กรมการข้าว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหว่าน) ประจำปี 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริมบำรุงขวัญเกษตรกร รวมถึงเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูกของเกษตรกร ในวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2568 ระหว่างเวลา 08.29-09.09 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในปีนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว ทำหน้าที่ในการจัดเตรียมพันธุ์ข้าวพระราชทานและพันธุ์พืช สำหรับนำมาใช้ในงานพระราชพิธีฯ โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำพันธุ์ข้าวทรงปลูกในฤดูนาปี 2567 โครงการนาทดลองในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา มาใช้ในงานพระราชพิธีฯ ประจำปี 2568 ประกอบด้วย พันธุ์ข้าวนาสวน 6 พันธุ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,590 กิโลกรัม ได้แก่ พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 พันธุ์กข 79 พันธุ์กข 85 พันธุ์กข 99 (หอมคลองหลวง 72) พันธุ์กข 6 และ พันธุ์กข 24 (สกลนคร 72) ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่เหลือ กรมการข้าวขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำไปเก็บไว้ทำพันธุ์ในฤดูกาล ปี 2568 เพื่อเป็นต้นตระกูลของพืชพันธุ์ดีเผยแพร่สู่เกษตรกรต่อไป สำหรับพระราชพิธีพืชมงคลฯ ประจำปี 2568 จะมีเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นที่ได้รับการคัดเลือ
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการ “เพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ: Thai Rice GCF” เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับสภาพภูมิอากาศของเกษตรกรรายย่อย 253,400 คน ใน 21 จังหวัดของไทย โดยยึดหลักการเปลี่ยนแปลงจากล่างขึ้นบน ที่เริ่มจากระดับเกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าว และเข้าร่วมโครงการซึ่งใช้เทคโนโลยีที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Climate Smart Agriculture: CSA) คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้ 2.6 ล้านตันในช่วงระยะเวลา 5 ปี ของการดำเนินโครงการ (ม.ค. 2567 – ธ.ค. 2571) ล่าสุดกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อออกแบบหลักสูตรการถ่ายทอดความรู้สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อส่งเสริมศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมพัฒนาแนวทางถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยใช้แนวคิดการส่งเสริมการเกษตรผสมผสานกับแนวคิดการดำเนินการธุรกิจและการตลาด (Extension x Business Model Canvas) สำหรับร่างหลักสูตรการอบรมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษ
การพัฒนาด้านเทคโนโลยี การเงิน และกฎระเบียบ เป็นตัวช่วยสำคัญ ในการส่งเสริมการนำข้อปฏิบัติข้าวยั่งยืนที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้ในวงกว้าง บนพื้นฐานของมาตรฐานเวทีข้าวยั่งยืน (Sustainable Rice Platform: SRP) • SRP เปิดตัว RiceTrace แพลตฟอร์มดิจิทัล ยกระดับการดำเนินงานและรับรองมาตรฐานข้าวยั่งยืน • กรมการข้าวไทยเดินหน้าฝึกอบรมเกษตรกร 45,000 รายใน 4 ปี มุ่งสู่เกษตรยั่งยืนและสู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ • มาตรฐานข้าวอย่างยั่งยืน SRP หนุนแนวทางการปลูกข้าวยั่งยืนในประเทศไทย ฉบับร่าง 0 เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะแล้วในขณะนี้ • SRP พัฒนา SRP Low Carbon Assurance Module ร่วมกับพันธมิตรหลัก เพื่อวัดและตรวจสอบการลดก๊าซเรือนกระจกในการปลูกข้าวยั่งยืน กรุงเทพฯ 23 ธันวาคม 2567 – “ความท้าทายของเราคือการขยายการผลิตข้าวยั่งยืนและกระตุ้นความต้องการข้าวยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางสิ่งแวดล้อมและเป้าหมายทางสังคมระดับโลกที่วางไว้ร่วมกัน” Inge Jacobs หัวหน้าด้านการจัดหาที่ยั่งยืนนานาชาติของ Mars Food & Nutrition กล่าวในระหว่างการประชุมและนิทรรศการข้าวยั่งยืนระดับโลกครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘การทำนา’ ในประเทศไทยส่วนใหญ่ทำได้เพียงหนึ่งรอบต่อปี เนื่องจากต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก โดยเฉพาะบนพื้นที่สูง เกษตรกรหลายรายต้องจำใจปล่อยแปลงนาให้รกร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเสียโอกาสสร้างรายได้ อีกทั้งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในพื้น ไม่ว่าจะเป็นการชะล้างของดิน สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการสะสมของวัชพืชและศัตรูพืช ที่ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป ดังนั้น กรมการข้าว ในฐานะหัวเรือหลักในการวิจัยและพัฒนาข้าว การส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาอย่างยั่งยืน จึงนำร่องเกษตรกรบ้านนากอก ตำบลภูฟ้า อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน หนุนส่งเสริมการปลูก ‘บักวีต’ เป็นพืชหลังนาสร้างรายได้เสริม เพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องภายในชุมชน ไม่ปล่อยให้พื้นที่นาว่างเปล่าอีกต่อไป นายสุทธกานต์ ใจกาวิล นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวแพร่ กองวิจัยและพัฒนาข้าว กรมการข้าว กล่าวว่า ภายใต้ ‘โครงการศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี’ ได้ส่งเสริมการปลูกพ
เมื่อพูดถึงจังหวัดน่าน ภาพในใจของใครหลายคนมักเป็นความสงบงามของทิวเขา วิถีชีวิตเรียบง่าย และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ แต่เบื้องหลังภาพฝันเหล่านั้น อำเภอบ่อเกลือกลับสะท้อนเรื่องราวอีกด้านที่ต่างออกไป ชุมชนในพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้กำลังเผชิญกับปัญหาซ่อนเร้น ทั้งความขาดแคลนอาหาร และผลผลิตที่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน ด้วยพื้นที่ลาดชันถึง 80% การเกษตรแบบพืชเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะการปลูกข้าวไร่ กลายเป็นทางเลือกจำเป็นของชาวบ้าน แต่ผลผลิตที่ต่ำและการถางป่าเพื่อปลูกพืชซ้ำๆ ได้ก่อให้เกิดวงจรปัญหาที่ส่งผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ชุมชนบ่อเกลือไม่ได้เพียงแค่ต่อสู้กับภูมิประเทศที่ท้าทาย แต่ยังต้องเผชิญความท้าทายในเรื่องปากท้องอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ดังกล่าว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงพระราชทานแนวทางการพัฒนา และโปรดฯ ให้จัดตั้ง ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาชุมชนในทุกมิติ เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับชาวบ้าน ให้พวกเขามี
ดินเค็ม (saline soil) คือดินที่มีเกลือที่ละลายได้ในสารละลายดินปริมาณมาก มีผลกระทบต่อการปลูกพืช เพราะเกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหารมีความเป็นพิษของธาตุโซเดียมและคลอไรด์ พืชที่ปลูกไม่เจริญเติบโต ลำต้นแคระแกร็น ให้ผลผลิตต่ำ ปัญหาดินเค็มพบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และพื้นที่ชายทะเลของประเทศไทย ดินเค็มแต่ละประเภทมีสาเหตุการเกิดชนิดของเกลือ การแพร่กระจายขยายอาณาเขต และวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน เจอค่าความเค็มสูงกว่ามาตรฐาน ในพื้นที่การเกษตร 5 ลุ่มน้ำ ในช่วงปลายปี 2563 พบว่าหลายพื้นที่การเกษตรจำนวนมากมีค่าความเค็มสูงกว่ามาตรฐาน โดยวัดจากสถานีสูบน้ำแต่ละจุดที่รับน้ำจากแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง บางปะกง ปราจีนบุรี มีค่าความเค็มสุงสุดที่วัดได้คือ 29.66 กรัมต่อลิตร ที่สถานีบางแตนมีค่าความเค็ม 5.39 กรัมต่อลิตร ในขณะที่เกณฑ์เฝ้าระวังความเค็มสำหรับการเกษตรอยู่ที่ 2 กรัมต่อลิตรเท่านั้น ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถสูบน้ำมาใช้ทางการเกษตรได้ การรุกล้ำของน้ำเค็มในลุ่มน้ำบางปะกง ปัญหาใหญ่ของแม่น้ำบางปะกงคือ การรุกล้ำของน้ำเค็มในช่วงฤดูแล้ง หลังผ่านฤดูฝนในช่วงเดือนพฤศจิกายนแล้ว น้ำทะเลจะ
จากปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง หนึ่งในนั้นคือ เกษตรกรอินทรีย์ที่มีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ที่ขาดรายได้ทันที เพราะผลผลิตที่เตรียมออกสู่ตลาดในปลายปีนี้ หายวับไปกับสายน้ำ ที่ไหล่บ่ามาอย่างรวดเร็วและท่วมทุกพื้นที่ ทำให้ชีวิตของกลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่ปลูกข้าวปีละครั้งโอนเอนไปตามกระแสน้ำเช่นกัน เพราะเท่ากับพวกเขาจะขาดรายได้ในการทำนาทั้งปี และจะมีรายได้อีกครั้งเมื่อลงมือเพาะปลูกรอบใหม่ และขายผลผลิตได้ นั่นคือเดือนธันวาคม 2568 จึงเป็นที่มาให้ผู้จัดงาน Thailand Rice Fest 2024 เทศกาลข้าวที่เป็นเวทีสำคัญในการยกระดับข้าวไทย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและผู้บริโภค ที่ประกอบด้วย The Cloud และพันธมิตรสำคัญ อย่างกรมการข้าว ร่วมด้วยองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย, เทใจ และ FOOD FOR GOOD กางแผนช่วยเหลือเกษตรกรที่โครงการนี้สนับสนุนมี 2 กลุ่มคือ ‘กลุ่มทุ่งต้อมพอเพียง’ เป็นเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ในอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ทำการเกษตรและปศุสัตว์หลากหลาย (ปลูกข้าว ผักสวนครัว เลี้ยงปลานิล หมู) บริหา
กรมการข้าวรับสมัครเยาวชนเกษตรไทย เพื่อคัดเลือกเข้ารับการฝึกอบรมพื้นฐานการเกษตรและภาษาญี่ปุ่น โครงการฝึกงานผู้นำเยาวชนเกษตรไทยในประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2568 เพื่อไปฝึกงานด้านการเกษตร ณ ประเทศญี่ปุ่น (รวมระยะเวลา 1 ปี 2 เดือน) รายละเอียดเพิ่มเติม… https://drive.google.com/drive/folders/1H7pJPNry2DgulhNddu9W2RBkzKbaxSgI?usp=sharing
‘ข้าว’ เป็นมากกว่าอาหารหลักที่คนไทยคุ้นเคยและบริโภคกันทุกวัน แต่เมื่อพูดถึงข้าวหลายคนอาจจะคุ้นเคยแต่เพียง ข้าวสวย ข้าวเหนียว หรือข้าวกล้อง แต่ยังไม่รู้ว่าข้าวในประเทศไทยมีความหลากหลายนับร้อยพันธุ์ ทั้งในด้านชนิด สี กลิ่น และรสชาติ ซึ่งแต่ละพันธุ์ไม่เพียงแต่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สะท้อนถึงภูมิประเทศ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความเชื่อที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เพื่อทำความรู้จักกับพันธุ์ข้าวไทยให้มากขึ้น ดร.โอวาท ยิ่งลาภ ผู้อำนวยการกองพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความหลากหลายของข้าวไทย โดยกล่าวว่า ข้าวแต่ละพันธุ์ที่เราปลูกกันในประเทศไทย ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังมีเรื่องราวและคุณค่าทางวัฒนธรรมแฝงอยู่ในทุกเมล็ด เริ่มต้นจากข้าวพันธุ์พื้นเมืองซึ่งหมายถึงสายพันธุ์ข้าวที่ได้รับการคัดเลือกและปลูกในท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน มีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น เช่น ข้าวเหนียวที่ใช้ในประเพณีบุญข้าวจี่ในภาคอีสาน ขณะที่ข้าวพันธุ์อื่นๆ อาจมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกเหนือจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของข้าวพันธุ์พื้นเมืองแล้ว ยังมีข้
ในประเทศไทย ข้าวเป็นทั้งพืชเศรษฐกิจและส่วนสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่น ข้าวพื้นเมืองในแต่ละภูมิภาคไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความหลากหลายของพันธุ์ข้าว แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและศักยภาพในการพัฒนาเป็นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ข้าวพื้นเมืองกลับยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าที่ควร หลายคนอาจไม่ทราบว่า ข้าวเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่น ทำให้มีความทนทานต่อสภาพดินและภูมิอากาศที่แตกต่างกันไป ข้าวพื้นเมืองยังสามารถช่วยสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับชุมชนได้อย่างมีนัยสำคัญ หนึ่งในหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองคือ ศูนย์วิจัยข้าว โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ศูนย์วิจัยข้าวได้ทำหน้าที่วิจัยสายพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ที่มีความเหมาะสมต่อการปลูกในพื้นที่ที่หลากหลาย รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาข้าวพื้นเมืองให้เป็นที่รู้จักและเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรท้องถิ่น ซึ่งช่วยส่งเสริมความยั่งยืนในภาคการเกษตร นายอวยชัย บุญญานุพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี ได้กล่าวถึงความนิยมของเกษตรกร