นวัตกรรมอาชีวศึกษา
ชันโรง เป็นผึ้งจิ๋วขนาดเล็กไม่มีเหล็กใน ชอบตอมเกสรดอกไม้ ระยะหาอาหารประมาณ 300 เมตร มีพฤติกรรมเก็บน้ำหวานจากดอกไม้และละอองเกสรของพืชที่ใช้เป็นอาหารแตกต่างจากผึ้ง โดยจะเก็บเกสรดอกไม้ ร้อยละ 80 เก็บน้ำหวาน ร้อยละ 20 ในขณะที่ผึ้งเก็บเกสรดอกไม้ ร้อยละ 50 และน้ำหวานร้อยละ 50 น้ำผึ้งชันโรง โดดเด่นเรื่องกลิ่นหอม รสอร่อยเปรี้ยวอมหวาน เป็นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูงจากการผสมผสานจากดอกไม้นานาพันธุ์รวมไปถึงน้ำหวานจากพืชสมุนไพร รังผึ้งชันโรง 1 รังสามารถผลิตน้ำผึ้งได้ประมาณ 500-750 มิลลิลิตร จำหน่ายน้ำผึ้งชันโรงในราคาลิตรละ 1,000-1,600 บาท ชันโรงสามารถผลิตน้ำผึ้งได้ 2-3 ครั้งต่อปี ผลการศึกษาวิจัยพบว่า น้ำผึ้งชันโรงและรังของชันโรงมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันยับยั้งเชื้อราหรือจุลินทรีย์ต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง หรือแผลอักเสบ ดังนั้น น้ำผึ้งชันโรงและรังของชันโรงจึงถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริม ยาและเวชสำอาง สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม รักษาเหงือกอับเสบ และแก้อักเสบผิวหนัง ฯลฯ จังหวัดสตูลมีการเลี้ยงชันโรงอย่างแพร่หลาย มีการจัดตั้งกลุ่มที่ชัดเจนและมีการจำหน่ายน้ำผึ้งจากผึ้งชันโรง โดยเฉพา
ฝาง ชื่ออื่นๆ หนามโค้ง,ฝางแดง, ขวาง, ฝางเสน, ฝางส้ม,ง้าย ชื่อวิทยาศาสตร์ Caesalpinia Sappan L. ฝาง เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของเอเชีย พบได้ทั่วไปในประเทศเขตร้อนเช่น อินเดีย พม่า ไทย ลาว กัมพูชา ศรีลังกา บังคลาเทศ เวียดนาม รวมถึงทางตอนใต้ของจีน สำหรับในประเทศไทยนั้น สามารถพบได้บริเวณป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และภูเขาหินปูน ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน และบางส่วนของภาคกลาง “ ไม้ฝาง ” เป็นไม้ที่ช้างป่าไม่กิน และไม่ทำลาย ไม้ฝาง มีสรรพคุณทางยามากมาย งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ พบว่า ไม้ฝาง มีสารสำคัญจำนวน 4 ชนิด โดยตัวหลักคือ สารบราซิลลิน (Brazilin) มีความสามารถในการต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสรวมถึงเชื้อ SARS-CoV-2 หรือไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ได้ นอกจากนี้นอกจากนี้ ยังพบว่า สารบราซิลลิน สามารถฆ่า และหยุดการแพร่กระจายลุกลามของเซลมะเร็งเต้านมในหลอดทดลองได้ วิทยาลัยการอาชีพพนมทวน นำเสนอ ลิปสติกจากแก่นฝาง ฝาง เป็นไม้ยืนต้นที่หาได้ง่ายในจังหวัดกาญจนบุรี ชาวบ้านใช้ ไม้ฝาง เป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ที่มีคุณประโยช
“ กล้วยตากบางกระทุ่ม” เป็นผลิตภัณฑ์ขายดี มีรสชาติเฉพาะตัว ไม่เหมือนที่อื่นเป็นความภาคภูมิใจของชาวอำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก กล้วยตากบางกระทุ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลถึงต่างแดน จุดเริ่มต้นของกล้วยตากบางกระทุ่ม เกิดจาก เกษตรกรในอำเภอบางกระทุ่ม ปลูกกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง แต่แม่ค้าไม่ซื้อ“กล้วยตีนเต่า” ซึ่งเป็นกล้วยที่มีผลขนาดเล็กและมีจำนวนมาก เกษตรกรจึงเกิดแนวคิดนำผลกล้วยตีนเต่าไปตากแดด เพื่อถนอมอาหาร จนกลายเป็น “กล้วยตากบางกระทุ่ม” ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีขนาดกะทัดรัด เนื้อกล้วยเหนียวนุ่ม ไส้กลางไม่แข็ง และมีกลิ่นหอมมากกว่ากล้วยน้ำว้าพันธุ์อื่น ต่อมาได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อปี 2558 ใส่นวัตกรรมเพิ่มมูลค่ากล้วยและข้าว เนื่องจาก กล้วยตากและข้าวพิษณุโลก 80 นับเป็นของดีจังหวัดพิษณุโลกเป็นที่นิยมของคนไทยและต่างชาติ สำหรับข้าวพิษณุโลก 80 เป็นสินค้าขายดีในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยลักษณะคุณภาพเมล็ดดี เป็นท้องไข่อ่อน ทำให้ข้าวมีค่าน้ำตาลปานกลางถึงต่ำเพียง 59.5 เมื่อเทียบกับข้าวสายพันธุ์อื่นที่มากกว่า 69 การันตีจากงานวิจั
ทุกวันนี้ ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาดูแลใส่ใจเรื่องการรักษาสุขภาพ โดยเลือกกินอาหารคลีนและเพิ่มการบริโภคโปรตีนจากพืชเพื่อลดอัตราการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจแล้ว การบริโภคอาหารจากพืชยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการเกษตรปศุสัตว์ ทำให้คนไทยจำนวนมากหันมากินอาหารมังสวิรัติ จากผัก ผลไม้และธัญพืชแบบ 100% เพื่อสุขภาพที่ดีทำให้ร้านอาหารต่างๆ พยายามเพิ่มเมนูไร้เนื้อสัตว์เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น . “ ไส้อั่ว ” เป็นอาหารพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นของภาคเหนือของไทย ปกติทำจากเนื้อหมูบด โดยผสมกับมันแข็งของหมู เพื่อไม่ให้เนื้อหมูด้านเวลาสุก เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าในท้องตลาด กลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพฝาง เกิดแรงบันดาลใจคิดค้นไส้อั่วที่ทำจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่หาง่ายในท้องถิ่น เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ คนไม่ทานเนื้อสัตว์หรือคนที่รับประทานเจ วีแกนและ คีโต การทำไส้อั่วถั่วเหลือง มีขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยากเริ่มจากจัดเตรียมส่วนผสมสำคัญ ได้แก่ ถั่วเหลือง เต้าหู้ขาว เส้นบุก ฟองเต้าหู้ พริกแกงสูตรเจ วิธีทำ 1. ล้างถั่ว
วิทยาลัยอาชีวศึกษาชุมพร มีแรงบันดาลใจจากคำขวัญของจังหวัดชุมพร คือ ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก จึงได้นำของดีขึ้นชื่อของท้องถิ่นมานำเสนอในรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ทุเรียนอัดแท่งอบกรอบผสมธัญพืชและรังนก ผลิตภัณฑ์ทุเรียนอัดแท่งอบกรอบผสมธัญพืชและรังนก ภายใต้ชื่อแบรนด์ โกลบาร์ Gold Bar ใช้วัตถุดิบหลักคือ ทุเรียนชุมพร ผสมผสานกับธัญพืชทั้งหมด 6 ชนิด ที่มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการ เพิ่มความแตกต่างด้านรสชาติ ทำให้รับประทานง่าย คงคุณค่าทางสารอาหาร มีความแปลกใหม่ สีเหลืองทอง กรุ๊บกรอบ หอม อร่อย ดังสโลแกน “โกลบาร์ Gold Bar” คุณค่าดั่งทอง ส่วนผสมหลัก ประกอบด้วย ทุเรียนทอดกรอบ ควินัว น้ำเชื่อมรสนํ้าผึ้ง เมล็ดฟักทอง กล้วยเล็บมือนาง เมล็ดแตงโม เมล็ดทานตะวัน ลูกเกด แครนเบอร์รี่ กลูโคสไซรัป รังนก น้ำ และเกลือ ขั้นตอนการทำเริ่มจาก เตรียมส่วนผสมทั้งหมด จากนั้นนำน้ำ น้ำเชื่อมรสน้ำผึ้ง เกลือ กลูโคสไซรัปขึ้นตั้งไฟอ่อนเคี่ยวจนเกิดฟอง ใส่รังนกและส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงไปคนให้เข้ากันโดยเร็ว เทใส่ถาดนำมาชั่ง 8 กรัมอัดลงพิมพ์สี่เหลี่ยมให้เรียบแน่น รอให้เซ็ตตัวแล้วนำไปอบเป็
วันที่ 2 เมษายน 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดกิจกรรม “TVET Smart Idea2Innovation : สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมอาชีวศึกษาสู่นวัตกรรมพร้อมใช้” ประจำปี 2568 ครั้งที่ 4 ภาคเหนือ โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “TVET Smart Idea2Innovation : บ่มเพาะ เสริมแกร่ง พัฒนาบุคลากรอาชีวศึกษา สู่นวัตกรรมพร้อมใช้” พร้อมด้วย ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี รองศึกษาธิการภาค สำนักงานศึกษาธิการภาค 15 สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง “ปลดล็อกศักยภาพ สร้างชาติด้วยนวัตกรรม : บทบาทของอาชีวศึกษาในการขับเคลื่อน TVET Smart Idea2Innovation” ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดพิษณุโลก ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึง กิจกรรม “TVET Smart Idea2Innovation : สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมอาชีวศึกษาสู่นวัตกรรมพร้อมใช้” ประจำปี 2568 ในสายอาชีวศึกษาเป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะผู้เรียนให้สอดค
ปัจจุบันการผลิตกล้าไม้ของเกษตรกรทั่วไปมักปลูกหรือชำกล้าไม้ในถุงหรือกระถางที่ทำจากพลาสติก เมื่อกล้าไม้ที่เพาะชำในกระถางเจริญเติบโตเต็มที่ เกษตรกรจะนำเอากล้าไม้ออกจากถุงเพาะชำ เพื่อนำกล้าไม้นั้นไปฝังลงในดิน โดยการฉีกถุงพลาสติก ส่วนถุงเพาะชำพลาสติกหรือกระถางพลาสติกที่ผ่านการใช้งานแล้วก็กลายเป็นขยะ มักถูกทำลายโดยการเผาหรือการฝังในดิน ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นักศึกษาวิทยาลัยพณิชยการเชตุพน ประกอบด้วย น.ส.กชณัช นาคสัมปุรณะ น.ส.วธิศรา รุ่งแสง น.ส.สุชาดา เชื้อมั่น น.ส.จิณภัค ถมของ และ นายณัฐภัทร หิ่มเก่า จึงเกิดแนวคิดออกแบบพัฒนา “กระถางปุ๋ยเพาะกล้าไม้ชีวภาพเสริมธาตุอาหารในดินด้วยจุลินทรีย์ Bacillus megaterium” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้นมา เพื่อเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งทางการเกษตรตามหลักการ BCG ต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ในเชิงพาณิชย์ เกิดการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน ผลงานกระถางปุ๋ยเพาะกล้าไม้ชีวภาพ ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ทางธรรมชาติที่มีธาตุ N P K เมื่อนำไปใช้งาน สามารถย่อยสลายธาตุอาหารในดินออกมาใช้ประโยชน์ ทำให้พืชสามารถจับสารอาหารในดินที่ต้องการได้มากขึ้นและมีฤทธิ์ในการเป็นปฏิปักษ์ต่อเชื้อราแล้ว ย
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช (วษท.นศ. หรือ NSCAT) ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาสู่กระบวนการเรียนรู้ของวิทยาลัย โดยจัดการศึกษาเรียนรู้แบบบูรณาการเรียนรู้ ควบคู่กับการฝึกปฏิบัติจริง เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะอาชีพพื้นฐาน อาทิ หลักสูตรการเลี้ยงด้วงสาคู เพื่อสร้างรายได้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ด้วงสาคู เป็นแมลงกินได้ที่มีราคาค่อนข้างแพง เป็นที่นิยมบริโภคของคนไทยและต่างประเทศ เพราะมีคุณค่าทางโปรตีนสูง เกษตรกรภาคใต้นิยมเพาะเลี้ยงด้วงสาคู ใน 2 รูปแบบ คือ 1. การเลี้ยงโดยใช้ท่อนสาคูหรือท่อนต้นลานก็ได้ ตัดต้นสาคูเป็นท่อน ยาว 50-60 เซนติเมตร ใช้พ่อแม่พันธุ์ที่แข็งแรง 35 คู่ ปิดทับท่อนสาคูด้วยแผ่นไม้ หรือแผ่นปูน รดน้ำ ที่ท่อนพันธุ์ให้หมาดๆ และ 2. การเลี้ยงด้วงสาคู ในกะละมัง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40-50 เซนติเมตร ลึก 20 เซนติเมตร มีฝาหรือตาข่ายปิดกะละมังป้องกันพ่อแม่พันธุ์ด้วงหนี อาหารที่ใช้คือ นำสาคูบดผสมอาหารสัตว์เล็กน้อย วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช ส่งเสริมการเลี้ยงด้วงสาคูในกะละมัง อย่าง
เมล็ดขนุน (Jackfruit Seed) นอกจากอร่อยไม่แพ้เนื้อขนุนแล้ว ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ดีต่อสุขภาพ เพราะเมล็ดขนุนอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์ สารซาโปนิน และฟีนอลิก ต่อต้านการอักเสบ ปรับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายของดีเอ็นเอได้ ผลการวิจัยพบว่า สารสกัดจากเมล็ดขนุนช่วยลดการก่อมะเร็งในเส้นเลือดได้ถึง 61% (เฉพาะการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์) นอกจากนี้ เมล็ดขนุนมีไฟเบอร์สูง ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการท้องผูก บรรเทาอาการริดสีดวง และป้องกันโรคลำไส้อักเสบ ยิ่งไปกว่านี้ ไฟเบอร์ยังถือว่าเป็นพรีไบโอติก (Prebiotics) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ เมล็ดขนุนสามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งเมนูคาว-หวาน เช่น แกงไตปลาเมล็ดขนุน แกงเขียวหวานเมล็ดขนุน แกงบวดเมล็ดขนุนมะพร้าวอ่อน เมล็ดขนุนต้ม ฯลฯ เทคนิคย้อมสีธรรมชาติด้วยเมล็ดขนุน ศูนย์บ่มเพาะฯวิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี เล็งเห็นคุณค่าของเมล็ดขนุน จึงได้ทดลองนำเมล็ดขนุนมาสกัดเพื่อให้ได้สีแล้วนำเทคนิคการห่มเข้ามาใช้ในการย้อมสีผ้าที่มีสีสันสวยงามสะดุดตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตก
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดพิธีปิดกิจกรรม “TVET Smart Idea2Innovation : สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมและนวัตกรรมอาชีวศึกษาสู่นวัตกรรมพร้อมใช้” ครั้งที่ 1ประจำปี 2568 ภาคกลางและภาคตะวันออกและพิธีมอบเกียรติบัตรรางวัลติดดาวผลงานเด่นอาชีวศึกษา จำนวน 16 ผลงาน โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมฯ และมอบรางวัลฯ ณ โรงแรมมารวยการ์เด้น กรุงเทพมหานคร ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า วช. ได้ร่วมมือกับ สอศ. ในการมุ่งเน้นเพิ่มสมรรถนะให้แก่นักเรียนระดับอาชีวศึกษา โดยกิจกรรม “TVET Smart Idea2Innovation : สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมอาชีวศึกษาสู่นวัตกรรมพร้อมใช้” ได้เสริมสร้างและถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะและเทคนิค ด้านการประดิษฐ์คิดค้นตลอดจนการเขียนข้อเสนอโครงงานสิ่งประดิษฐ์ได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้นักประดิษฐ์สายอาชีวศึกษาได้เข้าใจและเห็นประโยชน์ของการวิจัยและการประดิษฐ์คิดค้นเพื่อสร้างสรรค์ผลงานในเ