กรมส่งเสริมการเกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตร เผย พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ฉบับใหม่ 2562 เปิดโอกาสให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าถึงบริการรัฐมากขึ้น สร้างเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งพัฒนาต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบกิจการ SMEs ในอนาคต วิสาหกิจชุมชน นับเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน โดยนำความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่นและทรัพยากรนำมาผลิตสินค้าหรือบริการ ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่วิสาหกิจชุมชนหลายแห่งยังคงมีปัญหาและข้อจำกัดในการบริหารกิจการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. และประการใช้ พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 โดยสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นนิติบุคคลเพื่อความเข้มแข็งยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของรัฐได้สะดวกมากขึ้น นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบ พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวั
ว่าที่ร้อยตรี สมสวย ปัญญาสิทธิ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเป็นพลังงานชีวมวล ระหว่าง ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร/เครือข่าย กับบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) ณ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ (เมื่อ 30 เมษายน 2562) ว่าตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายสำคัญที่จะระดมพลังภาคีทุกภาคส่วนในการมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาการเกษตรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เกิดคุณค่า และมูลค่าในการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรที่เติบโต แข่งขันได้บนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการเกษตรได้มีแนวนโยบายในการนำเศษวัสดุทางการเกษตรมาสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มที่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกร ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปัญหามลพิษหมอกควันจากการเผาในพื้นที่ทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว โดยได้กำหนดแนวทางผ่านกลไกประชารัฐเพื่อการมีส่วนร่วมระหว่างส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)/ศูนย์เคร
นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ฤดูกาลต่างๆ เริ่มแปรปรวน โดยในช่วงฤดูฝน ฝนจะตกมากขึ้น แต่บางครั้งฝนก็มาเร็วหรือล่าช้ากว่าปกติ ไม่ตกในเดือนเมษายน-พฤษภาคม เช่นเคย และในฤดูร้อนอากาศก็จะร้อนมากขึ้นและแห้งแล้งยาวนาน ซึ่งที่ผ่านมาชาวสวนกล้วยไม้ โดยเฉพาะอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ประสบปัญหาน้ำเค็มรุกเข้ามาตามแม่น้ำท่าจีน ซึ่งค่าความเค็มที่สูงเกินกว่า 0.75 กรัม ต่อลิตร หรือค่าการนำไฟฟ้า (EC) สูงเกินกว่า 750 ไมโครซีเมนส์ ต่อเซนติเมตร เป็นเวลานานจะส่งผลให้รากกล้วยไม้เริ่มไหม้ ใบมีสีเหลืองและเริ่มเหี่ยว เนื้อเยื่อแห้ง ไม่เจริญเติบโต และอาจรุนแรงทำให้กล้วยไม้ตายได้ในที่สุด ปี 2562 ช่วงต้นมกราคมมีน้ำเค็มรุกเข้าสวนเป็นระยะเวลาสั้นๆ แล้วกลับคืนสู่สภาพปกติ ล่าสุดยังไม่พบผลกระทบต่อสวนกล้วยไม้ แต่จากรายงานสถานการณ์ของกรมชลประทาน (30 เมษายน 2562) เริ่มพบค่าความเค็มขยับสูงขึ้น แต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอแนะนำให้เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ที่ประสบปัญหาฝนแล้ง-น้ำทะเลหนุนปะปนในแหล่งน้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ หมั่นตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้าของน้ำท
กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดประชุมผู้บริหารกรมส่งเสริมการเกษตร ครั้งที่ 4/2562 ขึ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ณ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดจันทบุรี มีคณะผู้บริหารกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมประชุม โดยมี นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมได้มีการชี้แจงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พร้อมทั้งการวางแผนการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้น จากส่วนงานต่างๆ ของกรมส่งเสริมการเกษตร อาทิ มาตรการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด การเตรียมการบริหารจัดการผลไม้ตลอดฤดูการผลิต การจัดทำผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล (การวาดแปลง) โครงการบริหารจัดการวิสาหกิจเกษตรแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) พ.ร.บ. วิสาหกิจชุมชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1-6 ที่สอดคล้องกับโครงการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่อย่างครบวงจร ทั้งนี้ การดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรของกรมส่งเสริมการเกษตรนับว่า มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนายกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ซึ่งเป็นจุดส
กรมส่งเสริมการเกษตร แจงสิทธิ์รับความช่วยเหลือพืชหลังนา ชวนปลูกพืชใช้น้ำน้อย ตลาดต้องการ รายได้ดีกว่าข้าว นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 เห็นชอบการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 กรมส่งเสริมการเกษตร จึงจัดทำโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการน้ำ ได้แก่ ค่าสูบน้ำ และการบริหารจัดการศัตรูพืชซึ่งสูงกว่าฤดูกาลปกติ ในอัตราไร่ละ 600 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ หรือไม่เกิน 9,000 บาท เพื่อลดภาระค่าครองชีพ ควบคู่กับสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร รักษาศักยภาพการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับคุณสมบัติเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ 1. มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะ 2. เป็นหัวหน้าครัวเรือน 1 สิทธิ์/ครัวเรือน (ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร) 3. พื้นที่ปลูกมีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย 4. ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนาปี 61/62 ในแปลงปลูกข้าวนาปี ในรอบ 3 ปี (2559-2561) ปีใดปีหนึ่ง พื้นที่ 1 งานขึ้นไป แต่ไม่เกิน 15 ไร่ 5. หากปลูกพืชหลังนาม
วันที่ 26 เมษายน 2562 นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมค่ายนวัตกรรมสร้างสรรค์ สำหรับธุรกิจเกษตรอาหารใหม่ ยุคประเทศไทย 4.0 (Creative Innovation Camp for Agri-Food Startup under Thailand 4.0) ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมเรือนแพ รอยัล ปาร์ค จังหวัดพิษณุโลก โดยได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายในการพัฒนาต่อยอดให้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ที่เป็น Young Smart Farmer โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์ สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา ตลอดจนเกษตรกรและผู้ประกอบการมืออาชีพ ที่ร่วมกันมุ่งพัฒนา Young Smart Farmer สู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่ และร่วมกันจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อสร้างกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และถ่ายทอดประสบการณ์ด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การต่อยอดการเป็นผู้ประกอบการ Startup ตามนโยบายการส่งเสริมของรัฐบาลที่จะก้าวไปสู่กลุ่มนักธุรกิจมืออาชีพในภาคการเกษตรและอาหารในอนาคต โดยงานดังกล่าวได้ดำเนินการมาแล้ว 5 ครั้ง แบ่งเป็นหัวข้อ Creative Innovation Camp จำนวน 1
กรมส่งเสริมการเกษตร เผยแผนบริหารจัดการผลไม้ ปี 2562 ยึดหลักมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพ พร้อมให้จังหวัดในภาคตะวันออกและภาคเหนือวางแผนบริหารจัดการผลไม้แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อควบคุมและป้องกันการนำผลไม้อ่อนมาขายออกสู่ตลาด นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ได้เห็นชอบแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก (ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง) และแผนบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ (ลิ้นจี่) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลักในการบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ ปี 2562 ให้เป็นไปตามกลไกของตลาดปกติ โดยเน้นการบริหารจัดการเชิงคุณภาพ 3 ระยะ ตั้งแต่ระยะก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อส่งเสริมการผลิตให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน GAP เกิดการรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่สามารถเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า ระยะเก็บเกี่ยว แนะนำเก็บเกี่ยวระยะเหมาะสม ป้องปรามผลผลิตด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด ส่งเสริมการจำหน่ายผลไม้คุณภาพ ระยะหลังเก็บเกี่ยว ให้คำแนะนำการเตรียมความพร้อมของต้นสำหรับฤดูต่อไป ส่วนการจัดการเชิงปริมาณ ก่อนเก็บเกี่ยว ให้สำรวจและ
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางลดความเหลื่อมล้ำ เกิดการกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ด้วยแนวคิดดังกล่าว กรมส่งเสริมการเกษตรจึงดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในทุกจังหวัด โดยชูจุดขาย “ท่องเที่ยวธรรมชาติ วิถีชีวิตเกษตร เสน่ห์แห่งภูมิปัญญา” ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ชุมชนท้องถิ่น หวังก่อให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสร้างชุมชนที่เข้มแข็งโดยลูกหลานไม่ต้องลำบากออกไปหางานนอกบ้าน ช่วยเพิ่มโอกาสขายสินค้าได้ภายในชุมชน ทำให้สังคมชนบทของไทยมีโอกาสเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาล ท่องเที่ยววิถีคลอง วิถีเกษตรเมืองราชบุรี ท่องเที่ยว “วิถีคลอง วิถีไทยตามรอยเสด็จคลองดำเนิน” หนึ่งในเส้นทางการท่องเที่ยวการเกษตรที่กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดราชบุรี อยากชักชวนคนไทยลองหาเวลาว่างไปเที่ยวชมกัน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีคลอง วิถีเกษตร และประวัติศาสตร์ท้องถิ่นแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะได้นั่งเรือ ล่องไปตามคลอง ชมบรรยากาศริมคลองอันร่มรื่น ชิลล์ลมไปตามสายน้ำ ตื่นตาตื่นใจกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เรียนรู้การทำเกษตร
ปี 2562 ประเทศไทยเสี่ยงเผชิญวิกฤตภัยแล้งมากกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำในเขื่อนทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ฤดูร้อนมาเร็วกว่าทุกปี และมีอุณหภูมิความร้อนสูงขึ้นกว่าปกติ 1-2 องศาเซลเซียส กรมส่งเสริมการเกษตรคาดการณ์ว่า พื้นที่การเกษตรหลายแห่งอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม- มิถุนายน 2562 จึงได้กำหนดมาตรการจัดการภัยแล้ง เพื่อลดผลกระทบและดูแลช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้งในปีนี้ นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2561/62 โดยพิจารณาจากนโยบาย “การตลาดนำการผลิต” ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ โดยกำหนดแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 16.08 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชในเขตชลประทาน จำนวน 10.46 ล้านไร่ แยกเป็น นาข้าว 8.03 ล้านไร่ พืชไร่ และพืชผัก 2.43 ล้านไร่ และพื้นที่นอกเขตชลประทาน จำนวน 5.62 ล้านไร่ แยกเป็นนาข้าว 3.18 ล้านไร่ พืชไร่ และพืชผัก 2.44 ล้านไร่ ปัจจุบัน พบว่า ทั่ว
ในช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนที่ร้อนจัด โอกาสเกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในช่วงปลายเดือนเมษายน 2562 ทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้เตือนภัย และให้คำแนะนำในการรับมือแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงให้ผลผลิต ให้เฝ้าระวังโรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน เนื่องจากสภาพอากาศมีความชื้นสูง เชื้อราสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน คือ เชื้อราไฟทอปธอรา พาล์มิโวรา (Phytophthora palmivora) สังเกตลักษณะอาการของต้นที่เกิดโรค ใบจะไม่เป็นมันสดใส โดยใบค่อย ๆ เหลืองซีดและร่วง ใบอ่อนเหี่ยวเหลือง มีจุดแผลสีน้ำตาลอ่อนฉ่ำน้ำ เส้นใบมีสีน้ำตาลดำ บริเวณกิ่ง ลำต้น และโคนต้น มีสีของเปลือกเข้มคล้ายถูกน้ำเป็นวงหรือเป็นทางน้ำไหลลงด้านล่างหรือมีรอยแตกของแผล และมีน้ำเยิ้มออกมาในช่วงเช้า เมื่อถากเปลือกจะพบว่าเปลือกเน่า เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาล ส่วนที่เน่ามีกลิ่นหืน แผลเน่าจะลุกลามรวดเร็ว ต้นที่เป็นโรครุนแรงจะมีน้ำยางไหลออกมาโดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าที่มีอากาศชุ่มชื้น เมื่อขุดดูที่รากฝอยจะมีลักษณะเปื่อยยุ่ย มีสีน้ำตาล และหลุดง่าย กรณีอาการของโรครุนแรงจะเน่าลามไปยังรากแขนงและโคนต้น ทำให้ต้นโทรมและยืนต้นตาย วิธ