แปรรูป
การแปรรูปสินค้าเกษตรต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นและเกษตรกรหลายๆ คนเริ่มให้ความสนใจ โดยไม่เน้นจำหน่ายผ่านพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว แต่นำสินค้าเกษตรที่ตนเองทำ มาผ่านกระบวนการแปรรูปให้เป็นสินค้าสุดท้ายจากสวนของตนเอง โดยผลิตแบบต้นน้ำและปลายน้ำเอง การแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นอีกหนึ่งสินค้าขายดีที่มีราคา เกษตรกรในหลายพื้นที่ได้นำความรู้ที่มีมาทำการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์จำหน่ายเอง จึงทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มและจำหน่ายได้ราคาดี กว่าจะมาเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้ได้เคี้ยวเพลินและรสชาติมันส์อร่อย ขั้นตอนของการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์จนกว่าจะได้ผลผลิตพร้อมจำหน่าย ทำอย่างไรบ้าง โดยในแต่ละวันเกษตรกรจะทำการเก็บเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่แก่จัดร่วงหล่นเองตามธรรมชาติ จากนั้นนำมาบิดแล้วคัดเอาแต่เม็ดเพียงอย่างเดียว เมื่อได้เม็ดมะม่วงหิมพานต์มาแล้ว จะมาทำการคัดไซซ์และขนาด พร้อมกับดูความสมบูรณ์ของเม็ดให้ได้คุณภาพที่สุด เมื่อคัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์จนได้เม็ดที่มีแต่คุณภาพล้วนๆ แล้ว จะนำมาตากแดดอย่างน้อย 4-5 วัน เมื่อตากแดดแห้งจะนำมาใส่กระสอบเก็บไว้ โดยการเก็บรักษาหากยังไม่ได้นำออกมากะเทาะในทันทีสามารถเก็บไว้ได้เป็
เกษตรกรในพื้นที่ โนนดินแดง นิยมปลูกเสาวรสกันมากที่สุด รองจากทำนาและไร่ข้าวโพด ช่วงที่ผลผลิตออกมาพร้อมกัน มักเจอปัญหาราคาตกต่ำ ไม่คุ้มค่ากับการเก็บมาขาย เกษตรกรจึงปล่อยผลผลิตให้เน่าเสีย เมื่อขายได้ราคาไม่ค่อยดีก็ไม่ค่อยสนใจบำรุงรักษา วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการโนนดินแดง จึงเข้ามาให้ช่วยเหลือส่งเสริมให้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรรวมตัวกันผลิต “น้ำเสารสเข้มข้น” หากใครไปโนนดินแดง จะพบน้ำเสาวรสวางจำหน่าย แวะชิมแล้วรับรองไม่ผิดหวัง เทคนิคการผลิต (สควอช) ส่วนผสม 1. น้ำเสาวรสคั้นสด 1 กิโลกรัม 2. น้ำตาลทราย 1.7-2 กิโลกรัม 3. กรดมะนาว 5-7 กรัม 4. เกลือ 5. น้ำ 1.4-4.5 กิโลกรัม 6. สีเหลืองผสมอาหาร 1-2 หยด 7. ผงเพคติน 20 กรัม 8. โซเดียมเมตาไลซัลไฟต์ 1.4 กรัม วิธีทำ 1. นำน้ำเสาวรสคั้นที่เตรียมไว้ไปผสมกับเพคติน เติมในน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ใช้พายไม้กวนให้เข้ากัน อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส เติมสีอาหารคนให้เข้ากัน 2. ต้มที่อุณหภูมิ 80-90 องศาเซลเซียส เวลา 1-2 นาที ใช้พายกวนแรงๆ ตลอดเวลา 3. นำขวดแก้ว ขนาด 500 ซีซี หรือ 250 ซีซี ล้างให้สะอาด แล้วอบไอน้ำ 10-15 นาที ปิดฝา 2-3 นาที 4. บรรจุน้ำเสาวรสใส่ขวด ให้เหลือที
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ขับเคลื่อนนโยบาย BCG พัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัย ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ณ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก บูรณาการวิจัยประสบผลสำเร็จพัฒนาและทดสอบ “ข้าวสมุนไพรที่มีสารสำคัญถั่งเช่า” ที่มีคุณสมบัติเด่นช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย พร้อมต่อยอดแปรรูปเพิ่มมูลค่าเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ สร้างงาน สร้างเงินให้เกษตรกร สร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจประเทศ ศ. (วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา กลุ่มงานบริการอุตสาหกรรม ภายใต้การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมและนวัตกรรมอาหารปลอดภัย ได้ลงพื้นที่ ณ จังหวัดพิษณุโลก นำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) มาพัฒนารวมกับเกษตรกร เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ต่อยอดฐานความเข้มแข็งเดิม นั่นก็คือ ผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ด้วยการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่มีสารสำคัญของถั่งเช่า ซึ่ง วว. ได้ดำเนินการวิเคราะห์ทดสอบปริมาณสาร
นักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง นำกะปิของดีเมืองตรังมาทำกะปิทอด (เคยทอด) ผสมเครื่องเทศสมุนไพรพื้นบ้าน กลิ่นหอม กลมกล่อมยวนใจ ขายทั่วประเทศไทย ยอดขายสัปดาห์ละ 100 กระปุก พ่อแม่ปลื้มช่วยแบ่งเบาภาระค่าเล่าเรียน น.ส.เกวลิน ช่วยเทศ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาอุตสาหกรรมอาหาร มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ชักชวนเพื่อนๆ ร่วมกันทำกะปิทอด (เคยทอด) ใส่กระปุกส่งขายสร้างรายได้ระหว่างเรียนและแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง ต่อยอดอาชีพด้วยการนำกะปิของดีของจังหวัดตรัง มาแปรรูปเป็นกะปิทอดพร้อมรับประทาน สำหรับส่วนผสมประกอบด้วยเครื่องเทศสมุนไพรนานาชนิดลงไป ไม่ว่าจะเป็น หอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม และพริกสด เพื่อให้หอมกลมกล่อมและได้ประโยชน์จากสมุนไพร โดยเน้นเป็นสมุนไพรจากเกษตรกรที่ปลูกเองตามธรรมชาติ ปลอดภัยจากการใช้สารเคมี กรรมวิธีในการทำกะปิทอดเริ่มด้วยการไปคัดเลือกกะปิที่มีตัวกุ้งเคย จากชาวประมงพื้นบ้าน นำมาผัดด้วยเครื่องเทศสมุนไพร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงจนแห้งกรอบ ก่อนบรรจุลงในกระปุก ขายราคากระปุกละ 35 บาท หรือ 3 กระปุก 100 บาท ระยะเวลาในการเก็บรักษานานกว่า 1 เดือน รับประทานกับข้าว
ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าระบบขนส่งพัสดุในบ้านเรามีการพัฒนาไปอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้บริการอย่างเราๆ สามารถส่งสิ่งของให้กับบุคคลที่อยู่คนละจังหวัดได้อย่างง่ายดาย โดยใช้ระยะเวลาไม่นาน จึงทำให้ทั้งของสดบางชนิด อย่างเช่น ผลไม้และของแปรรูปต่างๆ ที่เป็นอาหารสามารถส่งให้กันได้ง่าย ใช้เวลาเพียง 1-2 วัน ก็ถึงผู้รับ ทำให้ได้รับประทานของอร่อยจากแหล่งขายโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปซื้อถึงร้าน ส่งผลให้ยุคนี้ตลาดออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญในการค้าขายมากขึ้น คุณพรทิพย์ อุดมสมุทรหิรัญ เจ้าของร้านฟู้ดส์ทูยู (Foodstoyou) ตั้งอยู่เลขที่ 20 หมู่ที่ 5 ซอยเทศบาลบางปู 118 ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ มีอาชีพขายอาหารทะเลและแปรรูปสินค้าให้มีมูลค่ามากขึ้น พร้อมทั้งมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคปัจจุบัน ด้วยการหันมาทำการตลาดออนไลน์โชว์สินค้าและขั้นตอนการผลิตต่างๆ ให้ลูกค้าได้เห็น เมื่อลูกค้าสนใจมีการสั่งซื้อเข้ามา จะส่งสินค้าทางไปรษณีย์ให้กับลูกค้าที่อยู่ไกลยังจังหวัดอื่นๆ ส่งผลให้นอกจากจะจำหน่ายอาหารทะเลแปรรูปหน้าร้านแล้ว ยังเกิดรายได้จากการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ได้อีกด้วย คุณพรทิพย์ เล่าให้ฟังว่า อาชีพค้าขายอาหารทะ
เมื่อลงมาถึงภาคใต้ หากไม่เอ่ยถึงไม้ดอกชนิดหนึ่งที่ให้ผลมีชื่อคล้ายผลไม้คงไม่ได้ เพราะในอดีตพบมากเฉพาะพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น แต่ปัจจุบัน กระจายปลูกไปยังพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากเท่าๆ กับภาคใต้ ไม้ดอกชนิดนั้น คือ มะม่วงหิมพานต์ มะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ในทางวิทยาศาสตร์ มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ดอกยืนต้น นำเข้ามาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2544 โดยพระยารัษฏานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี หรือ คอซิมบี้ ณ ระนอง ทำให้มีชื่อเรียกตามสำเนียงภาษาถิ่นใต้ต่างกันไป เช่น กาหยู กาหยี เม็ดล่อ ยาร่วง ยาโห้ย และหัวครก เป็นต้น เม็ดมะม่วงหิมพานต์นี้ ขึ้นอันดับของฝาก รับประทานอร่อย ของจังหวัดกระบี่ แต่วางจำหน่ายในรูปของเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว ขึ้นกับกลุ่มผู้ผลิตว่าจะใช้ชื่อใด แต่กรรมวิธีการทำให้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ออกสู่ตลาดและได้รสชาติติดใจคนรับประทาน คือ การคั่วและอบ ในจังหวัดกระบี่ บ้านไร่ใหญ่ ควนต่อ และคลองรั้ง เป็นชุมชนที่มีการแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์มากที่สุด แต่สำหรับกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านไร่ใหญ่ เม็ดมะม่วงหิมพานต์คั่ว ติดทอปชาร์ตความอร่อย ถึงขั้นได้รับร
คุณกอบแก้ว ระวิเรือง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านเหม้า ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นำใบข้าว-ข้าวหอมมะลิ มาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยใช้ชื่อแบรนด์ “ไทยสุวรรณ” ปัจจุบัน มีสมาชิก 83 ราย มีพื้นที่เพาะปลูก 1,200 ไร่ ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ในการประกวดผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากข้าวด้วยนวัตกรรม จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นและกระทรวงเกษตรฯ ในงานวันเกษตรภาคอีสาน ปี 2562 ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2559 ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดผลิตภัณฑ์จากข้าวหอมมะลิ (นวัตกรรมใหม่) ในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 17 ที่ จังหวัดร้อยเอ็ด ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีหลากหลาย อาทิ เครื่องดื่มใบข้าวหอมมะลิ 105 เครื่องดื่มใบข้าวหอมมะลิ 105 ผสมสมุนไพร แบ่งเป็นเครื่องดื่มใบข้าวหอมมะลิ 105 และดอกพะยอมอบแห้ง, เครื่องดื่มใบข้าวหอมมะลิ 105 และดอกดาวเรืองอบแห้ง รวมทั้งเครื่องดื่มใบข้าวหอมมะลิ 105 และมะนาวอบแห้ง ครีมผงข้าวหอมมะลิธรรมชาติ ใช้เป็นครีมชงกับเครื่องดื่มแทนครีมเทียมที่คนรักสุขภาพต้องการหลีกเลี่ยง เครื่องดื่มจมูกข้าวข้าวหอมมะลิ คุณกอบแก้ว เล่าว่า กลุ่มก่อตั้งเมื่อ ปี 2555 แรงบันดา
ตั้งแต่เก่าก่อน สมัยปู่สังกระสา ย่าสังกระสี บ้านเมืองไม่ได้เจริญอย่างทุกวันนี้ จัดเป็นสังคมบรุพกาล ผู้คนต่างก็พึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะการดำรงชีวิตประจำวัน ผู้หญิงอยู่กับบ้าน ถักทอเสื้อผ้า หาฟืนตำข้าว ส่วนผู้ชายต้องออกป่าล่าสัตว์ อยากกินหมูก็ออกไปล่า อยากกินปลาก็ลงไปงมไปจับเอง ไม่มีซื้อไม่มีขาย สกุลเงินตราเป็นอย่างไร ไม่ทราบ การออกล่าสัตว์ เดิมทีหาดักสัตว์ได้ตามหัวกระไดบ้าน ต่อมาก็ขยับห่างออกไปเรื่อย ของหายากขึ้น คนกินก็มีไม่น้อย มีพรานป่าผู้รักครอบครัวคนหนึ่ง ออกล่าสัตว์อยู่เป็นประจำ บางคราวเขาต้องออกจากบ้านไกล ถึงขนาดค้างคืนก็มี ด้วยเหตุนี้ เมื่อได้เนื้อสัตว์ ทำให้เกิดการเน่าเสีย นายพรานอยากให้คนรักที่บ้านคือลูกและเมียได้กินของดีๆที่ตนเองล่าได้ เมื่อมีเนื้อสัตว์ เครื่องใน ก็จัดแจงสับผสมกับเกลือ กระเทียม และเครื่องเทศอื่นๆที่พอหาได้ แล้วยัดเข้าไปในใส้ในกระเพาะของสัตว์ เมื่อกลับถึงบ้าน นำสิ่งที่ตนเองทำไว้ออกมาให้ครอบครัวกิน บางคราวพบว่า สิ่งที่ทำอร่อย ก็จดจำวิธีการไว้ นานเข้าจึงได้สูตรคงที่ ก็ทำเรื่อยมา เพื่อนๆนายพราน ได้ชิมก็ทำตามกัน เป็นวิธีการถนอมอาหาร ที่ต่อมาเรียกกันว่า “หม่ำR
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์แบรนด์ Tropica King (ทรอปิก้า คิงส์) ในโครงการ Startup Voucher (โครงการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรม) ประจำปี 2561 ช่วยต่อยอดธุรกิจด้านการตลาด เพิ่มโอกาสเข้าถึงและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริการของหน่วยงานต่างๆ ผู้ประกอบการชี้ ธุรกิจนวัตกรรมนี้มีส่วนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้ที่สินค้าล้นตลาดหรือขายไม่ทันช่วง COVID-19 เป็น “มะม่วงน้ำดอกไม้พร้อมปั่นแบบซอง” นวัตกรรมคนไทย 100% คุณสุรวิชญ์ ทิพยารมณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลพาร์ทเนอร์อินเตอร์ฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าร่วมโครงการสร้างผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ หรือ Startup Voucher ประจำปี 2561 ของ สวทช. ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัท ภายใต้แบรนด์ Tropica King (ทรอปิก้า คิงส์) ได้นำเทคโนโลยีการแปรรูปใหม่ๆ เข้าไปประยุกต์ใช้เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการ
นโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อปี 2542 สนับสนุนให้ทุกครัวเรือนปลูกกล้วยน้ำว้า เพื่อบริโภค และสร้างรายได้จากผลิตผลของกล้วยน้ำว้า ส่งผลให้ชาวอำเภอราชสาสน์ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีรายได้ต่อยอดจากการแปรรูปกล้วยน้ำว้า มาจนถึงปัจจุบัน คุณจินตนา ตันเจริญ ประธานกลุ่มสตรีแปรรูปกล้วย ตำบลบางคา อำเภอราชสาสน์ จังหวัดฉะเชิงเทรา จัดบริเวณพื้นที่บ้านส่วนหนึ่งให้เป็นสถานที่แปรรูปกล้วยน้ำว้า ให้เป็นกล้วยอบราชสาสน์ จำหน่ายตามยอดการสั่งซื้อของลูกค้า เมื่อมีการปลูกกล้วยน้ำว้าทุกครัวเรือน ประกอบกับได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ ทำให้ผลผลิตจากกล้วยล้นตลาด เมื่อผลผลิตมากขึ้น กลุ่มแม่บ้านที่มีการรวมตัวกันอยู่แล้ว จึงมีแนวคิดแปรรูปกล้วยขาย เพื่อลดความเสียหายจากผลกล้วยสดที่จำหน่ายไม่หมดลง เป็นโชคดีของกลุ่มแม่บ้านในจังหวัดฉะเชิงเทราที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ส่งให้ คุณจินตนา ในฐานะประธานกลุ่ม เป็นตัวแทนอำเภอราชสาสน์ ไปอบรมการแปรรูปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพฯ และเรียนรู้การใช้เครื่องมือสำหรับอบกล้วย เพื่อนำมาเผยแพร่ และครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มแม่บ้านสตรีแปรรูปกล้วย ที่นำโดยค