การปลูกไม้ผลรอบบ้านนอกจากจะให้ร่มเงาและเพิ่มความร่มรื่นแล้ว ยังสามารถให้ผลผลิตไว้กินหรือขายได้อีกด้วย แต่การปลูกให้ได้ผลดี โตไว และออกลูกดก ต้องมีเทคนิคและการดูแลที่ถูกต้อง มาดู 10 ข้อควรรู้ก่อนลงมือปลูกกันเลย
-
เลือกพันธุ์ไม้ผลให้เหมาะกับพื้นที่
ก่อนเลือกปลูก ควรศึกษาสภาพอากาศในพื้นที่เหมาะกับไม้ผลชนิดใด เช่น ถ้าอยู่ในเขตร้อนสามารถปลูกมะม่วง ฝรั่ง หรือกล้วยได้ดี แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น อาจเลือกปลูกส้ม สตรอว์เบอร์รี่ หรือองุ่น การเลือกพันธุ์ไม้ผลเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะช่วยให้การปลูกได้ผลดีขึ้น ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ดิน และสภาพอากาศของพื้นที่ หากเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม จะช่วยลดปัญหาเรื่องโรคและการดูแลในระยะยาว
- ไม้ผลที่ปลูกง่ายและทนแล้ง เช่น มะม่วง ขนุน ฝรั่ง มะขาม กระท้อน
- ไม้ผลที่ต้องการความชื้นสูง เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ ลำไย
- ไม้ผลที่เหมาะกับพื้นที่แคบหรือปลูกในกระถาง เช่น มะนาว มะกรูด ชมพู่ มะเฟือง
2. จัดวางตำแหน่งปลูกให้เหมาะสม
ไม้ผลแต่ละชนิดมีระบบรากและทรงพุ่มที่แตกต่างกัน หากปลูกชิดกันเกินไปอาจทำให้แย่งอาหารและแสงแดดกัน การจัดวางให้เหมาะสมจะช่วยให้ต้นไม้ได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ลดการแย่งสารอาหาร และป้องกันโรคที่เกิดจากความชื้นสะสม ควรศึกษาความต้องการพื้นที่ของแต่ละต้น ดังนั้นควรคำนึงถึงระยะห่างระหว่างต้นเพื่อให้มีพื้นที่ในการเจริญเติบโต
- ต้นขนาดใหญ่ เช่น มะม่วง ขนุน ลำไย ควรเว้นระยะ 4-6 เมตร
- ต้นขนาดกลาง เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะเฟือง ควรเว้นระยะ 2-3 เมตร
- ต้นขนาดเล็กหรือไม้กระถาง เช่น มะนาว มะกรูด สามารถปลูกในกระถางหรือเว้นระยะ 1-2 เมตร
3. ทิศทางของแสงแดด
การปลูกต้นไม้ตามทิศทางของแสงแดดมีผลต่อการเจริญเติบโต ไม้ผลส่วนใหญ่ต้องการแดดเต็มวัน ควรปลูกให้ต้นสูงอยู่ด้านทิศตะวันตกหรือทิศใต้เพื่อให้ร่มเงาแก่บ้าน และช่วยลดความร้อนในช่วงบ่าย หากต้องการให้มีแสงแดดส่องถึงทุกต้น ควรจัดวางแถวต้นไม้ในแนวเหนือ-ใต้
ไม้ผลต้องการแสงแดดอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงเพื่อกระตุ้นการสังเคราะห์แสงและการออกดอก หากปลูกในพื้นที่ร่มเกินไป อาจทำให้ต้นไม่แข็งแรงและติดผลยาก
- หันแนวปลูกไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก เพื่อให้ต้นไม้ได้รับแสงอย่างทั่วถึง
- เล็มกิ่งไม้ที่บังแสง เพื่อให้แดดส่องถึงลำต้นและใบมากขึ้น
4. รู้จักสภาพดิน “เตรียมดิน” ให้พร้อมปลูก
สภาพดินเป็นปัจจัยสำคัญในการปลูกไม้ผล ควรตรวจสอบดินก่อนปลูกว่ามีความอุดมสมบูรณ์หรือไม่ ดินร่วนซุยเหมาะกับไม้ผลมากที่สุด หากดินแน่นหรือเป็นดินเหนียว ควรปรับปรุงโดยการขุดดินผสมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุและช่วยให้รากเจริญเติบโตดีขึ้น ดินเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ผล ดินที่ดีควรมีความร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี แต่ไม่แฉะจนเกินไป
- การปรับปรุงดิน สามารถทำได้โดยการขุดดินลึก 30-50 ซม. แล้วผสมดินปลูกกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือเศษใบไม้แห้ง
- ค่า pH ของดิน ไม้ผลส่วนใหญ่นิยมดินที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ระหว่าง 5.5-7.0 ถ้าดินเป็นกรดมากเกินไป สามารถเติมปูนขาวเพื่อปรับสมดุล
- เพิ่มจุลินทรีย์ในดิน เช่น ใช้น้ำหมักชีวภาพหรือไส้เดือนเพื่อช่วยให้ดินมีชีวิตและปลดปล่อยสารอาหารที่เป็นประโยชน์
5. ระบบน้ำต้องดีและสม่ำเสมอ
ไม้ผลต้องการน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงที่กำลังเติบโตและติดดอกออกผล แต่ควรระวังไม่ให้น้ำขัง เพราะอาจทำให้รากเน่าได้ ระบบน้ำหยดหรือการคลุมดินด้วยฟางข้าวช่วยรักษาความชื้นให้ดินได้นานขึ้น และยังช่วยลดการเติบโตของวัชพืช
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของต้นไม้ แต่การให้น้ำที่มากเกินไปอาจทำให้รากเน่าได้ ควรให้น้ำอย่างเหมาะสม
- ช่วงแรกของการปลูก (1-3 เดือนแรก) ควรรดน้ำทุกวันเช้า-เย็น
- หลังจากต้นตั้งตัวได้แล้ว ลดการให้น้ำเหลือวันเว้นวัน หรือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
- ติดตั้งระบบน้ำหยด เพื่อลดการระเหยของน้ำและช่วยให้ต้นไม้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
6. ใส่ปุ๋ยให้เหมาะกับช่วงการเจริญเติบโต
การใส่ปุ๋ยให้เหมาะสมในแต่ละช่วงของไม้ผล จะช่วยให้ต้นไม้โตเร็วและออกผลดี
- ช่วงต้นเล็ก (1-2 ปีแรก) ใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ (15-15-15) หรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อบำรุงใบและลำต้น
- ช่วงเตรียมออกดอก ใช้ปุ๋ยเร่งดอก (8-24-24) เพื่อช่วยกระตุ้นให้ติดดอกดีขึ้น
- ช่วงติดผล ใช้ปุ๋ยที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น ปุ๋ย 13-13-21 หรือปุ๋ยมูลไก่ เพื่อบำรุงผลให้สมบูรณ์
7. ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชอย่างมีประสิทธิภาพ
ศัตรูพืชและโรคพืชเป็นปัญหาที่ต้องเฝ้าระวัง ควรใช้วิธีป้องกันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลง การทำกับดักแมลง และการใช้สารชีวภาพ เช่น น้ำหมักจากสะเดาหรือน้ำส้มควันไม้ แทนการใช้สารเคมีรุนแรง ศัตรูพืชที่พบบ่อยในไม้ผล เช่น หนอนเจาะลำต้น เพลี้ยแป้ง และโรคราน้ำค้าง ควรหมั่นตรวจสอบและป้องกัน
- ใช้สารชีวภาพ เช่น น้ำส้มควันไม้ หรือสารสกัดสะเดา
- ห่อผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะม่วง เพื่อป้องกันแมลง
8. ตัดแต่งกิ่งเพื่อเพิ่มผลผลิต
การตัดแต่งกิ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้ต้นไม้มีโครงสร้างแข็งแรง ลดความหนาแน่นของใบเพื่อให้แสงแดดส่องถึงกิ่งและผลได้ดีขึ้น ควรเริ่มตัดแต่งตั้งแต่ต้นไม้ยังเล็ก เช่น ตัดกิ่งที่คดงอ กิ่งแห้ง หรือกิ่งที่ขึ้นซ้อนกัน เพื่อให้ต้นไม้โตเร็วและให้ผลผลิตมากขึ้น และลดโอกาสเกิดโรค
- ตัดแต่งกิ่งแห้ง กิ่งไขว้ และกิ่งที่ไม่จำเป็น ทุกปี
- กระตุ้นการออกดอก ด้วยการตัดแต่งกิ่งก่อนฤดูออกดอก
9. กระตุ้นการออกดอกและติดผล
บางชนิดต้องการเทคนิคพิเศษ เช่น
- มะม่วง สามารถใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตเร่งดอก
- ฝรั่ง ควรห่อผลเพื่อป้องกันแมลงและให้ผลสวยงาม
10. “ความอดทน” คือ กุญแจสำคัญ
ไม้ผลต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต บางชนิดอาจต้องรอ 3-5 ปีจึงจะให้ผลผลิต เช่น มะม่วง ลำไย หรือทุเรียน แต่หากดูแลดี เช่น รดน้ำให้เพียงพอ ใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเร่งให้ต้นไม้ติดผลเร็วขึ้น
แค่นี้ก็มีผลไม้กินทั้งฤดูกาลตลอดปีกันแล้ว ถ้าผลผลิตเยอะก็ยังสามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้เพิ่ม อาจจะเหนื่อยในช่วงแรก แต่ท้ายที่สุดผลรับก็จะออกมาดี เอาใจช่วยทุกๆ คน แรกๆ อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ เกี่ยวกับการปลูกผลไม้แต่ละชนิด ซึ่งก็ต้องบอกก่อนว่าแต่ละพื้นที่ ดินก็มีลักษณะที่ต่างกัน เหมือนได้เรียนรู้ ศึกษาเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้ที่กำลังจะปลูก ถ้าผลผลิตออกมา เพียงเท่านี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการปลูก แต่ก็ต้องหมั่นคอยสังเกตโรคต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย