แหนแดง
จากปลูกไว้ใช้ประโยชน์ภายในสวน สู่การสร้างอาชีพ มีรายได้ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ไม่ต้องกังวลหน้าแล้ง หน้าฝน จะส่งผลกระทบต่อพืชที่ปลูก เพราะแหนแดงสามารถปลูกได้ทั้งปี ให้ผลผลิตภายใน 14 วัน คุณหวี-ปัญญาณัฐ หลอดทอง เจ้าของ “ชานเมืองฟาร์ม จ.สระแก้ว” ผู้พลิกบทบาทมาปลูกพืชน้ำหลากหลายชนิด โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากการดูคลิปแล้วไปสะดุดกับประโยคเด็ดว่า “แหนแดงเป็นพืชมหัศจรรย์ ทำอะไรก็ได้ ลองไปทำดู!” ด้วยความสงสัยมันขนาดนั้นเลยหรอ คุณหวีจึงลงมือศึกษาจริงจัง และพบว่าประโยชน์ที่เขาพูดถึงนั้น มีอยู่จริง แถมยังใช้งานได้จริงอีกด้วย พอเริ่มศึกษาหาข้อมูลในกูเกิ้ลก็ไปเจอข้อมูลน่าสนใจ พบว่า แหนแดงได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าแหนแดงไม่ได้มีดีแค่เป็นอาหารสัตว์อย่างเดียว แต่มันยังเป็นปุ๋ยชั้นยอดได้ด้วย ทั้งเพิ่มธาตุอาหารให้ดิน ทั้งช่วยปรับสภาพดินอีกด้วย เริ่มแรกที่ปลูกแหนแดง นำพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สายพันธุ์ ‘อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า’ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน มาลองเพาะสักกิโลนึงก่อน บอกเลยว่าผลลัพธ์ออกมาเกินคาด แหนแดงกระจายพันธุ์ไวสุดๆ แค่ 14 วันก็ตักเอามาใช้ประ
“แหนแดง” พืชมหัศจรรย์ มีประโยชน์ทางด้านการเกษตร ประมง เลี้ยงสัตว์ เป็นพืชที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในภาชนะขนาดเล็ก วัสดุที่มีอยู่ในบ้าน เช่น กะละมัง กล่องโฟม และการเพาะเลี้ยงในบ่อดินหรือทุ่งนา ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยง สิ่งสำคัญที่ทำให้แหนแดงเจริญเติบโตมีอยู่ 3 อย่าง คือ น้ำ อาหาร และแสงแดด แหนแดง มีอยู่มากมาย ประมาณ 7 สายพันธุ์ แต่ที่เหมาะสำหรับประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมในประเทศไทย กับสายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตรนำเข้ามาเพื่อคัดพันธุ์ สายพันธุ์ อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่น มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย และออสเตรเลีย โดยจะมีลักษณะใบบนและล่างมีขนาดใกล้เคียงกัน ใบล่างค่อนข้างโปร่งใส มีคลอโรฟิลล์น้อยมาก ใบบนเป็นสีเขียวมีคลอโรฟิลล์ สายพันธุ์ อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) เป็นสายพันธุ์ที่ปรับปรุงโดยกรมวิชาการเกษตร มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่บริเวณเขตร้อนของอเมริกาและหมู่เกาะเวสต
“แหนแดง” พืชมหัศจรรย์ มีประโยชน์ทางด้านการเกษตร ประมง เลี้ยงสัตว์ เป็นพืชที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ในภาชนะขนาดเล็ก วัสดุที่มีอยู่ในบ้าน เช่น กะละมัง กล่องโฟม และการเพาะเลี้ยงในบ่อดินหรือทุ่งนา ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เลี้ยง สิ่งสำคัญที่ทำให้แหนแดงเจริญเติบโตมีอยู่ 3 อย่าง คือ น้ำ อาหาร และแสงแดด แหนแดง เป็นพืชตระกูลเฟิร์น เจริญเติบโตบนผิวน้ำ เลี้ยงได้ในบ่อตื้น หากปล่อยลงบ่อในฤดูฝนจะใช้เวลาเติบโตเต็มบ่อ 5 ตารางเมตร ในระยะเวลาเพียง 10-15 วันเท่านั้น แหนแดง เป็นปุ๋ยพืชสดที่ให้ธาตุอาหารสูงมาก โดยมีสัดส่วนไนโตรเจนสูงถึง 5% ในขณะที่ปุ๋ยพืชสดที่ได้จากพืชตระกูลถั่วมีอยู่เพียง 2.5% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวทำให้สามารถใช้ปุ๋ยพืชสดจากแหนแดงแทนปุ๋ยยูเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลี้ยงแหนแดง 1 ไร่จะได้ผลผลิตมากถึง 3,000 กิโลกรัม ซึ่งแหนแดงแห้ง 1 กิโลกรัมใช้ในพื้นที่ปลูกได้ 2 ตารางเมตร และที่สำคัญธาตุอาหารที่ได้จากแหนแดงแห้ง 6 กิโลกรัม เทียบเท่ากับที่ได้จากปุ๋ยยูเรียประมาณ 10-12 กิโลกรัมเลยทีเดียว ใช้แหนแดงแห้งในการปลูกผัก ใช้อัตราส่วน 20 กรัมต่อวัสดุเพาะ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังใช้แหนแดงเป็นอาหารสัตว์ได้ด้
จากสถานการณ์ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงและผันผวน กรมส่งเสริมการเกษตรมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสม ใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ) และใช้พืชปุ๋ยสด มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้มีการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) เป็นต้นแบบและกลไกในการขยายผลการปรับประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการจัดการดินและปุ๋ยอย่างเหมาะสมสู่ชุมชน โดยเทคโนโลยีที่เกษตรกรสนใจใช้เพื่อแก้ปัญหาปุ๋ยแพง คือการผลิตและใช้แหนแดง กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร ดำเนินโครงการวิจัยการเกษตรขยายผลการผลิตและใช้แหนแดงเพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ดำเนินการในศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) 9 แห่ง ในพื้นที่จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี สมุทรสงคราม ระยอง กาฬสินธุ์ สุรินทร์ พังงา พัทลุง กำแพงเพชร และจังหวัดพะเยา แหนแดงเป็นเฟิร์นลอยน้ำชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็ก เปรียบ
แหนแดงสามารถเป็นอาหารให้กับปลากินพืชและสัตว์บกบางชนิดได้อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้เอง จึงทำให้แหนแดงเป็นพืชน้ำที่มีประโยชน์ ช่วยลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรได้อีกวิธีหนึ่ง ส่งผลให้เกษตรกรในหลายพื้นที่เริ่มใส่ใจและให้ความสำคัญ คุณหลิน หรือ คุณลลิตา ปราบหลอด ได้ให้ความสนใจในเรื่องของปลูกแหนแดงด้วยเช่นกัน จากจุดเริ่มต้นทดลองใส่ภายในบ่อเลี้ยงกุ้งเพียง 5 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนจากการเลี้ยงกุ้งมาเพาะขยายพันธุ์แหนแดงเพื่อจำหน่ายแทน เพราะให้ผลตอบแทนที่เร็วและระยะเวลาการขยายพันธุ์ก็ให้ผลผลิตมากทำได้ไม่ยาก จนเป็นสินค้าส่งขายทั้งตลาดในพื้นที่และส่งทั่วประเทศ คุณหลิน เล่าว่า ช่วงแรกหาซื้อแหนแดงมาเป็นอาหารให้กับกุ้งที่เลี้ยงในบ่อกิน แต่ใช้เวลาไม่นานสามารถขยายพันธุ์ออกมาจำนวนมาก ทำให้กุ้งกินไม่ทันต่อจำนวนแหนแดงที่เพิ่มขึ้น จากปัญหานี้เองทำให้เพื่อนบ้านสนใจ และอยากจะซื้อเพื่อไปเป็นอาหารให้ปลาในบ่อ เมื่อบอกกันไปปากต่อปากทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เธอจึงพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการเพาะพันธุ์แหนแดงจำหน่าย “ตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะขายได้ เพราะซื้อมาใส่ลงไปในบ่อให้กุ้งกิน เพื่อเป็นอาหารลดต้นทุ
กรมส่งเสริมการเกษตร สนับสนุนเกษตรกรใช้แหนแดงร่วมกับปุ๋ยเคมี ช่วยลดต้นทุนการผลิตภาคเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นทั้งปุ๋ยและพืชอาหารสัตว์ กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำเกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี ถึงแม้ว่าราคาปุ๋ยเคมีในปัจจุบันจะปรับลดลงแล้ว แต่กรมส่งเสริมการเกษตร ยังคงส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสม รวมทั้งการใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ) พร้อมถ่ายทอดความรู้เพื่อให้ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) ทำหน้าที่เป็นต้นแบบและกลไกการขยายผลสู่ชุมชนรอบข้าง โดยอีกหนึ่งแนวทางที่มีประโยชน์และเป็นที่นิยมของเกษตรกรคือ การผลิตและใช้แหนแดง แหนแดง เป็นเฟิร์นลอยน้ำชนิดหนึ่งมีขนาดเล็ก เปรียบเสมือนโรงงานผลิตปุ๋ยไนโตรเจนธรรมชาติ โดยกระบวนการตรึงไนโตรเจนของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่อาศัยอยู่ในโพรงใบของแหนแดง ทำให้แหนแดงมีประโยชน์ในด้านเป็นปุ๋ยชีวภาพทดแทนหรือลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีได้ เนื่องจากแหนแดงมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ สูงถึง 4.6 % ซึ่งสูงก
แหนแดง เป็นพืชตระกูลเฟิร์น เจริญเติบโตบนผิวน้ำ เลี้ยงได้ในบ่อตื้น หากปล่อยลงบ่อในฤดูฝนจะใช้เวลาเติบโตเต็มบ่อ 5 ตารางเมตร ในระยะเวลาเพียง 10-15 วันเท่านั้น แหนแดง มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ ประมาณ 7 สายพันธุ์ แต่ที่เหมาะสำหรับประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมในประเทศไทย กับสายพันธุ์อะซอลล่า ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กรมวิชาการเกษตรนำเข้ามาเพื่อคัดพันธุ์ แล้วแต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย สายพันธุ์อะซอลล่า พินนาต้า (Azolla pinnata) สายพันธุ์ท้องถิ่น มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีน อินเดีย และออสเตรเลีย ลักษณะ ใบบนและล่างมีขนาดใกล้เคียงกัน ใบล่างค่อนข้างโปร่งใส มีคลอโรฟิลล์น้อยมาก ใบบนเป็นสีเขียวมีคลอโรฟิลล์ สายพันธุ์ไมโครฟิลล่า (Azolla microphylla) ปรับปรุงพันธุ์โดยกรมวิชาการเกษตร มีถิ่นกำเนิดเดิมอยู่บริเวณเขตร้อนของอเมริกา และหมู่เกาะเวสต์อินดีส ลักษณะ ใบบนด้านหลังมีโพรงใบ และมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินอาศัยอยู่ในโพรงใบของแหนแดง จุดเด่น มีขนาดใหญ่ เ
ตำบลบ้านใหม่ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตร มีครัวเรือนเกษตรจำนวน 989 ครัวเรือน พืชเศรษฐกิจสำคัญคือ ข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา เกษตรกรประสบปัญหาผลผลิตตกต่ำ มีต้นทุนสูงจากใช้ปุ๋ยเคมี ในปี 2562 ทางนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรของสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ได้มาให้คำแนะนำเรื่องการตรวจวิเคราะห์ดิน และได้รวบรวมตัวอย่างดินของเกษตรกรส่งตรวจวิเคราะห์กับสถานีพัฒนาที่ดินพะเยา ปรากฏว่าดินของเกษตรกรทุกรายมีค่าเป็นกรดสูง เนื่องจากมีการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นระยะเวลายาวนาน และพื้นที่เป็นชุดดินเรณู ที่มีความเป็นกรดสูง ทางนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรของสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา จึงได้เข้ามาถ่ายทอดความรู้เรื่องการปรับปรุงบำรุงดิน ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ต่อมา คุณประสาน เชื้อดี และเกษตรกรแกนนำบ้านใหม่ บ้านร่องไฮ จำนวน 10 ราย ได้มาขอคำปรึกษาเพิ่มเกี่ยวกับการปรับปรุงบำรุงดิน และต้องการลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร ที่สูงเพิ่มขึ้นทุกปี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรของสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองพะเยา ร่วมกับกลุ่มแกนนำจึงได้ประชาสัมพันธ์ ชักชวนผู้สนใจรวมตัวจัดตั้งเป็น ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน
สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ขานรับนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนการใช้ “แหนแดง” เพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร เผยประโยชน์จากแหนแดงตอบโจทย์ในด้านการเกษตร ประมง และปศุสัตว์ นางสาวอัจฉรา สุขสมบูรณ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอหนองแค กล่าวว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้เปิดตัวโครงการขยายผลการผลิตและใช้แหนแดงเพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร อันเนื่องมาจากสถานการณ์ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงและผันผวน จึงมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสม ใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ) และใช้พืชปุ๋ยสด มีการรณรงค์ให้มีการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) เป็นต้นแบบและกลไกในการขยายผลการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการจัดการดินและปุ๋ยอย่างเหมาะสมสู่ชุมชน ซึ่งเทคโนโลยีที่เกษตรกรสนใจใช้เพื่อแก้ปัญหาปุ๋ยแพงในขณะนี้คือ การผลิตและใช้แหนแดง สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เห็
สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ขานรับนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนการใช้ “แหนแดง” เพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร เผยประโยชน์จากแหนแดงตอบโจทย์ในด้านการเกษตร ประมง และปศุสัตว์ นางสาวอัจฉรา สุขสมบูรณ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอหนองแค กล่าวว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้เปิดตัวโครงการขยายผลการผลิตและใช้แหนแดงเพื่อลดต้นทุนการผลิตสู่เกษตรกร อันเนื่องมาจากสถานการณ์ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงและผันผวน จึงมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน ปรับปรุงความเป็นกรดเป็นด่างของดินให้เหมาะสม ใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน (ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ) และใช้พืชปุ๋ยสด มีการรณรงค์ให้มีการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) เป็นต้นแบบและกลไกในการขยายผลการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการจัดการดินและปุ๋ยอย่างเหมาะสมสู่ชุมชน ซึ่งเทคโนโลยีที่เกษตรกรสนใจใช้เพื่อแก้ปัญหาปุ๋ยแพงในขณะนี้ คือ การผลิตและใช้แหนแดง สำนักงานเกษตรอำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เห