เครื่องจักรกลการเกษตร
นายวินัย ลักษณะวิลาศ เกษตรจังหวัดปราจีนบุรี ได้ลงพื้นที่แปลงใหญ่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หมู่ที่ 5 ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเยี่ยมชมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีการปลูกหลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เพื่อให้มีรายได้เสริมในช่วงฤดูแล้งมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็จัดว่าเป็นหนึ่งในพืชที่ใช้น้ำน้อยที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เนื่องจากเป็นพืชที่มีความเสี่ยงน้อย มีระยะการเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 120 วัน และเหมาะแก่การปลูกในฤดูแล้ง ที่ผ่านมาเกษตรอำเภอกบินทร์บุรี และเจ้าหน้าที่เกษตรตำบล ได้ลงพื้นที่ให้ความรู้เรื่องการเพาะปลูก การบำรุงดิน การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การผสมปุ๋ยใช้เอง การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน การผลิตและการใช้สารชีวภัณฑ์ การแนะนำชนิดของเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การบริหารจัดการน้ำเพื่อให้ได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สมบูรณ์ และมีคุณภาพ การจัดทำบัญชีครัวเรือน การบริหารจัดการกลุ่ม และการเชื่อมโยงตลาด ตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษต
ที่แปลงทดลองปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ กลุ่มบริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด ร่วมกับ กรมวิชาการเกษตร และมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย นำเกษตรกรกว่า 200 คน ที่เข้าร่วมโครงการปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์จากหลายอำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี เข้าดูการทำงานนวัตกรรมใหม่เครื่องกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลงในแปลงมันสำปะหลังในเวลาเดียวกัน ซึ่งคิดค้นและออกแบบโดย คุณวุฒิพล จันทร์สระคู นักวิศวการเกษตร ศูนย์วิจัยเกษตรกรรมขอนแก่น สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร โดยการทำงานของเครื่องกำจัดวัชพืชและหว่านปุ๋ยนี้ ใช้รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเป็นตัวลากชุดถังเก็บและโรยปุ๋ยหมัก ขนาด 300 กิโลกรัม ได้ครั้งละ 2 แถว มีอัตราการโรย 500-1,000 กิโลกรัม ต่อไร่ ส่วนด้านล่างของถังโรยปุ๋ยหมัก ติดตั้งชุดกำจัดวัชพืชแบบผาลจาน ขนาด 4 ผาล และสามารถปรับมุมเอียงของผาลใช้ไถพลิกดินได้ตามสภาพดินในไร่มันสำปะหลังของแต่ละพื้นที่ การคิดค้นและออกแบบชุดกำจัดและโรยปุ๋ยไปพร้อมกันนี้ คุณวุฒิพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากการทำไร่มันสำปะหลังอินทรีย์หรือไร่มันสำปะหลังทั่วไป ซึ่งเริ่มปลูกในเดือนเมษายนของทุกปี กว่าหัวมันจะโตเก็บเกี่ยวได้ เกษตรกร
บริษัท ยันม่าร์ เอส.พี. จำกัด ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศไทย และบริษัท ยันม่าร์ อกริ จำกัด ในเครือบริษัท ยันม่าร์ จำกัด เข้าร่วมโครงการใช้เทคโนโลยีนำทางความละเอียดสูงมาใช้ในเครื่องจักรกลการเกษตรในประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการเกษตร โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนาจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ JICA และคณะกรรมการทำงานร่วมไทย-ญี่ปุ่น ยันม่าร์จึงได้จัดการสาธิตเครื่องจักรกลการเกษตรอัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับระบบ GNSS ของประเทศไทย ณ ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ. สระบุรี โครงการดังกล่าวได้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว “ประเทศไทย 4.0” ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศ เพื่อช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเกษตรแม่นยำสูง ยันม่าร์จึงได้คิดค้นและพัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรมาช่วยตอบโจทย์เกษตรกรไทยในการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการเกษตร จึงได้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้น และได้สาธิตเครื่องจักรกลการเกษตรแบบอัตโนมัติจำนวน 4 รุ่น ที่
“เกษตรกร” นับเป็นงานอาชีพที่เหนื่อยและงานหนัก ต้องทำงานกลางแดดร้อนหรือกลางสายฝนในบางครั้ง การทำสวน ทำไร่ ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมาก พืชบางชนิดเพาะปลูกได้เพียงปีละครั้ง ถึงช่วงฤดูเก็บเกี่ยวกลับขายสินค้าได้ในราคาถูก ไม่คุ้มค่ากับตัวเลขค่าใช้จ่าย รวมทั้งแรงกาย แรงใจ ที่ทุ่มเทเวลาทำงานมาตลอดทั้งปี ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกหลานเกษตรกรที่เป็นคนหนุ่มคนสาวรุ่นใหม่จำนวนมากปฏิเสธที่จะยึดอาชีพเกษตรกรรมตามรอยพ่อแม่ ความจริง การทำเกษตรในยุคนี้ อาจเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่รู้จักลงทุนจัดหาอุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น รถไถ เครื่องหว่านข้าว เครื่องเจาะหลุม เป็นต้น ในฉบับนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับเครื่องเจาะหลุมรุ่นใหม่ ที่ถูกพัฒนาจากแนวคิดสร้างสรรค์ของหนุ่มลพบุรี ผลงานชิ้นนี้ ช่วยให้การเจาะหลุม กลายเป็นเรื่องง่าย เหมือนกับการปอกกล้วยเข้าปากเลยทีเดียว รู้จักเกษตรกรคนเก่ง คุณปรีชา บุญส่งศรี หรือที่รู้จักกันดีในโลกโซเชียลว่า “ทอม นิวบอร์น” เจ้าของกิจการน้ำหมักชีวภาพ ได้เล่าความเป็นมาของเขาให้ฟังว่า เขาเกิดและเติบโตในครอบครัวเกษ
นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย ตลาดและบริการ สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมส่งมอบแทรกเตอร์คูโบต้า L5018SP ระบบ KIS พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง มูลค่ารวม 1 ล้านบาท ให้กับสหกรณ์การเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดินหงษ์เจริญ จำกัด อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ภายใต้โครงการ คูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตร และใช้พัฒนาต่อยอดธุรกิจการเกษตรของชุมชนให้เติบโต โดยได้รับเกียรติจาก ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยโท สมชาย เรืองจันทร์ ปลัดจังหวัดชุมพร และผู้บริหารคูโบต้า มิตรแท้ชุมพร
จังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด จัดพิธีลงนาม “พิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ดำเนินโครงการความร่วมมือพัฒนาด้านเกษตรและโครงการพัฒนาชุมชนจังหวัดนครสวรรค์” เตรียมผลักดัน 3 โครงการ ตั้งเป้านำความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกลการเกษตร และนวัตกรรมการเกษตร ผสานกับองค์ความรู้การเพาะปลูกพืชสมัยใหม่ของสยามคูโบต้าเข้ามาบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชน มุ่งพัฒนาการบริหารจัดการภาคการเกษตร และยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรในจังหวัดนครสวรรค์ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า จากข้อมูลของจังหวัดนครสวรรค์มีพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 4,700,565 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 78.36 ของพื้นที่จังหวัด และจากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2562 พบว่า จังหวัดนครสวรรค์มีผลิตภัณฑ์มวลรวม 117,685 ล้านบาท เป็นรายได้จากภาคเกษตรกรรมเพียง 35,991 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 30.56 จึงเป็นเหตุผลให้จังหวัดนครสวรรค์จะต้องทำการปฏิวัติการทำการเกษตรในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยปรับเปลี่ยนการทำนามาปลูกพืชไร่ทดแทน มีการจัดทำระบบโซนนิ่งพื้นที่
เกษตรกรรมนับเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย ที่หล่อเลี้ยงปากท้องคนไทยมาช้านาน แต่ทำไมเกษตรกรในประเทศไทยถึงยังต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้จุนเจือครอบครัวอยู่ ซึ่งถ้าหากลองมองย้อนดูดีๆ แล้วจะเห็นช่องว่างอยู่มากมายที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านราคาผลผลิตที่ตกต่ำ หรือในบางปีสภาพฝนฟ้าอากาศไม่เป็นใจ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลทำให้ไร่นาเกิดความเสียหาย รวมถึงการที่เกษตรกรรุ่นเก่าเข้าไม่ถึงองค์ความรู้ในด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จึงต้องตั้งความหวังไว้ที่คนรุ่นใหม่หรือเกษตรกรรุ่นลูก ในการเข้ามาพัฒนาผืนดินทำกินของพ่อแม่ ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองและยั่งยืนได้อีกครั้ง ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งทางบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เล็งเห็นความสำคัญของเกษตรกรไทย อยากให้พี่น้องเกษตรกรทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงได้เดินหน้าขยาย “ฟาร์มสร้างประสบการณ์เกษตรสมัยใหม่ โดยผู้แทนจำหน่ายสยามคูโบต้า” เปิดแห่งแรกในจังหวัดมหาสารคาม ภายใต้ชื่อ “ณ นา ฟาร์ม” สนับสนุนผู้แทนจำหน่ายคูโบต้า มหาสารคาม ยก “คูโบต้า
สยามคูโบต้า ร่วมกับ มหาวิทยาลัยบูรพาและหอการค้าไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ มุ่งพัฒนาทักษะและนวัตกรรมด้านการเกษตรและเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพหลักสูตรการเรียนการสอน หวังยกระดับการเกษตรของภาคตะวันออกให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า สยามคูโบต้า ในฐานะผู้นำนวัตกรรมการเกษตรเพื่ออนาคต มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาภาคเกษตรของไทยให้มีความเข้มแข็ง ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรและประชากรอย่างยั่งยืน อีกทั้งหวังสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ให้มีความพร้อมและมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้อย่างเข้มแข็ง ล่าสุดได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพาและหอการค้าไทยว่าด้วยการดำเนินการพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตร โดยภายใต้ความร่วมมือฉบับนี้สยามคูโบต้าพร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีเกษตร ความรู้ด้านเครื่องจักรกลการเกษตร และนวัตกรรมด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตร อาทิ การปลูกพืชมูลค่าสู
สยามคูโบต้าเปิดรายรับปี 64 โตขึ้น 30% มั่นใจทิศทางตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรปี 65 ยังเติบโต ล่าสุดเตรียมพัฒนาสินค้ารับเทรนด์เกษตรสมัยใหม่ Smart Farm เน้นการทำการตลาดแบบ Personalized Marketing เพื่อยกระดับการให้บริการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เน้นดูแลสังคมด้วยนโยบาย ESG เดินหน้าสู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก พร้อมเปิดตัวแคมเปญสื่อสารใหม่ “Renew your Agri-life together ก้าวสู่ชีวิตเกษตรใหม่ไปด้วยกัน” นายทาคาโนบุ อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 22% โดยปัจจัยบวกมาจากสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝนสำหรับการเพาะปลูกมีเพียงพอ ส่งผลให้ผลประกอบการของสยามคูโบต้าในปี 2564 เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวม 6.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 30% โดยปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากแรงงานคืนถิ่นกลับสู่ภาคการเกษตรเพื่อต่อยอดการทำเกษตรของครอบครัว ทำให้มีความต้องการซื้อเครื่องจักรเพื่อใช้งานมากขึ้น ซึ่งสินค้าหลักคือ กลุ่มแทรกเตอร์และรถเกี่ยวนวดข้าว รวมทั้งกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่ซึ่งมีการสนับสนุนจากภา
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวถึงความเป็นมาของกิจกรรมในครั้งนี้ว่า “สยามคูโบต้า ได้เล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกินมาตรฐาน ในภาคการเกษตร จึงได้ริเริ่มโครงการเกษตรปลอดการเผา ขึ้นตั้งแต่ปี 2562 ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ในการจัดการและสามารถเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อทำการเกษตรในรูปแบบปลอดการเผา สอดคล้องกับเป้าหมายภาครัฐในการลดการเผาในพื้นที่การเกษตรให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2565 สยามคูโบต้า จึงได้สานต่อโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและมุ่งสร้างความตระหนักถึงปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมรณรงค์ในการลดปัญหาดังกล่าว ด้วยการจัดกิจกรรมวิ่งในรูปแบบ Virtual Run ภายใต้ชื่องาน “KUBOTA RUN เกษตรปลอดเผา เราปลอดฝุ่น” ซึ่งเป็นรูปแบบเก็บสะสมระยะวิ่ง ได้แก่ มินิมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และมาราธอน โดย