ้างจริงๆ เลย ยกเว้นคนที่ต้องงดหรือเพลาๆ การกินหน่อไม้ เช่น ผู้ป่วยโรคเก๊าต์ ผมคิดว่าหน่อไม้เป็นของที่คนส่วนใหญ่ชอบกินนะครับ มันทำกับข้าวได้สารพัดอย่าง นอกจากต้ม เผา นึ่งจิ้มน้ำพริก ก็ผัดไข่ ผัดเนื้อหมู เนื้อไก่ แกงส้ม ต้มจืด แกงเผ็ดกะทิ แกงอ่อม ยำหน่อแบบล้านนา หมกแบบอีสาน จนชั้นแต่ทำ “ขนมหน่อไม้” แบบขนมชาวบ้านๆ ก็ยังพบอยู่บ้างในชนบทภาคกลางทุก
หลายคนอาจเคยผ่านหูผ่านตากับกระแสข่าวในสังคมออนไลน์ถึง “ผัก 5 ชนิดห้ามกินดิบ” เพราะมีสารที่อาจก่ออันตรายได้ ประกอบด้วยกะหล่ำปลี ถั่วงอก หน่อไม้และมันต่างๆ ถั่วฝักยาว และผักโขม แต่ทราบหรือไม่ว่า ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เนื่องจากผักเหล่านี้มีคุณค่าทางโภชนาการและสารสำคัญช่วยป้องกันโรคบางชนิดเช่นกัน ผศ.ชนิพรรณ บุตรยี่ อาจารย์ประจำหลักสูตรพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ตอบข้อสงสัยในประเด็นข้างต้นว่า จริงๆ แล้วผักทั้ง 5 ชนิด ไม่ได้ห้ามรับประทานดิบโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ว่าผู้ป่วยบางกลุ่มอาจต้องระวัง ประกอบด้วย 1.กะหล่ำปลี ข้อจำกัดของการห้ามกินดิบ คือ กลุ่มผู้ป่วยที่มีภาวะไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) ซึ่งเป็นภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ โดยในกะหล่ำปลี จะมีสารชื่อกอยโตรเจน (Goitrogen) ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารที่ขัดขวางการสร้างฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนไปใช้สร้างฮอร์โมนธัยรอกซินได้น้อยกว่าปกติ หรือทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำยิ่งขึ้น แต่หากนำกะหล่ำปลีไปผ่านความร้อน สารกอยโตรเจนก็จะสลายไปได้ “แต่สำหรับคนปกติที่ร่างกายไม่มีปัญหาอะไร ก็สามารถกินได้ ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วก
“ไผ่เป๊าะหวาน” ลำต้นไม่ตรง เป็นไผ่เปลือกบาง มีเส้นผ่านศูนย์กลางลำ 6 นิ้ว สูง 8-10 เมตร ปล้องยาวโดยประมาณ 12 นิ้ว เนื้อไม้บาง ลักษณะใบมีสีเขียวเล็กคล้ายหอก ก้านมีสีเหลือง มักพบกระจายพันธุ์ตามชายแดนไทย-พม่า แถบจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก มีบ้างเป็นบางพื้นที่ เป็นต้นกล้าที่มาจากเมล็ด จึงไม่ต้องห่วงเรื่องไผ่จะแก่และตายขุย อยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 70-80 ปี หน่อมีขนาดใหญ่เต็มที่ 2.5-3 กิโลกรัม รสชาติหวาน กรอบ ไม่มีเสี้ยน เนื้อเยอะ นิยมนำมาต้มจืด ผัดหน่อไม้ใส่หมู และใส่ในกระเพาะปลา อร่อยอย่าบอกใคร คุณเฉลิม ยานะวงษ์ เกษตรกรผู้ปลูกไผ่ เจ้าของไร่ ยานะวงษ์ ตั้งอยู่ บ้านเลขที่ 336 หมู่ที่ 9 ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก คุณเฉลิม ได้เริ่มปลูกไผ่มาแล้วกว่า 7 ปี มีอาชีพเดิมคือ ทำไร่ข้าวโพด แต่เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งที่นับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้น บวกกับราคาข้าวโพดไม่ดี คนปลูกเยอะ แรงงานหายาก ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน คุณเฉลิมจึงเริ่มหันมาปลูกไผ่เป๊าะ โดยให้เหตุผลที่เลือกปลูกไผ่เป๊าะว่า ไผ่เป๊าะมีราคาดี ราคาซื้อขายกันในสวนกิโลกรัมละ 40 บาท ถ้าขยันหน่อยก็นำไปวางขายตามริมถนนแม่สอด ก็จะได้ราคาถึงกิโลกร
เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ ผมเป็นคนชอบรับประทานหน่อไม้ ผมว่าคนไทยทุกคนก็คงชอบเหมือนกับผม ทั้งนี้ ผมคิดว่าในหน่อไม้น่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์อย่างแน่นอน ผมอยากได้ความรู้เพิ่มเติมว่า ในหน่อไม้มีธาตุอาหารสำคัญอะไรบ้าง นอกจากเป็นความรู้แล้ว ผมจะได้นำไปเล่าให้ลูกหลานได้รับทราบต่อไป ขอขอบคุณมาในโอกาสนี้ครับ ขอแสดงความนับถือ ประวิทย์ ภิรมย์เวช นครนายก ตอบ คุณประวิทย์ ภิรมย์เวช หน่อไม้ ใช้ประกอบอาหารจานเด็ดได้หลากหลายเมนู ตัวอย่าง แกงอ่อม แกงหน่อไม้ แกงเหลือง ต้มจืด หน่อไม้ดอง ซุบหน่อไม้ หน่อไม้ผัดไข่ หรือแม้แต่ต้มจิ้มน้ำพริกก็แสนอร่อย นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ทางด้านอื่นๆ อีกหลายประการของหน่อไม้ เมื่อบริโภคจะช่วยดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหาร แล้วขับถ่ายออกจากร่างกาย หน่อไม้ช่วยลดการกระหายน้ำ อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์กับร่างกายหลายชนิด ธาตุฟอสฟอรัส มีมากพอที่ให้พลังงานกับร่างกาย แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ธาตุเหล็ก มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้น จะเห็นว่าหน่อไม้มีประโยชน์มากมาย แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เป็นโรคเก๊าต์และโรคไต ควรบริโภคหน่อไม้ด้วยคว
เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารอีสานแล้ว บรรดานักกินทั้งหลายคงน้ำลายสอไปตามๆ กันเชียวล่ะ เพราะอาหารของคนภาคอีสานนั้น มีรสชาติจัดจ้าน ออกไปทางเปรี้ยว เค็ม และเผ็ด ชนิดที่ต้องบอกว่า แซ่บโลด แซ่บหลาย และแซ่บอีหลี (อร่อยนักหนานั่นแหละ) สำหรับคนที่ลิ้นบาง อย่างคนภาคกลางหรือคนที่ไม่ชอบกินเผ็ดก็คงต้อง…กินไปร้องไห้ (น้ำตาไหล) ไป หรือกินไปคำต้องดื่มน้ำตาม ประเภทที่เรียกกันตามภาษาภาคกลางว่า กินข้าวคำน้ำคำ เพื่อแก้อาการเผ็ดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่าท่านจะถอยห่างไปจากวงเพราะความเผ็ดหรอกนะ แต่ยังคงนั่งสู้ไปด้วยกันจนหมดจาน สำหรับคนที่ไม่กินเผ็ดหรือกินเผ็ดไม่ค่อยได้ แต่หลงใหลกับรสชาติอาหารอีสานก็ควรต้องกำชับแม่ครัวว่า อย่าใส่พริก หรือแค่พริกติดก้นครกก้นหม้อก็พอ ทางที่ดีต้องบอกกับแม่ค้าไปเลยว่า อย่าให้เผ็ด หรืออย่าใส่พริกนะจ๊ะเด็กจะกิน เท่านั้นท่านก็จะได้อาหารอีสานสุดแซ่บ แต่ไม่เผ็ดแน่นอน ที่ต้องแนะนำกันเช่นนี้ ก็เนื่องจากทุกวันนี้ รสชาติของอาหารอีสานได้เข้าไปแทรกอยู่ในวัฒนธรรมการกินอาหารของคนไทยทุกๆ ภาคไปเสียแล้ว อาหารพื้นบ้าน จำพวกส้มตำ ไก่ย่าง กำลังบุกไปทุกหนทุกแห่ง โดยแทรกซึม (แทรกเข้าไปโดยไม่ให
หน่อไม้อ่อนเป็นแหล่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระและคุณสมบัติต้านมะเร็ง ตามการทบทวนใหม่ได้แนะนำให้ใช้หน่อไม้เป็น “อาหารเพื่อสุขภาพใหม่” ทั้งนี้ ในการตีพิมพ์ผลการทบทวนด้านอาหารวิทยาศาสตร์และความปลอดภัยด้านอาหาร ได้พิจารณาการใช้หน่อไม้เป็นอาหารสุขภาพ โดยเน้นประโยชน์ของหน่อไม้ที่มีผลต่อสุขภาพและศักยภาพในการนำมาใช้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปัญจาบในประเทศอินเดีย กล่าวว่า การที่จำนวนผู้บริโภคตระหนักถึงสุขภาพเพิ่มขึ้นได้กระตุ้นการเติบโต (ให้ความสำคัญ) กับส่วนผสมสำหรับอาหารที่มีสรรพคุณเป็นยา และกล่าวเสริมว่า หน่อไม้สามารถเป็นหนึ่งในส่วนผสมของอาหารเพื่อสุขภาพ “หน่อไม้อ่อนไม่เพียงแค่อร่อยเท่านั้น แต่อุดมไปด้วยส่วนประกอบของสารอาหาร มีโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ ใยอาหารมีน้ำตาลและไขมันต่ำ” นักวิจัยซึ่งนำโดย ศาสตราจารย์ไนร์มาลา ชงธรรม (Nirmala Chongtham) แผนกพฤกษศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยปัญจาบเขียนไว้ นอกจากนี้ หน่อไม้อ่อนยังมีไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ซึ่งลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในอาหารที่รับประทานเข้าไป จะช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอล