เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
สูตรลับจากฟาร์ม เทคนิคเกษตร

กล้วยหอมทอง 1 ไร่ สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท/ปี 

สำนักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา โดยสำนักงานเกษตรอำเภอเทพารักษ์ได้ยกย่องนายสุรศักดิ์ กระฉอดนอก เป็นเกษตรกรต้นแบบศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสาน หมู่ที่ 11 บ้านวังกระทะเหนือ ตำบลสำนักตะคร้อ อำเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งการทำเกษตรผสมผสาน สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนโดยประเด็นที่หลายคนสนใจเข้ามาเรียนรู้ คือ การปลูกกล้วยหอมทอง 1 ไร่ สร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท/ปี 

การดูแลรักษาต้นกล้วย

ในขั้นตอนการเตรียมดิน นายสุรศักดิ์ จะใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยหมักปรับปรุงดิน คลุกเคล้าด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา เพื่อป้องโรคตายพราย พร้อมกับจัดการระบบน้ำ แบบน้ำพุ่ง เพื่อให้กล้วยได้น้ำอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี  ช่วยให้ต้นกล้วยสมบูรณ์และเจริญเติบโตเร็ว จากนั้นบำรุงต้นด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักตลอดอายุของต้นกล้วย

วิธีการปลูกขยายพันธุ์

นายสุรศักดิ์ จะปลูกขยายพันธุ์โดยใช้หน่อกล้วยจากต้นกล้วยที่เก็บผลผลิตแล้ว ซึ่งต้นกล้วย 1 ต้น จะออกหน่อประมาณ 3-5 หน่อ เมื่อเก็บผลผลิตแล้วจะต้องทำการตัดต้นกล้วยนั้นออกทิ้ง เพื่อไม่ให้แย่งอาหาร โดยตัดให้เหลือความสูงประมาณ 100 เซนติเมตร เพื่อให้ต้นแม่เป็นอาหารเลี้ยงหน่อเล็ก และเลือกเฉพาะหน่อกล้วยที่โตที่สุด ประมาณ 2-3 หน่อ ตัดแต่งให้มีระยะห่างระหว่างหน่อประมาณ 20 – 30 เชนติเมตร เพื่อเป็นต้นกล้วยต้นใหม่ที่จะต้องดูแลให้ลูกและผลผลิตต่อไป

ในการปลูกรอบต่อไป นายสุรศักดิ์ จะทำการขยายโดยเลือกหน่อกล้วยใน 1 กอ ให้กระจายไปเรื่อย ๆ เพื่อลดการจะสมของโรคในดิน หรือการขุดหน่อเพื่อนำไปปลูกขยายต่อในแปลงใหม่ จะทำหลังจากต้นแม่ให้ผลผลิตแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลและนำเชื้อโรคสู่ต้นแม่

เทคนิคการปลูกกล้วยหอมให้เก็บผลผลิตได้ง่าย

นายสุรศักดิ์ มีเทคนิคการปลูกกล้วยหอมให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่าย โดยให้เครือกล้วยหันออกในทิศทางเดียวกัน โดยเริ่มต้นจากการปลูกหน่อกล้วยจะมีรอยเฉือนจากกอให้หันรอยเฉือนนั้นไปด้านที่เราไม่ต้องการให้เครือกล้วยออก เพราะปลีกล้วยหรือเครือกล้วยจะออกผลตรงข้ามกับรอยเฉือนเสมอ เทคนิคนี้นับเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้การเก็บผลผลผลิตเป็นเรื่องง่าย แถมประหยัดแรงงานในการทำสวนอีกด้วย

ในขณะที่ต้นกล้วยเจริญเติบโตจนออกปลีและออกผล จะต้องทำการตัดปลีกล้วยทิ้งโดยตัดให้ห่างจากกล้วยหวีสุดท้ายประมาณ 15 เซนติเมตร ลดการเกิดโรคและทำให้หวีสุดท้ายมีความสมบูรณ์ นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ยังหมั่นตัดตกแต่งเปลือกต้นกล้วยที่แห้งและเน่าออกอยู่เสมอ รวมไปถึงตัดหน่อกล้วยที่ไม่เหมาะสมหรือที่ออกมามากเกินความต้องการออกไปด้วย เพื่อให้ต้นและเปลือกต้นกล้วยเติบโตอย่างเต็มที่อีกทั้งยังเป็นการป้องกันแมลงมาเจาะต้นกล้วยอีกด้วย

ใส่ใจป้องกันโรคตายพราย

โรคตายพราย(Panama disease หรือFusarium wilt) มีสาเหตุจากเชื้อราF.oxysporum schlect. f.sp. Cubense  สามารถเกิดโรคได้ เมื่อต้นกล้วย อายุ 4-5 เดือนขึ้นไป สังเกตได้ง่ายๆ คือ เห็นสีเหลืองอ่อนตามก้านใบของใบล่างหรือใบแก่ก่อน ใบอ่อนจะมีอาการเหลืองไหม้หรือตายนึ่งและบิดเป็นคลื่น ใบกล้วยจะหักพับบริเวณโคนก้านใบ ใบยอดจะเหลืองตั้งตรงเขียวอยู่ในระยะแรก ต่อมาก็ตายไปเช่นกัน

การแพร่ระบาด เกิดจากเชื้อราแพร่ระบาดและพักตัวในดิน จากนั้นเข้าทำลายทางรากกล้วยโดยตรง   แผลที่เกิดจากการเขตกรรมและการดูดกินรากของไส้เดือนฝอย Radopholus similisเชื้อราเจริญผ่านรากสู่ลำต้น  

ทั้งนี้ ปัญหาโรคตายพราย สามารถป้องกันกำจัดได้  โดยก่อนปลูกชุบหน่อพันธุ์ด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา จากนั้นหมั่นตัดแต่งใบกล้วย ระวังอย่าให้มีน้ำขังแฉะเพราะจะทำให้กล้วยเจริญได้ไม่เต็มที่ทำให้อ่อนแอเป็นโรคง่าย และคอยตัดทำลายต้นที่มีเป็นโรคนำไปเผาทิ้ง พร้อมใส่ปุ๋ยที่มีแร่ธาตุฟอสเฟต และโปแตสเขียมสูง ขณะเดียวกัน ไม่ควรใส่ปุ๋ยที่มีแร่ธาตุไนโตรเจน

Related Posts