เกษตรสร้างชาติ
ยะลา เป็นจังหวัดทางทิศใต้ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้ภูมิภาคนี้มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น มีด้วยกัน 2 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม และช่วงฤดูฝนในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ การทำเกษตรกรรมของเกษตรกรในพื้นที่มีการปลูกพืชหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะการทำสวนมะพร้าว สวนยางพารา การปลูกทุเรียนก็ได้ผลผลิตที่ดีด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่การเลี้ยงสัตว์เองก็ถือว่าสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี สำหรับการทำเกษตรผสมผสานเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เกษตรในพื้นที่กำลังให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะทดแทนในเรื่องของราคาผลผลิตทางการเกษตรจำพวกพืชเชิงเดี่ยวราคาตก ยังสามารถช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปีจากการทำเกษตรผสมผสาน ซึ่ง คุณอิสมาแอล ลาเต๊ะ อยู่บ้านเลขที่ 27/2 หมู่ที่ 5 ตำบลลำใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ตัดสินใจหันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยการปลูกพืชผักสวนครัวและ ไม้ผลยืนต้น เพื่อให้เกิดรายได้เป็นเงินหมุนเวียน เพื่อที่จะได้นำผลกำไรไปลงทุนในการทำเกษตรด้านอื่นๆ ต่อไป จากอดีตครู ผันชีวิตมา
การทำอาชีพเกษตรเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้หลายๆ ครอบครัวได้มาทำกิจกรรมรวมกัน โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานยังเมืองใหญ่เพื่อหารายได้ ซึ่งการยึดอาชีพการเป็นเกษตรกรอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เมื่อมีประสบการณ์ได้ลองผิดลองถูก พร้อมทั้งมีกำลังใจจากคนในครอบครัวที่ให้การสนับสนุนกันอยู่ตลอด สิ่งนี้เองจึงทำให้เกษตรกรผู้ประสบผลสำเร็จต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากจะมีความสุขที่ได้มาทำเกษตรแล้ว ความสุขแท้ที่ได้รับคือทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และรักษาสิ่งที่กำลังทำเป็นมรดกส่งต่อไปให้ลูกหลานต่อไป คุณอิษฏ์ฐะ ทองเจิม หรือ คุณเบส ได้หันหลังให้กับเมืองใหญ่มากำหนดชีวิตในสายอาชีพใหม่ โดยปรับการทำเกษตรของครอบครัวสมัยคุณพ่อคุณแม่ แบ่งมาทำเป็นเกษตรผสมผสานในพื้นที่ 2 ไร่ แต่สามารถสร้างรายได้ทุกวัน จากจุดเริ่มต้นนี้เองสวนเกษตรผสมผสานของเขา จึงไม่ได้จำหน่ายสินค้าทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนในด้านแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้สนใจท่านอื่นๆ ได้เข้ามาศึกษาองค์ความรู้นำไปพัฒนาในที่ดินของตัวเอง คุณเบส เล่ามุมมองของอาชีพสมัยก่อนให้ฟังว่า เมื่อจบการศึกษาแล้วได้ทำตามความฝันของครอบครัว คือการทำง
การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยการทำสิ่งที่รักและชื่นชอบ ย่อมก่อให้เกิดแห่งความสุขอย่างแท้จริง หากสิ่งที่ลงมือทำนั้น สามารถพัฒนาและต่อยอดให้เกิดเป็นธุรกิจสร้างเม็ดเงิน ทำให้มีรายได้เพิ่มในครอบครัว เช่นเดียวกันกับ คุณชิษณุพงศ์ ไกรแสง หรือ คุณบ่าว เจ้าของ “ฟาร์มหอยโข่งใต้ พัทลุง By คุณบ่าว” วัย 20 ปี เด็กหนุ่มผู้มากความสามารถ ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง ที่ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สร้างรายได้เพิ่ม โดยการทำฟาร์มเพาะหอยโข่งขายผ่านช่องทางออนไลน์ สร้างรายได้ให้กับตนเองทุกวัน จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงหอยโข่งนั้น เกิดขึ้นเมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่แล้ว เพราะบริเวณพื้นที่โดยรอบบ้านจะเต็มไปด้วยแม่น้ำ ลำคลอง จึงชวนเพื่อนๆ ที่รู้จักกันในหมู่บ้านกระโดดลงเล่นน้ำในแม่น้ำ ลำคลอง โดยที่ไม่ได้คิดอะไรตามประสาของเด็กหนุ่ม จนกระทั่งคุณบ่าวจับหอยโข่งขึ้นมา ขณะนั้นเองยังไม่รู้ว่าหอยโข่งสามารถขายได้ จึงถ่ายรูปหอยโข่งลงโพสต์ขายทางหน้าเฟซบุ๊กของตนเองโดยไม่ได้คิดจริงจัง เพราะโดยปกติคนภาคใต้จะนิยมบริโภคหอยโข่งกันอยู่แล้ว หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีต่อมาโพสต์เฟซบุ๊กของคุณบ่าวดังกล่า
ในเมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะเดินหน้าไปต่ออย่างไรให้มีคุณภาพและมีความสุข ฉบับนี้ผู้เขียนจึงไม่พลาดที่จะสรรหาและหยิบยกนำเรื่องราวการทำเกษตรดีๆ มาถ่ายทอดเป็นตัวอย่างให้กับทุกท่านที่กำลังท้อแท้กับชีวิตให้กลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง คุณคำภา ไชยมาตย์ อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 2 ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ เกษตรกรยุคโควิด-19 และถือเป็นการใช้โอกาสในช่วงเกิดวิกฤตกลับมาทำในสิ่งที่ตนเองรัก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำ นั่นก็คือการเป็นเกษตรกร กลับมาเนรมิตที่ดินจำนวน 2 ไร่ 2 งาน 22 ตารางวา ทำเกษตรผสมผสาน ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ พร้อมเปิดเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตบ้านทุ่ง ให้คนในชุมชนได้เข้ามาเลือกซื้อวัตถุดิบไปประกอบอาหารได้อย่างปลอดภัย ราคาย่อมเยา รวมถึงมีการแบ่งปัน ลด แลก แจก แถม เพื่อช่วยพี่น้องให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ไปให้ได้ คุณคำภา เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ก่อนหน้านี้ตนเองทำงานรับเหมาตัดเย็บกระเป๋าผ้าพื้นเมืองมาก่อน แต่ด้วยเหตุการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบทำให้งานตัดเย็บที่เคยทำก็ไม่มีให้ทำ แต่เงินจำเป็นต้องใช้ทุกวัน จึงได้ลองหันกลับมามอ
“มะขามป้อม เป็นต้นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Phyllanthaceae เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และมีคุณค่าทางสมุนไพรอีกมากมาย เช่น สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย บำรุงโลหิต ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลดไขมันในเส้นเลือด รวมถึงเป็นยาระบายอ่อนๆ” คุณชูศักดิ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “มะขามป้อมบ้านสวน นครปฐม” เกษตรกรผู้ปลูกมะขามป้อมและเจ้าของสวน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลถนนขาด อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่มีความต้องการที่จะทำสวนผลไม้ที่ทนโรค และสภาพอากาศที่แปรปรวนในประเทศไทย ก่อนจะหันมาปลูก “มะขามป้อม” พันธุ์ทะวายอินเดีย มีจุดเด่น คือ ผลใหญ่ เนื้อนิ่ม น้ำเยอะ ซึ่งเป็นผลไม้ที่ตอบโจทย์ความต้องการในการทำสวนผลไม้ตามที่ตั้งใจไว้ และกลายเป็นธุรกิจในครอบครัวมานานกว่า 8 ปี ในพื้นที่ทั้งหมด 7 ไร่ “ก็ตอนแรกเราก็ทำสวน และหาโจทย์ที่ว่าหาผลไม้ที่ทนโรค ทนสภาพอากาศ มีผลผลิตตลอดปี ก็เลยมาจบที่มะขามป้อม เพราะว่าผลไม้ที่ทนโรค ทนต่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน และมีผลผลิตให้เราตลอดปี นี่คือจุดเริ่มต้น ทำมาได้ประมาณ 8 ปีแล้ว เป็นธุรกิจภายในครอบครัว” สำหรับการปลูกมะขามป้อมภายในพื้นที่นั
“เศรษฐกิจพอเพียง” หลักปรัชญาที่เป็นเหมือนแสงนำทางชีวิตให้หลุดพ้นจากความยากจน และมีหลายคนรอดจากวิกฤตได้เพราะการยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต ที่สอนให้ทุกคนรู้จักความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอดี รวมถึงกับการมีภูมิคุ้มกันที่ดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากที่สุดก็คือการทำเกษตรผสมผสาน คือการไม่รอคอยกับพืชผลเพียงอย่างเดียว เมื่อล้มแล้วจะลุกยาก แต่เกษตรผสมผสานทำแล้วไม่มีเจ็บและสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองเลี้ยงครอบครัวได้ทุกวัน คุณเสน่ห์ ร่มโพธิ์ หรือ ลุงเสน่ห์ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 87/3 หมู่ที่ 8 ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์ ต้นแบบเกษตรกรด้านการทำเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชผักผลไม้กว่า 50 ชนิด ทำงานไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย อาศัยเพียงแรงงานในครอบครัวดูแลจัดการสวนทั้งหมด โดยยึดคติประจำใจว่า “ให้มองงานภายในสวนคือความสุข มองงานทุกอย่างคือความ
การทำนา เป็นอาชีพหลักของชาวบุรีรัมย์ ทำนาโดยพึ่งพาน้ำฝนปีละครั้ง อาชีพรองลงมาคือ ปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ฯลฯ พื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มักประสบปัญหาภัยธรรมชาติเป็นประจำทุกปี โดยพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งมากที่สุด เนื่องจากมีปริมาณน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งครอบคลุม 23 อำเภอ เนื้อที่ 4 หมื่นไร่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ร่วมกับ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในการสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการภัยแล้งให้กับพื้นที่บ้านตามา บ้านสุขวัฒนา และบ้านสุขสำราญ ตำบลชุมแสง อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ โดย วช. ให้การสนับสนุนองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อการบริหารจัดการภัยแล้งพื้นที่เกษตรกรรม ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก 12 นวัตกรรม ที่พัฒนาโดยทีมคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อการเพิ่มประสิทธิภา
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน การยืนด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ถือเป็นเรื่องดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ภาคเกษตรกรรมวันนี้ปลูกและขายผลสดอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ อาจต้องมีการแปรรูปเข้ามาเสริม หรือในส่วนของพนักงานประจำที่ตอนนี้หากมีรายได้ทางเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป สังเกตได้จากข่าวในปัจจุบันที่จะเห็นได้ว่ามีมนุษย์เงินเดือนหลายท่านหันมาประกอบอาชีพเสริมกันมากขึ้น ทั้งการขายของออนไลน์หรือต่อยอดทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดนอกเหนือจากงานประจำ ถือเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยม คุณหทัยรัตน์ จันทร์พุทรา หรือ พี่วิ อาศัยอยู่ที่ 153 หมู่ที่ 1 ตำบลเย้ยปราสาท อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ข้าราชการสาว ใช้วันว่างทำงานเกษตรแบบตามใจตัวเอง ปลูกพืชผสมผสานอย่างละนิดละหน่อย เพื่อสร้างความหลากหลาย เน้นแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นหลัก บนแนวคิดที่อยากยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ง้อนายทุนหรือพ่อค้าคนกลาง ปัจจุบันประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้ สามารถสร้างรายได้จากงานเกษตรได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน พี่วิ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ปัจจุบันตนเองทำงานรับราชการ ตำแหน่งนักพัฒนาชุมชนชำนาญการ งานด้านเกษตรเป็นงานที่ตั้งใจสานต
ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ จะดีแค่ไหนถ้าทุกบ้านสามารถประหยัดรายจ่ายในครัวเรือนได้ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ ด้วยการแบ่งพื้นที่เล็กๆ ปลูกพืชผักบางชนิดไว้กินเอง หรือลดพื้นที่การปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพืชผสมผสานเป็นกับข้าว เพื่อลดรายจ่ายต่อวันได้ และถ้าหากท่านสนใจอยากทำ จะมีเวลาน้อย เวลามากก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ขอเพียงแค่ลงมือทำ คุณคุณาวุฒิ แสงดาว หรือ พี่แอ๊ด อยู่ที่บ้านดู่น้อย หมู่ที่ 7 ตำบลโนนแดง อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เซอร์วิส เอ็นจิเนีย หัวใจเกษตร ใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำงานที่รัก เด่นที่การจัดสรรพื้นที่และการวางระบบเลือกปลูกพืชที่ดูแลจัดการง่าย แต่ให้ผลตอบแทนดี มีเวลาน้อยสามารถทำได้สบาย พี่แอ๊ด เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรว่า ปัจจุบันตนเองทำงานประจำที่บริษัทนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งหนึ่ง ในตำแหน่ง เซอร์วิส เอ็นจิเนีย ซึ่งด้วยลักษณะของงานที่ต้องมีการลงพื้นที่ไปติดตั้งระบบอุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตรให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ ทำให้ได้เห็นรูปแบบการทำเกษตรมามากมาย ก็ได้อาศัยข้อได้เปรียบที่มีอยู่เข้าไปศึกษาเรียนรู้ขอแนวทางการทำเกษตรจากเกษตรกรมืออาชีพที่ได้พบเจอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ปร
การทำเกษตรหากตั้งใจจริงและพร้อมที่จะสร้างเป็นอาชีพไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลตัว เพราะงานเกษตรเป็นสิ่งที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เกิดในประเทศนี้ย่อมผ่านหูผ่านตาในเรื่องของความรู้การทำเกษตรไม่ช่องทางใดก็ช่องทางหนึ่ง จึงทำให้หลายๆ คนที่ไม่ได้เคยอยู่ในสายอาชีพทางการเกษตรอยู่เดิม เมื่อเกษียณจากงานและต้องการที่จะกลับมาอยู่บ้าน ก็มักจะมองงานด้านการเกษตรเป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้ให้กับตัวเอง หรืออย่างน้อยก็เป็นอาหารสำหรับบริโภคภายในครัวเรือน คุณโสพี ทองทุม อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ที่ 9 ตำบลโพธิ์ไทรงาม อำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร ได้เกษียณจากงานประจำกลับมาทำเกษตรผสมผสานยังบ้านเกิดของตัวเอง โดยยึดการทำเกษตรเน้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ในพื้นที่ของเขามีการทำเกษตรชนิดที่ว่าครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ ตลอดไปจนถึงการเลี้ยงปลาภายในบ่อน้ำสำหรับใช้ภายในสวน คุณโสพี เล่าให้ฟังว่า เริ่มมาทำเกษตรผสมผสานตั้งแต่ปี 2560 คือเกษียณจากงานประจำแล้วมาทำทันที จากนั้นแบ่งพื้นที่ที่มีอยู่จำนวน 19 ไร่ มาทำเกษตรผสมผสานอยู่ที่ 3 ไร่ โดยในพื้นที่สำหรับแบ่งมาทำการเกษตรจะดำเนินการขุดบ่อน้ำไว้เพื่อให้ใช้รดพืช