ธนาคารน้ำใต้ดิน
ระบบธนาคารน้ำใต้ดิน คือ อะไร ระบบธนาคารน้ำใต้ดิน (Groundwater Bank) คือ การบริหารจัดการน้ำในลักษณะการใช้น้ำบนดิน ผิวดิน และน้ำฝน ที่ตกลงมาด้วยการนำหลักการเติมน้ำลงใต้ดิน เป็นการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ราบ หรือพื้นที่ลุ่มมีน้ำขัง เมื่อน้ำไหลมารวมกันปริมาณมากๆ ในฤดูน้ำหลาก ต้องทำบ่อเก็บน้ำ เพื่อการส่งน้ำลงใต้ดิน ให้ขุดบ่อถึงชั้นหินอุ้มน้ำ ทำให้มีน้ำจำนวนมากเก็บไว้ใต้ดิน เป็นกรณีศึกษา การบริหารจัดการน้ำในระดับท้องถิ่นจะมีลำราง ร่องน้ำและคลองเล็กๆ เป็นแหล่งน้ำของหมู่บ้านและเป็นต้นน้ำที่ทำให้เกิดลำห้วย หลายๆ สาย เมื่อฝนตกน้ำฝนทั้งหมดในหมู่บ้านจะไหลรวมกันที่ลำราง ร่องน้ำหรือคลองเล็กๆ ลำรางทุกลำรางเป็นสาขาย่อยของลำห้วยการเก็บน้ำไว้ที่ต้นน้ำทุกลำรางด้วยการทำ “ฝายหยุดน้ำ (Nitessatsanakoon Ground water dams)” เพื่อการส่งน้ำไว้ใต้ดินถึงชั้นหินอุ้มน้ำ (Aquifer) จะทำให้พื้นที่ในหมู่บ้านต้นน้ำไม่เกิดความแห้งแล้ง กลางน้ำและปลายน้ำไม่เกิดน้ำท่วมเมื่อน้ำหลากจากผลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินถึงชั้นหินอุ้มน้ำเกิดขึ้นทุกลำราง ลำห้วยจะมีน้ำเต็มตลิ่งตลอดฤดูกาลครบรอบ 12 เดือน โดยมีการกักเก
ผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อนทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี พื้นที่การเกษตรจำนวนมากเสี่ยงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำทำการเกษตร เกษตรกรจึงควรสร้างแหล่งน้ำในไร่นาเพื่อให้มีแหล่งน้ำพอเพียงสำหรับดูแลรักษาพื้นที่เพาะปลูกพืชตลอดทั้งปี ลดผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งในระยะยาวอย่างยั่งยืน ลุงทองปาน เผ่าโสภา ปราชญ์ชาวบ้านหนองกุลา ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน หมู่ที่ 14 ตำบลหนองกุลา อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ริเริ่มแนวคิดการทำธนาคารน้ำใต้ดิน สำหรับใช้เพาะปลูกพืชในฤดูแล้งตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีก่อนจนกลายเป็นต้นแบบให้ภาครัฐ นำแนวคิดดังกล่าวไปขยายผลเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งทั่วประเทศ ลุงทองปานเล่าถึงที่มาของแนวคิดการสร้าง “ธนาคารน้ำใต้ดิน” หรือเรียกว่า “แก้มลิงที่มองไม่เห็น” ว่า ตนเองได้นำองค์ความรู้ที่ได้จากข้อมูลข่าวสารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้วิธีการสังเกตบ่อบาดาลที่ขุดเจาะไว้ในช่วงฤดูแล้งพบว่า เมื่อสูบน้ำไปได้ระยะหนึ่งน้ำก็จะแห้ง ไม่สามารถสูบได้อีก และช่วงฤดูฝนน้ำที่ท่วมขังบริเวณบ่อ จะแห้งเร็วกว่าบริเวณอื่นๆ ซึ่งจากการสังเกตดังกล่าวจึงได้ทดลองขุด
“น้ำ” คือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่ง ทั้งใช้ในการอุปโภค บริโภค ในครัวเรือน ภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม การบริหารจัดการน้ำที่ดีย่อมทำให้มีทรัพยากรน้ำไว้ใช้ได้อย่างเพียงพอ นวัตกรรม “ธนาคารน้ำใต้ดิน” นับเป็นหนึ่งในการบริหารจัดการน้ำแบบสมดุลที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในการรับมือภัยแล้งและน้ำท่วม จากความแปรปรวนของสภาวะอากาศที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น วันนี้ พาขึ้นเหนือไปจังหวัดกำแพงเพชร เพื่อชมความสำเร็จของ หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงพชร ตำบลเทพนคร อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ที่นอกจากจะเป็นหมู่บ้านต้นแบบ “ชุมชนคนเลี้ยงหมู” แล้ว ที่นี่ยังเดินหน้าโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน จนปรากฏผลอย่างเป็นรูปธรรม นายพิเชษฐ์ ใหญ่แก่นทราย ประธานหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร เล่าที่มาว่า โครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ประสบปัญหาการระบายน้ำท่วมขังจากน้ำฝนในบริเวณพื้นที่โครงการมาอย่างยาวนาน ชาวชุมชนจึงได้ร่วมกันศึกษาค้นคว้าวิธีการแก้ปัญหา จนมาพบกับรูปแบบการบริหารจัดการน้ำผิวดินสู่ใต้ดิน (Ground Water Recharge) หรือการทำธนาคารน้ำใต้ดิน ทั้งแบบบ่อปิดและแบบบ่อเปิด ที่ช่วยลดปัญหาปริมาณน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ทำให้สามารถนำพื้นที่กล
ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อยู่นอกเขตพื้นที่ชลประทาน ชาวบ้านต้องพึ่งพาน้ำฝนในการทำเกษตร เกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้จึงนิยมปลูกพืชไร่ที่ใช้น้ำน้อย เช่น อ้อยโรงงาน ทานตะวัน ข้าวโพด ข้าวฟ่าง และเลี้ยงวัวนม เป็นรายได้หลัก คุณทอม หรือ คุณปรีชา บุญส่งศรี เกษตรกรนักประดิษฐ์เจ้าของผลงาน เครื่องเจาะดินนิวบอร์น ใช้พื้นที่ 10 ไร่ ข้างบ้านปลูกไร่อ้อยโรงงานมานานหลายปีแล้ว ปีใดฝนฟ้าเป็นใจก็ได้ผลผลิตมากหน่อย แต่บางปีเจออากาศร้อน ภัยแล้งคุกคาม อ้อยก็มีผลผลิตต่อไร่น้อยลง ต่อมาคุณทอมเกิดแนวคิดทำธนาคารน้ำใต้ดินแบบง่ายๆ โดยในช่วงต้นฤดูฝนใช้อุปกรณ์เครื่องเจาะดินนิวบอร์น เจาะดินลึก 50-60 เซนติเมตร ทั่วไร่อ้อย โดยแต่ละหลุมมีระยะห่าง ประมาณ 1×1 เมตร เมื่อฝนตกลงมา สามารถเติมน้ำฝนลงชั้นใต้ดินได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นวิธีการทำ ธนาคารน้ำ (ระบบปิด) แบบง่ายๆ ใช้เวลาน้อย ต้นทุนต่ำ ลดปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร พร้อมกับแก้ปัญหาภัยแล้งไปพร้อมๆ กัน คุณทอม เล่าให้ฟังว่า เดิมทีไร่อ้อยของผมปลูกโดยใช้น้ำฝนอย่างเดียว เจอปัญหาภัยแล้งเป็นประจำ ผลผลิตไม่มากเท่าไร แถมมีปัญหาดินดาน หลังจากทดลองเจาะดิ
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนทุนงานวิจัยแก้ปัญหาภัยแล้งต้านภัยธรรมชาติ จากผลงานโครงการวิจัย เรื่อง “ธนาคารน้ำใต้ดิน นวัตกรรมการแก้ปัญหาภัยแล้งทางการเกษตรขององค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงห์ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร” วช. ได้ลงพื้นที่ชุมชนตำบลถ้ำสิงห์ เพื่อฟังบรรยาย สรุปโครงการวิจัย เรื่อง “ธนาคารน้ำใต้ดิน นวัตกรรมการแก้ปัญหาภัยแล้งทางการเกษตรขององค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงห์ อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร” พร้อมเยี่ยมชมโครงการวิจัยธนาคารน้ำใต้ดิน โดยมีวิทยากรประกอบด้วย ดร.พระครูวินัยธร วรรณไชย สิริวณฺโณ มูลนิธิหลวงปู่สงฆ์จันทสโรเพื่อการวิจัย หัวหน้าโครงการ ดร.พรนค์พิเชฐ แห่งหน นักวิจัย นายนิคม ศิลปะศร ประธานกลุ่มธนาคารน้ำใต้ดินตำบลถ้ำสิงห์ และ นายโภคิน เกิดศรี ตัวแทนชาวบ้านชุมชนตำบลถ้ำสิงห์ ณ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดิน ตำบลถ้ำสิงห์ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ จังหวัดชุมพร ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้
ธนาคารน้ำใต้ดิน (Groundwater Bank) นับเป็นนวัตกรรมในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อาศัยหลักการเติมน้ำไปเก็บในชั้นใต้ดิน ด้วยการขุดบ่อในบริเวณพื้นที่ที่มีจุดรวมของน้ำ น้ำท่วม น้ำขัง น้ำหลาก เป็นการกักเก็บน้ำให้ซึมลงไปในชั้นหิน ช่วยพักน้ำรวมไว้เหมือนกับธนาคาร เหมือนการเก็บออมและกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ในฤดูแล้ง และอุ้มน้ำที่มีมากในยามน้ำหลากน้ำท่วม ถือเป็นการบูรณาการความรู้ทางวิชาการและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถใช้บริหารจัดการน้ำได้อย่างยั่งยืน นายสมพร เจิมพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า “ธนาคารน้ำใต้ดิน หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า” อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งโมเดลความสำเร็จของการบริหารจัดการน้ำ ที่เกิดจากแนวความคิดของกลุ่มเกษตรกรและซีพีเอฟ ที่ต้องการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นรูปธรรม จากโจทย์สำคัญที่ต้องซื้อน้ำมาใช้ในกระบวนการเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรในหมู่บ้าน และยังจำเป็นต่อการปลูกพืชที่เป็นอาชีพเสริม รวมถึงใช้ในการอุปโภคบริโภค ซึ่งที่ผ่านมาหมู่บ้านประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง กระทบต่อรายได้ของเกษ
ยุคนี้ ทุเรียน เป็นไม้ผลขายดี ที่ใครๆ ก็อยากปลูก แต่การปลูกทุเรียนให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากใครอยากเรียนรู้เทคนิคการปลูกดูแลทุเรียนแบบมืออาชีพ ที่ได้มาตรฐาน GAP เกรดส่งออก ขอแนะนำให้แวะไปเรียนรู้กันที่ “ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตการเกษตร (ศพก.) เขาคิชฌกูฏ” ของ คุณเปี๊ยก หรือ คุณกิติภูมิ พรเจีย ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 90/5 หมู่ที่ 5 ตำบลชากไทย อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ผู้ที่เข้าเยี่ยมชม “ศพก. เขาคิชฌกูฏ” จะได้เรียนรู้เรื่อง การผลิตผลไม้มาตรฐาน GAP เกรดส่งออก ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนพื้นที่ดำเนินงาน 6 ไร่ ประกอบด้วย ฐานเรียนรู้การลดต้นทุนการผลิต การจัดการดินและปุ๋ย การอารักขาพืช ฐานเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ เทคโนโลยีการผลิต 4.0 (เครื่องตรวจวัดสภาพอากาศ) และการจัดการสิ่งแวดล้อม (การคัดแยกขยะการเกษตร) เรียกว่า มาสวนคุณลูกหมูแห่งเดียว มีโอกาสเรียนรู้ปลูกดูแลไม้ผลหลากหลายชนิด ทั้ง มังคุด ทุเรียน ลองกอง ฯลฯ คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม หากอยากรู้เขามีเคล็ดลับและเทคนิคบริหารจัดการอย่างไร …ไปหาคำตอบด้วยกันได้เลย สถานีวัดสภาพอากาศอัต
สภาวะแล้ง ที่ยังแก้ไขช่วยเกษตรกรได้ การขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าแล้งหลังเก็บเกี่ยว หรือช่วงฝนทิ้งช่วง พบว่าเป็นปัญหาสำคัญของเกษตรกร และพบประจำต่อเนื่องแทบทุกปี ปรากฏการณ์ฝนทิ้งช่วงนาน ที่เกิดขึ้นใน ปี 2562 พบว่า พืชที่ปลูกหรือกล้าข้าวที่ลงไว้ตั้งแต่ต้นฤดูฝนแห้งตายเป็นบริเวณกว้าง และจะปลูกซ้ำช่วงฝนรอบสองก็จะไม่ทันเก็บเกี่ยว สภาวะแล้งยังส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อ เนื่องจากปริมาณฝนที่ลดลง ทำให้แหล่งน้ำผิวดินที่กักเก็บตามเขื่อน อ่างเก็บน้ำ มีปริมาณไม่เพียงพอสำหรับการเกษตรอย่างทั่วถึง ส่งผลต่อผลผลิตที่ลดลงจึงเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ดังนั้น แหล่งน้ำใต้ดินจึงต้องเป็นบทบาทสำคัญในการนำน้ำมาใช้ด้านการเกษตร ศักยภาพของแหล่งน้ำใต้ดินในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและแหล่งกักเก็บ เช่น ชั้นน้ำที่กักเก็บในชั้นตะกอน หรือในรอยแตกชั้นหินดานในพื้นที่นั้นๆ แนวทางเลือกหนึ่ง ที่เกษตรกรในหลายพื้นที่ช่วยตัวเองได้แบบไม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายมาก โดยเฉพาะในยามสภาวะแล้ง คือ แหล่งน้ำใต้ดินตื้น (ที่ระดับความลึกไม่เกิน 15 เมตร) เป็นแหล่งน้ำใต้ดินในชั้นตะกอนหินร่วน (U
กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ประเทศไทย ในปี 2563 ต้องเผชิญกับวิกฤตภัยแล้งที่รุนแรงมากในรอบ 40 ปี ฝนแล้งยาวนานจนถึงเดือนมิถุนายน โดยคาดว่าปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ 3-5 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้ในหลายพื้นที่จึงคิดค้นหาวิธีกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง และหนึ่งในหลายวิธีที่ทำแล้วได้ผลดี คือ การทำธนาคารน้ำใต้ดิน ด้วยหลักการขุดบ่อตรงที่มีน้ำท่วมขังให้ลึกจนสามารถกักเก็บน้ำไว้ใต้ดิน เมื่อยามเกิดภัยแล้งก็สามารถเจาะบ่อบาดาลแล้วดึงน้ำขึ้นมาใช้ได้ในยามหน้าแล้ง คุณอุดมทรัพย์ โสสว่าง ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเกษตร อบต. เก่าขาม ตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี อธิบายถึงที่มาของการบริหารจัดการน้ำนอกเขตชลประทานด้วยระบบธนาคารน้ำใต้ดิน (Ground water Bank) ว่า โครงการจัดทำธนาคารน้ำใต้ดินเกิดขึ้น เนื่องจากชาวตำบลเก่าขามได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติต่างๆ ทั้งฤดูแล้งและฤดูมรสุม ทาง อบต. จึงคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานาน จนกระทั่งตอน ปี 2558 คณะผู้บริหารนำโดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเก่าขาม ได้นำคณะผู้นำชุมชน แกนนำหมู่บ้าน ผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยู่ในเขตการปกครองร่วมเดินทางเพื่อศึกษาดูงานรับแ
ธนาคารน้ำใต้ดิน มักกล่าวถึงกันมากในช่วงไม่นานมานี้ เป็นวิธีการในการจัดการน้ำแบบหนึ่ง โดยอาศัยหลักการเติมน้ำผิวดินช่วงที่มีน้ำเยอะในหน้าฝนลงกักเก็บไว้ในชั้นหินอุ้มน้ำตื้น อาจเป็นชั้นกรวดทราย หรือชั้นหินที่มีความพรุนสูง (สามารถกักเก็บน้ำได้) ผ่านการเปิดชั้นผิวดินที่มีความพรุนต่ำ เป็นผลทำให้ระดับใต้ดินน้ำเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มศักยภาพของแหล่งน้ำใต้ดินระดับตื้น ซึ่งเพิ่มโอกาสการใช้น้ำในช่วงหน้าแล้งได้ ผู้ช่วยศาตราจารย์ดีเซลล์ สวนบุรี ด้านหลังเป็นตัวอย่างสระเติมน้ำ ขนาดพื้นที่ 1 ไร่ (40×40 เมตร) ส่วนกระบวนการเติมน้ำสู่ชั้นน้ำใต้ดินมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ สภาพชั้นดิน และภูมิประเทศ เช่น ผ่านบ่อน้ำ หรือสระ เป็นต้น ดังตัวอย่างบ่อเปิดใน รูปที่ 1 ประเทศไทยได้มีการศึกษา ทดลอง ระบบการเติมน้ำลงใต้ดินในหลายรูปแบบ ในหลายพื้นที่มานานแล้ว ดังตัวอย่างที่มีการจัดการน้ำด้านการเกษตร ด้วยระบบเติมน้ำจากหลังคาลงใต้ดิน ลงกักเก็บชั้นทราย ลึกประมาณ 14 เมตร มานานกว่า 30 ปี และยังใช้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณพื้นที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท (อธิบายใน รูปที่ 2) ซึ่งเป็นพื้นที่ทำนา จนทำให้ระดับ