ปลาช่อน
ปลาช่อน เป็นปลาที่อาศัยแพร่กระจายทั่วไปตามแหล่งน้ำทั่วทุกภาคของไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ เป็นปลาที่มีเกล็ดลักษณะลำตัวกลม และเรียวยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร หางมีลักษณะแบนข้าง ปากกว้างซึ่งภายในปากมีฟันเขี้ยวบนเพดาน ลำตัวมีสีคล้ำอมน้ำตาลอ่อน ปลาช่อนเป็นปลาที่มีความพิเศษคือ สามารถแถกไถตัวคืบคลานไปบนบกเพื่อหาที่อยู่ใหม่ได้ รวมทั้งหลบอยู่ใต้ดินในฤดูฝนแล้งเพื่อรอฝนได้เป็นแรมเดือน โดยการสะสมพลังงานไว้หรือที่เรียกว่า ปลาช่อนจำศีล เนื้อปลาช่อนสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู หรือทำเป็นปลาเค็มใส่เกลือก็อร่อยไม่แพ้กัน จึงนับว่าเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง ที่สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดินและในกระชัง คุณกังวาล ชูแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ที่ 1 ตำบลสระพังลาน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้ลองเลี้ยงปลาช่อนจนประสบผลสำเร็จ จึงยึดเป็นอาชีพสร้างงานสร้างเงินได้แบบสบายๆ ในเวลานี้ คุณกังวาล เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีตนเองมีอาชีพค้าขายของชำทั่วไปกับภรรยา ต่อมาได้เห็นพี่ชายของภรรยาเลี้ยงปลาช่อน จึงเกิดความสนใจที่อยากจะทดลองเลี้ยงบ้าง เพราะสมัยก่อนนั้นต้นทุนเรื่องอาหารยังไม
การเพาะพันธุ์ปลาช่อนสมัยก่อนจะเน้นหาช้อนลูกปลาจากธรรมชาติมาเลี้ยง และที่สำคัญยังใช้น้ำจำนวนมากในการเลี้ยง และต้นทุนการใช้ปลาเป็ดตัวเล็กๆ จากทะเล เพื่อนำมาบดเป็นเหยื่อสดก็มีราคาที่ถูก แต่เนื่องจาก ณ ปัจจุบันนี้ สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ในหนอง คลอง บึง ก็มีปริมาณที่น้อยลงผิดกับสมัยเก่าก่อน จึงทำให้การช้อนลูกปลาช่อนแบบสมัยนี้ทำได้ยากอีกด้วย “เมื่อมีการประกาศไม่ให้จับปลาเป็ด หรือปลาที่เป็นปลาทะเลสำหรับใช้เลี้ยงปลาช่อนได้น้อยลง จึงได้มีการทำการศึกษาให้ปลาช่อนได้กินอาหารเม็ด และทำให้ปลาช่อนที่เลี้ยงสามารถผลิตลูกปลาได้เอง เพื่อให้ปลาช่อนสามารถเลี้ยงได้ยั่งยืนถาวรต่อไป กรมประมง จึงมีการศึกษาวิจัย ซึ่งสถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ก็ได้เลือกปลาช่อนที่เป็นสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียง อย่างปลาช่อนแม่ลา มาศึกษาค้นคว้าวิธีการเพาะพันธุ์ ในปี 2544 เพื่อเป็นการศึกษาเบื้องต้น” คุณวินัย เล่าถึงที่มาของการเพาะพันธุ์ปลาช่อน ผลักดันจากปลาธรรมชาติ ขึ้นเป็นปลาเศรษฐกิจ คุณวินัย เล่าให้ฟังอีกว่า งานของกรมประมง คือ การนำปลาจากแหล่งธรรมชาติที่เพาะขยายพันธุ์ไม่ได้ มาทำก
สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ตั้งอยู่ เลขที่ 32 หมู่ที่ 2 ตำบลโพแตง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คุณวินัย จั่นทับทิม ผู้อำนวยการ ให้ข้อมูลว่า ปลาช่อน เป็นปลาที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในประเทศไทย แต่การเพาะเลี้ยงด้วยวิธีการใช้อาหารเม็ดยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ซึ่งการเพาะพันธุ์ปลาช่อนสมัยก่อนจะเน้นหาช้อนลูกปลาจากธรรมชาติมาเลี้ยง และที่สำคัญยังใช้น้ำจำนวนมากในการเลี้ยง และต้นทุนการใช้ปลาเป็ดตัวเล็กๆ จากทะเล เพื่อนำมาบดเป็นเหยื่อสดก็มีราคาที่ถูก แต่เนื่องจาก ณ ปัจจุบันนี้ สภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ในหนอง คลอง บึง ก็มีปริมาณที่น้อยลงผิดกับสมัยเก่าก่อน จึงทำให้การช้อนลูกปลาช่อนแบบสมัยนี้ทำได้ยากอีกด้วย ลูกปลาช่อน ขนาด 2-3 เซนติเมตร คุณวินัย เล่าให้ฟังอีกว่า งานของกรมประมง คือ การนำปลาจากแหล่งธรรมชาติที่เพาะขยายพันธุ์ไม่ได้ มาทำการศึกษาวิจัยเพื่อทำให้เป็นปลาเศรษฐกิจ ซึ่งปลาช่อนก็เป็นปลาที่ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน เมื่อเล็งเห็นว่ามีแนวโน้มที่ดี สามารถทำได้จึงสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานวิจัยประสบผลสำเร็จ “ปลาช่อนที่เรานำมาทำการเพาะพ
“การเลี้ยงปลาช่อน เดี๋ยวนี้แตกต่างกว่าสมัยก่อนมาก คือมีการใช้อาหารเม็ดมากขึ้น ทำให้การเลี้ยงเป็นแบบมาตรฐานจีเอพี (GAP) ซึ่งทำให้ปลาที่เลี้ยงมีความสะอาด เพราะน้ำที่เลี้ยงไม่เน่าเสีย เพราะฉะนั้นตัวปลาก็สามารถทำราคาเพิ่มได้ เพราะมีที่มาที่ไป โดยสามารถตรวจสอบกระบวนการผลิตได้หมด ว่าเป็นลูกปลารุ่นไหน มีการเพาะพันธุ์ และการเลี้ยงอย่างไร ซึ่งเป็นการช่วยทำตลาดให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น ทำให้วางห้างสรรพสินค้า และส่งออกยังต่างประเทศได้ เชื่อว่ายังมีโอกาสที่ดีในอนาคต” คุณวินัย จั่นทับทิม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด กล่าว ปลาช่อน นับได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เรียกง่ายๆ ว่า ถ้าไปตามร้านอาหารแล้วเมนูที่เกี่ยวกับปลาช่อน จะต้องมีอยู่ในเมนูของร้านกันเลยทีเดียว เช่น ปลาช่อนเผา แกงส้มแปะซะปลาช่อน ตลอดไปจนถึงผัดฉ่า หรือแม้แต่ต้มยำก็อร่อย เมื่อมองถึงเรื่องของการตลาดแล้ว นับได้ว่าอนาคตของปลาชนิดนี้ยังไปได้อีกไกล เพราะวิธีการเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยากอย่างสมัยก่อน และที่สำคัญตลาดยังเป็นที่นิยม ผู้บริโภคที่ชื่นชอบกินเนื้อปลาช่อน สามารถกินได้บ่อยๆ ในราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกั
หากนึกถึงภาพสมัยอดีตในชนบทต่างจังหวัด เมื่อเอ่ยถึงบึงหรือคลองที่เป็นแหล่งน้ำที่เงียบสงบ หลายๆ คน อาจจะเคยเห็นภาพฝูงลูกปลาช่อนที่ว่ายน้ำกันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีสายตาของแม่ปลาช่อนที่คอยดูแลลูกอยู่ไม่ห่างเลยทีเดียว เรียกว่าคอยบ่มสอนการใช้ชีวิตให้กับลูกปลา เมื่อวันที่ต้องจากลาเมื่อลูกโตขึ้น จากฝูงลูกปลาเหล่านั้นทำให้นิยามได้ว่า แหล่งน้ำในพื้นที่นั้นยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ โดยทำหน้าที่เป็นเสมือนแหล่งอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตให้สัตว์น้ำน้อยใหญ่ได้อาศัย ซึ่งปัจจุบันภาพฝูงลูกปลาช่อนอาจเหลือน้อยเต็มที เพราะเกิดจากการพัฒนาและขยายตัวของพื้นที่เมืองมากขึ้น อาจทำให้สภาพแวดล้อมเหล่านั้นถูกทำลายไปบ้าง จึงทำให้สัตว์น้ำมีจำนวนน้อยลง รวมทั้งปลาช่อนในแหล่งน้ำธรรมชาติด้วย แต่ที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ยังมีลูกปลาช่อนจากแหล่งน้ำธรรมชาติอยู่อีกไม่น้อย ที่ทำให้คนในพื้นที่หารายได้ ด้วยการช้อนลูกปลาช่อนเหล่านั้น มาส่งจำหน่ายให้กับฟาร์มที่รับซื้อ เพื่อมาอนุบาลให้เป็นปลาไซซ์นิ้ว จึงเป็นงานที่สร้างรายได้แบบส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ คุณชาญ บัววิเชียร หรือที่ทุกคนเรียกแกว่า ลุงชาญ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ที่ 1
เช้าวันพุธที่ผ่านมา ผมไปเดินซื้อของที่ตลาดนัดประจำสัปดาห์ หน้าวัดจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี มาตลาดแห่งนี้ ผมต้องไปเดินช่วยแม่หิ้วของที่ซื้อกลับบ้านตั้งแต่เด็กๆ มาบัดนี้ รู้สึกว่าร้านรวงเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ข้าวของที่ขายก็มากมายขึ้น ทั้งปริมาณและประเภท และถ้าเอาตามความเห็นผม ก็ขอโฆษณาเลยว่า ที่นี่มีกุ้งจ่อมและหอยดองซึ่งทำจากบ้านปากไก่ อำเภอปากท่อ วางขายมานาน รสชาติเปรี้ยวอร่อย หอมข้าวคั่ว แล้วก็ไม่ใส่สี เป็นของแบบที่ผมไม่เห็นมีขายที่ไหนเลยล่ะครับ ท่ามกลางข้าวของดีๆ ผมเจอร้านที่เอาปลาน้ำจืดธรรมชาติมาขาย มีทั้งปลาตะเพียนสดๆ ปลากระดี่ ปลาหมอ ปลากรายตัวโตๆ ปลาเนื้ออ่อน ที่ผมอดซื้อมาไม่ได้ เพราะไม่ค่อยเจอบ่อยนัก คือปลาช่อนนาตัวย่อมๆ ที่ขอดเกล็ด ผ่าท้อง แล่แผ่ครึ่งตัวเรียบร้อยแล้ว ผมจำได้ว่า มีมะขามอ่อนถุงเล็กๆ อยู่ถุงหนึ่งที่บ้าน กับพริกขี้หนูสดดีๆ ก็เลยแวะซื้อข่าแก่กับผักชีมาเพิ่ม จงใจเดินผ่านเลยร้านขายตะไคร้ไป เพราะคิดว่าขุดเอาจากกอหลังบ้านก็พอได้ เช่นเดียวกับใบมะกรูด ที่อาศัยเด็ดจากต้นข้างบ้านก็พอควรแก่การ คงเดาได้กระมังครับ ว่าผมคิดจะทำปลาช่อนต้มยำแน่ๆ ถูกแล้วครับ ผมนึกถึงสำรับรสจี๊ด
ปลาช่อน นับได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เรียกง่ายๆ ว่า ถ้าไปตามร้านอาหารแล้วเมนูที่เกี่ยวกับปลาช่อน จะต้องมีอยู่ในเมนูของร้านกันเลยทีเดียว เช่น ปลาช่อนเผา แกงส้มแปะซะปลาช่อน ตลอดไปจนถึงผัดฉ่า หรือแม้แต่ต้มยำก็อร่อย เมื่อมองถึงเรื่องของการตลาดแล้ว นับได้ว่าอนาคตของปลาชนิดนี้ยังไปได้อีกไกล เพราะวิธีการเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยากอย่างสมัยก่อน และที่สำคัญตลาดยังเป็นที่นิยมผู้บริโภคที่ชื่นชอบกินเนื้อปลาช่อน สามารถกินได้บ่อยๆ ในราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับสมัยก่อน คุณขจร เชื้อขำ บ้านเลขที่ 51/3 หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยคันแหลน อำเภอวิเศษชัญชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงปลาช่อนในชนิดที่ว่าตัวยงเลยก็ว่าได้ มีทั้งการเพาะพันธุ์ลูกปลาช่อน การเลี้ยงปลาช่อนส่งเนื้อขาย และที่สำคัญมีการแปรรูปสินค้าจากเนื้อปลาช่อนอีกด้วย เห็นปลาช่อนเป็นสัตว์น้ำ ที่น่าสนใจ คุณขจร เล่าให้ฟังว่า สมัยเริ่มแรกของช่วงอายุวัยทำงาน ตนได้เลือกอาชีพเกษตร คือ การเลี้ยงปลา เมื่อคิดว่าเหมาะสมกับทางสายงานด้านนี้แล้ว จึงจับเป็นอาชีพหลักเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ซึ่งปลาที่เขาเลี้ยงในช่วงแรกเป็นปลาทับทิม ต่อมาเขาไ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทร.สุวรรณภูมิ) พัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพและเทคโนโลยีชั้นสูงตอบสนองอุตสาหกรรมเกษตร อุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนเทคโนโลยีดิจิตอล การบริหารจัดการและการท่องเที่ยว ควบคู่กับการให้บริการแก่ชุมชนสังคมบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีทีมอาจารย์นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านลงพื้นที่ทำงานวิจัย เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี บนฐานศักยภาพ ทรัพยากรชุมชน และภูมิปัญญาพื้นถิ่น โดยนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก้ปัญหาให้กับชุมชน ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง ทั้งในศูนย์พื้นที่ที่จัดการเรียนการสอนและพื้นที่ใกล้เคียง รศ. ดร. เจษฎา อิสเหาะ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มทร.สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่าได้ร่วมมือกับคณาจารย์และนักศึกษาจัดตั้งโครงการหมู่บ้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเลี้ยงปลาช่อน แบบครบวงจรบ้านห้วยคันแหลน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีกลุ่มผู้เลี้ยงปลาช่อนกว่า 50 ราย ปัญหาที่พบ คือ การเลี้ยงไม่เป็นระบบ ต้นทุนการผลิตสูง ขาดเทคโนโลยีช่วยการผลิต ขาดมาตรฐานในการแปรรูป ราคาปลาช่อนตกต่ำ ขาดช่องทางการตลาดและประสบปัญหาภัยแล้ง ทางทีมงาน
หากเอ่ยชื่อ จังหวัดสุพรรณบุรี สิ่งแรกๆ ที่ผู้คนจะนึกถึงกันก็คือ นักปราชญ์ หรือศิลปินที่มีชื่อเสียงมากมายของไทย เพราะเมืองสุพรรณบุรีแห่งนี้ ได้สร้างศิลปินชื่อดังระดับประเทศไว้มากมาย แต่ถ้าหากเอ่ยถึงอาหารที่จัดได้ว่าเด็ดดวงอีกเมนูหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ก็คงหนีไม่พ้น “ปลาช่อนเผาอบชานอ้อย” ปลาช่อนเผาอบชานอ้อย กำลังเป็นที่แพร่หลายเป็นอย่างมากในจังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของจังหวัดแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ติดกับแม่น้ำและมีคลองค่อนข้างมาก จึงทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ มีอาชีพเกี่ยวกับการประมงพอสมควร อำเภอสองพี่น้อง เป็นอำเภอที่อยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 127,677 คน พื้นที่ส่วนใหญ่ในแถบอำเภอนี้ติดกับแม่น้ำ ประชากรส่วนใหญ่จึงนิยมประกอบอาชีพประมง เลี้ยงปลาและจับปลาเป็นหลัก “มาตลาดบางลี่ ไม่กินปลาเผาสองพี่น้อง ถือว่ามาไม่ถึงนะ” นี่คือ คำกล่าวของ คุณณรงค์ ศรีทองอ่อน เจ้าของร้านเฮียติ่งปลาเผา ตั้งอยู่ เลขที่ 75/1 ถนนโพธิ์อ้น ตำบลหวายสอ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นอีกหนึ่งคนที่ยอมเปลี่ยนอาชีพจากการขายส่งปลา มาทำธุรกิจอาหาร นั่นก็คือ ปลาช่อนเผาอบชานอ้อย
คุณมานิตย์ โสภณ อยู่บ้านเลขที่ 150 หมู่ที่ 1 ตำบลบางพลับ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเกษตรกรที่เพาะพันธุ์ปลาช่อนมากว่า 20 ปี โดยรับซื้อลูกพันธุ์จากชาวบ้านที่ไปช้อนมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติในอำเภอสองพี่น้อง หรือชาวบ้านบางรายเลี้ยงไว้ภายในร่องสวนเองเมื่อปลาช่อนมีลูกก็จะนำมาส่งขายให้กับเธออีกหนึ่งช่องทาง จากอาชีพช่างเย็บผ้า สู่ชีวิตเกษตรกร คุณมานิตย์ เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีเธอมีอาชีพเป็นช่างเย็บผ้า ต่อมาช่วงนั้นมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพ จึงกลัวว่าจะทำงานบริการลูกค้าได้ไม่เต็มที่ จึงได้มองหาอาชีพใหม่กับสามีว่าจะทำอย่างอื่นที่ทำงานไม่แข่งกับเวลาเหมือนอาชีพที่ทำอยู่ จึงได้มีแนวความคิดมาอนุบาลพันธุ์ปลาช่อนเพื่อเลี้ยงให้ลูกพันธุ์มีขนาดที่ใหญ่ส่งขายให้กับเกษตรกรนำไปเลี้ยงต่อไป “ช่วงแรกที่มาทำ ก็เริ่มจากเล็กๆ ก่อน ปักตาข่ายเลี้ยงในคลองก็ทำแบบง่ายๆ ใช้ไม้หลักแค่ 4 เสา ตอนนั้นมีอยู่ประมาณ 4 กระชัง พอได้ทดลองขายก็มีกำไรเกิดขึ้น ทีนี้ก็มองไปว่าน่าจะมีกำไรหากจะทำเป็นอาชีพอย่างจริงจัง หลังจากนั้นมาก็ค่อยๆ ขยับขยายและพัฒนามาเรื่อยๆ โดยทำเฉพาะปลาช่อนเพียงอย่างเดียว” คุณมานิตย์ เล่าถึงที่มา ลูก