เกษตรกรดีเด่น
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ชู “สำรวย บางสร้อย” เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาบัญชีฟาร์มระดับประเทศ ประจำปี 2564 ยกย่องเป็นแบบอย่างความสำเร็จในการนำ “บัญชี” เป็นวัคซีนแก้ความจน ลดต้นทุน ลดรายจ่าย ลดหนี้สิน เพิ่มรายได้จากการประกอบอาชีพ และสามารถนำความรู้ด้านบัญชีมาถ่ายทอดความรู้ให้แก่คนในชุมชนให้มีรายได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการคัดเลือก “เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์มระดับประเทศ” เป็นประจำทุกปี เพื่อค้นหาเกษตรกรที่มีผลงานทางการเกษตรดีเด่น และได้นำ “บัญชี” มาปรับเปลี่ยนชีวิตตนเองและชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ บำเพ็ญประโยชน์ สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประชาชนในการนำองค์ความรู้จากการบันทึกบัญชีมาใช้ลดรายจ่าย ลดหนี้สิน เพิ่มรายได้จากการประกอบอาชีพ ตลอดจนน้อมนำแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวปฏิบัติในครอบครัว ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจยกย่องเชิดชูประกาศเกียรติคุณของเกษตรกรดีเด่นให้ปรากฏและยึดถือเป็นแบบอย่างในแนวทางการปฏิบัติง
“รจนา สีวันทา” เกษตรกรจากจังหวัดสุรินทร์ คว้ารางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์มระดับภาค ปีพ.ศ. 2564 เผยเคล็ดลับความสำเร็จ ยึด “บัญชี” เป็นภูมิคุ้มกันความจน ใช้วิเคราะห์ และวางแผนการประกอบอาชีพลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ในครัวเรือน พร้อมเดินหน้าสร้างเครือข่ายถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีสู่ชุมชน นางรจนา สีวันทา เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์มระดับภาค ประจำปี พ.ศ.2564 ชาวตำบลหนองสนิท อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ วัย 46ปี กล่าวว่า เริ่มต้นอาชีพทำนาโดยใช้ปุ๋ยเคมีมาตั้งแต่ปี 2539 ในระหว่างนั้นมีหนี้สิ้นนอกระบบอยู่หลายหมื่นบาทจนกระทั่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านบัญชีจากสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สุรินทร์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จึงเริ่มหันมาจดบันทึกบัญชีรับ – จ่ายในครัวเรือนและจดบันทึกต้นทุนในการทำนาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้รายรับ รายจ่ายในครัวเรือนและต้นทุนในการทำนา จากเดิมที่ใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูง แต่ได้กำไรต่ำ จึงได้ปรับเปลี่ยนมาทำนาเกษตรอินทรีย์ ที่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าและเป็นไปตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนปัญหาหนี้สิ้นที่เคยมี จากต้นทุนที่ลดลงทำให้มีกำไรมากขึ้น ทำ
ส้มโอขาวแตงกวา เป็นไม้ผลท้องถิ่นที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจของจังหวัดชัยนาท ขนาดผลกลมโตปานกลาง เนื้อกุ้งใหญ่สีขาวแห้ง หวานฉ่ำ รสอร่อย เป็นไม้ผลที่ปลูกสืบต่อกันมานานกว่า 100 ปี ถึงปัจจุบัน ในด้านการปลูกและผลิตมีการพัฒนาคุณภาพมาต่อเนื่อง กระทั่งได้ผลส้มโอขาวแตงกวาดีมีคุณภาพที่ผู้บริโภคต้องการ ทำให้เกษตรกรมีรายได้สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มั่นคง และการปลูกส้มโอขาวแตงกวาในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ วันนี้จึงนำเรื่อง ส้มโอขาวแตงกวา…ไม้ผลเศรษฐกิจคุณภาพเมืองชัยนาท มาบอกเล่าสู่กัน จังหวัดชัยนาทเป็นที่ราบลุ่มมีแม่น้ำไหลผ่าน ดินมีความอุดมสมบูรณ์ที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกพืชได้คุณภาพ โดยเฉพาะส้มโอขาวแตงกวาที่มีการปลูกมานานกว่า 100 ปี มีต้นแม่พันธุ์ต้นแรกอยู่ที่อำเภอมโนรมย์ มีการปลูกและพัฒนาคุณภาพมาต่อเนื่อง ทำให้ได้ผลส้มโอดีมีคุณภาพ มีเนื้อกุ้งใหญ่ขาว หวานฉ่ำ รสชาติอร่อยไม่แพ้ใคร เป็นหนึ่งไม้ผลที่สร้างชื่อให้กับจังหวัดชัยนาท ที่นี่ปลูกไม้ผลเป็นหลัก ได้แก่ มะม่วง กล้วยน้ำว้า ส้มเขียวหวาน มะนาว ส้มโอขาวแตงกวา มะละกอ พุทรา กระท้อน มะกรูด และมะปรางหวาน จำนวน 10 ชนิด รวมพื้นที่ 12,89
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (berry) เป็นผลไม้ลูกเล็กๆ สีสันสดใส มีรสเปรี้ยวหรือหวาน เช่น สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ ฯลฯ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีคุณค่ามากมาย ยังอุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย จนหลายคนเชื่อว่า “ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่” เป็นยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติกันเลยทีเดียว เมืองไทยก็มีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เช่นกัน โดยเบอร์รี่สายพันธุ์ไทยที่รู้จักกันดี ได้แก่ ลูกหว้า มะเกี๋ยง มะเม่า มะขามป้อม ลูกหม่อน มะยม เชอร์รี่ไทย โทงเทงฝรั่ง ตะขบ เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดสามารถพบได้ในแต่ละภาคของประเทศ “ลูกหม่อน” หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ “มัลเบอร์รี่” เป็นหนึ่งในไม้ผลทางเลือกสำหรับผู้รักสุขภาพ เพราะมัลเบอร์รี่ มีสารพฤกษเคมี ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลุ่มแทนนิน ฟลาโวนอยด์ เทอร์ปีน แอนโทไซยานิน ซึ่งช่วยให้ภูมิร่างกายแข็งแรง ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อไวรัส ต้านเชื้อรา ต้านเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย มีใยอาหาร (ไฟเบอร์) ที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น มีวิตามินสูง เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบีรวม และมีแร่ธาตุที่สำค
“มะขามเทศ” เป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง เพราะปลูกดูแลง่าย ทนทานต่ออากาศร้อนแห้งแล้งได้ดี ให้ผลผลิตต่อไร่สูง มีแคลเซียมและวิตามินอีสูง เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์กับร่างกาย สำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี ได้ยกย่อง “คุณก้อย-ทิพย์วรรณ สลุงอยู่” เกษตรกรรุ่นใหม่ (YSF) อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เป็นเกษตรกรคนเก่งที่เป็นต้นแบบในการปลูกไม้ผล โดยเฉพาะ มะขามเทศ ทุกวันนี้ คุณก้อยมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิต กิ่งพันธุ์ ถ่านผลไม้และน้ำส้มควันไม้เพิ่มขึ้นทุกปี หลังหักต้นทุนค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือผลกำไรสุทธิต่อปี มากกว่าล้านบาททีเดียว ผลงานที่โดดเด่นทำให้คุณก้อยได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาทำสวนระดับจังหวัด รางวัลเกษตรกรดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2562 และรางวัลชมเชย เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ 2563 สาขาทำสวน กทม. ไม่ใช่คำตอบของชีวิต หลังเรียนจบปริญญาตรี ด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณก้อย ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. เพื่อเก็บออมเงินสร้างครอบครัว แต่วันหนึ่งคุณก้อยค้นพบว่า การสร้างอนาคตที่ กทม. ไม่ใช่คำตอบของชีวิตอีกต่อไป จึงได้ตัดสินใจลาออกจากงาน กลับมาอยู่บ้านและสร้างธุรกิจเกษตร เริ่มจากขายปุ๋ยอินทรีย์ แ
กลุ่มเกษตรกรทําสวนคุณภาพ ตําบลเหมืองง่า จัดตั้งเมื่อ วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 สมาชิกแรกตั้ง 30 คน สมาชิกปัจจุบัน 130 คน ประธานกลุ่ม นายมงคล ทองกลาง ที่ทําการกลุ่ม เลขที่ 191/1 หมู่ที่ 6 ตําบลเหมืองง่า อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ผลงานดีเด่น ความคิดริเริ่ม โครงการลดรายจ่ายในครัวเรือน ด้วยการจัดหาข้าวสารมาจําหน่ายให้กับสมาชิกในราคาถูก พื้นที่ของตําบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลําพูน ส่วนใหญ่ทําสวนลําไย ไม่มีพื้นที่ในการทํานา ทําให้สมาชิกของกลุ่มเกษตรกรทําสวนคุณภาพตําบลเหมืองง่าต้องซื้อข้าวสารมาเพื่อบริโภคในครัวเรือน ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพงและไม่มีคุณภาพ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของสมาชิก และให้สมาชิกได้บริโภคข้าวสารที่มีคุณภาพ กลุ่มเกษตรกรฯ จึงได้ริเริ่มในการจัดหาแหล่งผลิตและจําหน่ายข้าวสารราคาถูกมาจําหน่ายให้แก่สมาชิก ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในการซื้อข้าวสาร จํานวน 50 บาท/กระสอบ และกลุ่มเกษตรกรฯ ก็มีรายได้เข้ามาอีกทางหนึ่งด้วย โดยกลุ่มมียอดจําหน่ายข้าวสาร 1,054,735 บาท/ปี โครงการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดใกล้เคียงอีกด้วย ในกลุ่มเกษตรกร โดยการผลิตปุ๋ย
คุณบุญล้วน โพนสงคราม อายุ 62 ปี ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 188 หมู่ที่ 8 ตำบลวังหลวง อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย มีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 27.5 ไร่ มีการจัดสรรเป็นพื้นที่ทำนา 8 ไร่ สวนยางพารา 7 ไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก 5 ไร่ สวนไผ่เลี้ยง 2 ไร่ และไผ่บงหวาน 1 ไร่ ทำประมง 3 ไร่ เลี้ยงสัตว์ 1 งาน เรือนเพาะชำกล้าไม้ จำนวน 1 งาน มีการใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ เริ่มจาก ปี พ.ศ. 2520 เริ่มประกอบอาชีพทำนาตามฤดูกาล และเลี้ยงหมูขาดทุน ต้องกู้ยืม ธ.ก.ส. เป็นหนี้ผูกพัน ปี พ.ศ. 2540 ต้องไปเป็นลูกจ้างรับเหมาทำถนน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นผู้จัดการฟาร์มวีราฟลอร่าแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยศึกษาเรียนรู้ที่ศูนย์พืชสวน จังหวัดกระบี่ ในการผลิตดอกหน้าวัว ปี พ.ศ. 2542 มีความเชี่ยวชาญในการผลิตดอกหน้าวัว ได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนพิเศษที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรื่องการดูแลรักษา กิจกรรมเด่น ปรับปรุงดินลูกรังที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ และใช้วิธีห่มดินด้วยหลักการของ “โคก หนอง นา โมเดล” จนสามารถปลูกพืชได้ นำวัสดุเหลือใช้ทางการเ
มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ เมื่ออายุครบ 60 ปี จะกลายเป็นพนักงานวัยเกษียณทันที หลายคนตัดสินใจหยุดพักผ่อน หลังจากทำงานหนักมาตลอดชีวิต แต่ผู้สูงอายุกลุ่มหนึ่ง ตัดสินใจใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ในเส้นทางอาชีพเป็น “เกษตรกร” วิธีนี้นอกจากใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว การทำงานท่ามกลางธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์ ช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น สุขใจที่ได้บริโภคผักผลไม้ที่ปลูกด้วยมือตัวเอง ผลผลิตที่เหลือจากการบริโภคก็ขายสร้างรายได้เข้ากระเป๋าได้อีกทางหนึ่ง อาจารย์ธงเทพ ตันเจริญ เจ้าของสวน “ตันเจริญ” บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 5 ตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว 27000 โทร. 089-233-7586 เป็นหนึ่งในกลุ่มพนักงานวัยเกษียณที่มีความสุขในเส้นทางอาชีพเป็นเกษตรกรมานานกว่า 10 ปี เขาไม่ได้ทำเกษตรแบบเล่นๆ อาจารย์ธงเทพ มีความขยัน และตั้งใจจริงในการทำงานภาคเกษตร แม้เจอปัญหาอุปสรรคต่างๆ มากมายในช่วงที่ผ่านมา อาจารย์ก็สู้ไม่ถอย ใส่ใจเรียนรู้เทคโนโลยีการเกษตรใหม่ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง จนได้รับรางวัลชนะเลิศ สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม จากการประกวดเกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2557 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และ
แหล่งปลูกมะม่วงส่งออกทำเงินของประเทศไทย หากดูจากแผนที่ประเทศไทยแล้ว จะพบว่ากระจายอยู่ทั่วประเทศ จะมีกลุ่มที่รวมตัวกันหลายจังหวัดที่เป็นเขตติดต่อกันบ้าง เช่น พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร ในภาคอีสานก็เป็นจังหวัดกาฬสินธุ์ อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น ภาคเหนือเกาะกลุ่มจังหวัดลำพูนประปราย น่าน เชียงรายและเชียงใหม่ ภาคกลางมีไม่มากนักในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี ส่วนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการปลูกมะม่วงส่งออกน้อยกว่าภาคอื่น จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่ม 2 แห่ง คือที่อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตมะม่วงเพื่อการส่งออก ตำบลบ้านโภชน์ และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มปรับปรุงคุณภาพมะม่วงเพื่อการค้าและการส่งออก จ.เพชรบูรณ์ นำโดยคุณไตรรัตน์ เปียถนอม ผู้ซึ่งการันตีด้วยรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพทำสวน ปี 2557 ทำมะม่วงส่งออก แทน มะม่วงตามกระแส คุณไตรรัตน์ เปียถนอม เริ่มทำสวนมะม่วงมาตั้งแต่ปี 2530 ทุกปีประสบปัญหาขาดทุน เพราะไม่ได้อยู่ดูแลสวนมะม่วงด้วยตนเอง กระทั่งปี 2533 จ้างคนดูแลและปลูกมะม่วงตามความนิยมของท้องถิ่น คือ พันธุ์เขียวเสวย พัน
“ข้าว” คือต้นธารแห่งวัฒนธรรมของคนไทย เป็นรากฐานของชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีวิถีชีวิตและสังคมของไทย แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปมาก สังคมไทยที่เคยเป็นสังคมเกษตร ปัจจุบันต้องพบกับปัญหา เนื่องจากรายได้ภาคเกษตรมีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ แต่เมื่อมองถึงความมั่นคงทางอาหารของสังคมไทย จึงไม่ควรมองความสำคัญจากมูลค่าทางเศรษฐกิจหรือคิดเป็นมูลค่าจากจำนวนเงินเท่านั้น เพราะสถานะภาคเกษตรมีความสำคัญในการเกื้อหนุนชีวิตแรงงานภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันอาชีพชาวนาต้องพบกับปัญหา เนื่องจากลูกหลานชาวนาส่วนใหญ่ต่างเข้ามาทำงานในเมือง หรือเคลื่อนย้ายสู่แรงงานนอกภาคเกษตรมากขึ้น เพราะเห็นว่าอาชีพทำนาเป็นงานที่หนัก ต้องพึ่งพาธรรมชาติ เกิดความสูญเสียจากภัยพิบัติบ่อยครั้ง ต้นทุนการผลิตที่สูง ราคาและรายได้น้อยไม่แน่นอน และไม่มีสวัสดิการที่มั่นคง เหลือแต่ชาวนาสูงวัย จึงทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่า อนาคตข้างหน้าอาจกระทบต่อสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ดังนั้น การเรียนรู้การทำนาอย่างถูกต้อง โดยยึดหลัก 3 ป. คือ ประหยัด ปลอดภัย และปฏิบัติได้ จะส่งผลให้ชาวนามีความสุข และม